วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1075 ไม่โมโหอีก

บทที่ 1075 ไม่โมโหอีก

เขามีความอึดอัดเล็กน้อยยิ้มแล้วยิ้มอีก

จิ่งหนิงจ้องมองอานอานอยู่ พูดอย่างเป็นห่วงว่า “พวกแกอยู่ในประเทศเป็นยังไงบ้างล่ะ? เชื่อฟังคุณปู่คุณย่าหรือไม่?”

อานอานพยักหน้าอย่างหนักๆ จากนั้นพูดเสียงเบาๆว่า “พวกเราคิดถึงหม่ามี๊แล้ว หม่ามี๊ท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?”

จ้องมองสายตาของซาลาเปาน้อยที่น้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งแฝงไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ใจของจิ่งหนิงล้วนสลายแล้ว

รีบปลอบโยนพูดว่า “พรุ่งนี้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ก็กลับไปแล้ว พวกแกเป็นเด็กดี อย่าดื้อ อย่าทำให้คุณปู่คุณย่าโมโห รู้ไหม?”

อานอานพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างหนักๆ

ในเวลานี้ จิ้งเจ๋อน้อยซุกเข้ามา ใบหน้าที่อ่อนนุ่มใบหนึ่ง ตาที่ว่องไวทั้งดำทั้งสว่าง

ในมือยังถือหุ่นยนต์อีกตัวหนึ่ง เหมือนโชว์สิ่งล้ำค่าให้เธอดู

“หม่ามี๊ท่านดู นี่เป็นหุ่นยนต์ที่ผมประกอบเอง รอท่านกลับมาให้ท่าน โอ๊ะ”

จิ่งหนิงจ้องมองเขา น่าจะได้กรรมพันธุ์ที่ไอคิวสูงของลู่จิ่งเซินมา แม้ว่าตอนนี้จิ้งเจ๋อน้อยเพิ่งอายุ 5 ขวบ แต่สามารถทำเรื่องมากมายได้เองแล้ว รวมทั้งออกแบบหุ่นยนต์เอง

เขาสนใจด้านนี้มากทั้งมีพรสวรรค์มาก บางทีของที่ทำออกมาทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเหล่านี้ล้วนรู้สึกละอายเหลือเกิน

จิ่งหนิงจ้องมองลูกชายกับลูกสาวทั้งคู่ ในใจรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง

พูดคุยกับพวกเขาอีกสักพัก จึงวางสายลง

เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยล้วนรู้ว่าเป็นอานอานโทรมา เห็นเธอวางสายแล้ว ก็เลยยิ้มอยู่ถามถึงสภาพการณ์ของพวกเด็กๆกับเธอ

จิ่งหนิง ตอบทีละเรื่อง ทั้งครอบครัวมีความสุขดื่มไปเรื่อยๆจนถึงดึกดื่นเที่ยงคืนจึงแยกย้ายกัน

คืนนี้ลู่จิ่งเซินดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนกลับห้องมีความเมาสะลึมสะลือเล็กน้อยแล้ว

แต่เขายังคงจำได้ว่าจิ่งหนิงตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นพยุงเธออยู่ตลอดไม่กล้าเตะต้อง

จิ่งหนิงมีความรังเกียจกลิ่นเหล้าที่อยู่บนกายเขาเล็กน้อย พอเข้าไปในห้องก็ไล่เขาไปอาบน้ำ

หลังจากรอลู่จิ่งเซินเข้าไปในห้องน้ำ จิ่งหนิงโทรหาเฉียวฉี

พวกเขาเฉียวฉีไปช่วงบ่าย ในเวลานี้ ถึงเมืองหลินแล้ว

จิ่งหนิงแน่ใจถึงความปลอดภัยของพวกเขา ทั้งปลอบโยนเฉียวฉีหลายคำ จึงวางสาย

วันนี้คึกคักไปหนึ่งวัน จิ่งหนิงก็มีความเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว

หลังจากวางสาย รู้สึกง่วงมากอยากนอนก็เลยนอนอยู่บนเตียง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ดีๆประตูห้องน้ำเปิดออก

ลู่จิ่งเซินอาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นจิ่งหนิงนอนตัวเอียงอยู่บนเตียง หลับสนิทไปแล้ว

เขาอดขำไม่ได้จนหัวเราะออกมา

เดิมทีคืนนี้คิดที่จะพูดคุยเรื่องเมื่อก่อนกับเธอ ตอนนี้ดูแล้ว กลับไม่จำเป็นแล้ว

ลู่จิ่งเซินเดินเข้าไป ก้มตัวจูบหนึ่งทีอยู่บนหน้าผากเธอ นี่จึงขึ้นไปบนเตียงกอดเธอไว้หลับไปเลย

วันรุ่งขึ้น จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ขึ้นเครื่องกลับประเทศแล้ว

โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ก็จะกลับประเทศพร้อมกันกับพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนตกลงกันไว้เรียบร้อยมานานแล้ว

เพียงแค่ช่วงการเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา มีเรื่องมากมายล้วนทำให้ล่าช้าไปด้วย

เชวซู่ฝั่งนี้มีของบางอย่างยังจัดการไม่เสร็จ ยังต้องใช้เวลาสักพัก

เดิมทีโม่ไฉ่เวยคิดว่าจะไปพร้อมกันกับจิ่งหนิงพวกเขาก่อน

แต่เพราะว่าเรื่องในครั้งนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่าต้องทะนุถนอมเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่เรารัก ด้วยเหตุนี้ก็เลยตัดสินใจไม่ไปก่อนแล้ว รอเชวซู่ฝั่งนี้วางแผนเสร็จแล้ว ค่อยไปพร้อมกันกับเขา

ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงเห็นสภาพ ล้วนไม่ได้บังคับ

ถึงยังไงเกิดแรงบันดาลใจเข้าใจตระหนักเช่นนี้ ไม่เพียงแค่เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยมี แท้ที่จริงพวกเขาล้วนมีเช่นกัน

ดังนั้น ในวันนั้นก็ให้ทั้งสองคนส่งจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินขึ้นเครื่องบินด้วยตนเอง

เวลาในการบินเจ็ดชั่วโมงกว่าๆ

ตอนที่มาถึงเมืองหลวง เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

รถที่ซูมู่วางแผนมารับพวกเขา โม่หนานก็อยู่บนรถด้วย การเที่ยวทะเลทรายในครั้งนี้ ทุกคนล้วนมีความรู้สึกที่เกิดใหม่อีกครั้งอย่างหนึ่ง พบกันอีกครั้งล้วนมีความรู้สึกปลงอนิจจังมากมาย

กลับถึงบ้าน อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยล้วนตื่นเต้นดีอกดีใจมาก

เพราะว่าซาลาเปาน้อยทั้งสองล้วนถูกท่านปู่กับท่านย่ารับไปบ้านเก่าแล้ว ด้วยเหตุนี้จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ได้กลับไปบ้านเก่าโดยตรง ไม่ได้กลับไปวิลล่าเฟิงเฉียวก่อนเลย

เจ้าตัวเล็กทั้งสองรู้ว่าวันนี้พวกเขาจะกลับมานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ตั้งใจรออยู่ที่บ้าน

จิ่งหนิงเพิ่งลงจากรถ ยังไม่ทันเข้าประตู เจ้าตัวเล็กทั้งสองก็วิ่งห้อออกมาแล้ว ในปากเรียกอยู่อย่างตื่นเต้นดีอกดีใจ

“แด๊ดดี้! หม่ามี๊!”

จิ่งหนิงยิ้มอยู่รับพวกเขาไว้ทันที ลู่จิ่งเซินกังวลว่าพวกเขาจะพุ่งจนจิ่งหนิงล้ม อยู่ข้างหลังพยุงเธอไว้นิดๆสักหน่อย

ใช้สายตาที่ตำหนิจ้องมองพวกเขาโดยตลอด

“โตขนาดไหนแล้ว? ยังสะเพร่าขนาดนี้”

อานอานแลบลิ้นแล้วแลบลิ้นอีกกับเขา จากนั้นกอดเอวของจิ่งหนิงไว้รักใคร่พูดว่า “หม่ามี๊ ฉันคิดถึงท่านมากนะ”

จิ่งหนิงอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ ที่ไหนจะไม่คิดถึงพวกเขามากเช่นกันล่ะ?

จูงพวกเขาหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาเดินไปยังข้างใน

ท่านย่ากับท่านปู่ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกเช่นกัน มองเห็นพวกเขาเข้าบ้าน ยิ้มอยู่รีบให้คนรับใช้ไปรับกระเป๋า

“กลับมาแล้ว ระหว่างทางนี้ยังปลอดภัยดีไหม?”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “ค่อนข้างดี ไม่เกิดเรื่องอะไร”

“ไม่มีอะไรก็พอ ไม่มีอะไรก็พอ”

เรื่องที่เกิดอยู่นอกประเทศ แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ทั้งหมด ก็คาดเดาได้บ้างคร่าวๆ

อีกสถานะหนึ่งของลู่จิ่งเซิน ผู้เฒ่าทั้งสองย่อมรู้เส้นสนกลในอยู่แล้ว

เพียงแค่ไม่ได้บอกกับจิ่งหนิงมาโดยตลอด ปัจจุบันนี้เผชิญหน้ากับจิ่งหนิงอีก ในใจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา

“หนิงหนิงอ่า มานั่งอยู่กับคุณย่าที่นี่ ให้คุณย่าดูแกดีๆสักหน่อย”

นายหญิงหชินยิ้มตาหยีอยู่

จิ่งหนิงทำตามคำพูดปล่อยมือของซาลาเปาน้อยทั้งสองออก เดินเข้าไป

หลังจากนั่งลงอยู่ข้างท่านย่า ท่านย่าจึงจับมือเธอไว้ทอดถอนใจพูดว่า “เรื่องในครั้งนี้ทำให้แกตกใจแล้วใช่ไหม? เด็กในท้องได้รับความตื่นตกใจหรือไม่ล่ะ?”

จิ่งหนิงไม่อยากให้ผู้เฒ่าผู้แก่เป็นห่วง ด้วยเหตุนี้เพียงยิ้มแล้วยิ้มอีก “โชคดี ทำให้เกิดการรบกวนความสงบสุขของทารกในครรภ์ แต่จากนั้นพักรักษาก็หายแล้ว”

นี่ท่านย่าจึงพยักหน้าอย่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไป

“เรื่องที่เกี่ยวกับสถานะของจิ่งเซิน แต่ก่อนพวกเราไม่ได้บอกกับแก กลัวว่าแกรู้แล้วจะมีความกังวลที่ไม่จำเป็นเล็กน้อย แกอย่าโทษพวกเรานะ?”

จิ่งหนิงเงียบไปสักพัก

ในเวลานี้ ลู่จิ่งเซินวางกระเป๋าเสร็จกลับมาพร้อมกันกับคนรับใช้แล้ว ได้ยินคำพูดของเธอสีหน้าขึงลับลง

“ท่านย่า ท่านพูดอะไรกับหนิงหนิงอยู่ล่ะ?”

ท่านย่าเงยหน้าจ้องมองเขาหนึ่งที สายตาแฝงไว้ด้วยความตำหนิเล็กน้อย

“พูดอะไร ตอนนี้เรื่องล้วนจบลงแล้ว ยังพูดไม่ได้เลยเชียวเหรอ? ล้วนโทษแก! ในตอนต้นฉันล้วนบอกกับแกแล้ว อย่าไปยุ่งเรื่องเหล่านั้น แกก็ไม่ฟัง หลายปีที่ผ่านมานี้ฉันกับคุณปู่ของแกวิตกกังวลขนาดไหนล่ะ แกไอ้เด็กเหี้ยคนนี้เกรงว่าล้วนไม่เคยคิดมาก่อนล่ะ!”

คำพูดของท่านย่า ทำให้ใบหน้าหล่อของลู่จิ่งเซินขึงลับนิดๆ

จิ่งหนิงอั้นไม่อยู่ “พู่” หัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง

การหัวเราะของเธอนี้ ทำให้บรรยากาศที่เดิมทียังมีความตึงเครียดเล็กน้อยพริบตาเดียวก็คลี่คลายลงแล้ว

เธอหัวเราะเบาๆพูดว่า “ท่านย่า จิ่งเซินรู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงเขา ในใจเขาก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน ท่านก็อย่าตำหนิเขาอีกเลย”

ท่านย่า โอ้วโอ้วโอ้ว ร้องตะโกนขึ้นมาทันที

“มาดูสิ รีบมาดูสิ วินาทีก่อนนี้ฉันยังรักสงสารแกอยู่ล่ะ วินาทีหลังแกก็พูดเข้าข้างไอ้เด็กเหี้ยคนนี้แล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้ล้วนเป็นพวกไม่มีมโนธรรมจริงๆ”

แม้ปากท่านย่าพูดว่าไม่มีมโนธรรม แต่คิ้วตาอดไม่ไหวที่จะยิ้มออกมาแล้ว

เห็นได้ชัดมาก เธอก็รู้ว่า การหัวเราะของจิ่งหนิงนี้ ถือว่าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่เมื่อก่อนพวกเขาปกปิดเธออีกแล้วจริงๆ

ลู่จิ่งเซินก็โล่งอกไปทีเช่นกัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท