วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1083 เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

บทที่ 1083 เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

ลู่จิ่งเซินเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่งก็พูดอะไรมากไม่ได้อีก

เพียงแต่พูดอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหิวไหม? เดี๋ยวผมให้คนไปหาของกินอะไรมาให้”

จิ่งหนิงพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ค่ะ”

รอจนลู่จิ่งเซินออกไปแล้ว เธอถึงได้ถึงได้ค่อย ๆ ขยับไปช้า ๆ แล้วก็ยันตัวขึ้นมามองดูเด็กทั้งสองคนที่อยู่ในผ้าอ้อม

แล้วเห็นเพียงเด็กสีชมพูนุ่มนวลสองคน มือที่ขาวนวลเล็ก ๆ กำไว้แน่น นอนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นก้อนข้าวเหนียวสองก้อน

ใจของจิ่งหนิงนั้นดีอกดีใจเป็นอย่างมาก อารมณ์ในแง่ลบบางส่วนที่มาจากความเจ็บปวดในตอนแรก แค่ครู่เดียวก็สลายหายไปหมดเลย

สิบกว่านาทีให้หลัง ลู่จิ่งเซินไม่เพียงแค่นำของกินมาให้เธอ แต่ยังพาหมอมาให้เธอด้วย

พอหมอรู้ว่าจิ่งหนิงตื่นแล้ว ก็รีบมาช่วยจิ่งหนิงตรวจดูบาดแผลรวมทั้งอาการฟื้นตัวสักหน่อย

พอมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ให้นักกายภาพบำบัดเฉพาะทางด้านนมแม่มาช่วยนวดเปิดท่อน้ำนมให้เธอ

หลังจากนั้นก็บอกข้อควรระวังอีกหลายอย่าง แล้วถึงได้จากไป

รอจนหมอจากไปแล้ว ลู่จิ่งเซินก็เอาอาหารมาวางลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ

จิ่งหนิงอยากจะยันตัวลุกขึ้นมานั่ง แต่กลับโดนลู่จิ่งเซินห้ามปรามไว้ซะก่อน

แล้วก็เห็นเพียงแต่เขาเอาหมอนอันหนึ่งมาหนุนไว้ที่หลังเธอ และก็พยุงเธอลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าขยับ เดี๋ยวผมป้อนคุณก็พอแล้ว”

พอจิ่งหนิงเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าเรียวก็แดงระเรื่อ แล้วก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง

“ฉันไม่ได้พิการสักหน่อย มือก็ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องให้คนป้อนหรอกค่ะ”

แต่แล้ว ในตอนที่เธอเตรียมจะไปเอาช้อนนั้น กลับโดนลู่จิ่งเซินขยับหลบไป

ลู่จิ่งเซินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “อย่าดื้อ! เด็กดีนั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับนะ”

พอจิ่งหนิงเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที แล้วก็หัวเราะพรืดออกมาคำหนึ่ง

เธอรู้แล้วว่า ที่แท้เป็นเพราะว่าลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอคลอดลูกลำบากเกินไป ในใจจึงเกิดความรู้สึกผิด ฉะนั้นถึงได้เป็นแบบนี้

จิ่งหนิงทอดถอนใจอย่างไม่มีเสียงอยู่ในใจทีหนึ่ง

ในเมื่อเขาอยากจะไถ่โทษ แน่นอนว่าตัวเองก็จะต้องให้โอกาสกับเขา ผู้ชายคนนี้จะได้ไม่ต้องเกิดความหวาดระแวงอีก แล้วทำเรื่องอะไรที่ทำให้คนอื่นตกใจขึ้นมาอีก

พอจิ่งหนิงคิดตกแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วก็ตั้งใจดื่มด่ำกับการดูแลปรนนิบัติของลู่จิ่งเซินไป

ลู่จิ่งเซินป้อนข้าวเธอกินไปนิดหน่อยอย่างอ่อนโยน จิ่งหนิงไม่ได้อยากอาหารมากนัก กินไปเพียงครึ่งถ้วยเล็กก็ยกมือขึ้นมาโบกไม่กินแล้ว

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ก็มีนักกายภาพบำบัดเฉพาะทางด้านนมแม่มาหาแล้ว

และแน่นอนว่านี่ก็คือขั้นตอนที่ทรมานอย่างหาที่สุดไม่ได้อีกขั้นหนึ่ง

ลู่จิ่งเซินมองดูอยู่ข้าง ๆ ก็ยังปวดใจแทบจะตายอยู่แล้ว

แต่ก็เข้าใจดีว่า นี่คือขั้นตอนหนึ่งที่คนเป็นแม่คนหนึ่งจะต้องเผชิญ คนรอบข้างไม่มีทางที่จะทำแทนได้

พอคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ดวงตาของลู่จิ่งเซินก็มืดครึ้มลง

รอจนขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว จิ่งหนิงก็มีเหงื่อซึมเต็มหน้าผากแล้ว

ลู่จิ่งเซินเอาผ้าขนหนูมาอย่างปวดใจ และเช็ดตัวให้เธอเองกับมือ แล้วก็อุ้มลูกมาให้เธอ

จ้องมองดูเธอป้อนนมเสร็จแล้ว ถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

จิ่งหนิงเพิ่งคลอดลูกเสร็จไม่นาน เรี่ยวแรงจึงมีไม่มากนัก

ด้วยเหตุนี้พอป้อนนมเสร็จแล้ว ก็นอนหลับไป

เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนก็นอนหลับไปในอ้อมอกเธอด้วย พอลู่จิ่งเซินเห็นเป็นแบบนี้ ก็อุ้มเจ้าก้อนเล็ก ๆ สองก้อนนี้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วเอากลับไปวางลงบนรถเปลนอน

จากนั้น ถึงไปนั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง แล้วตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนสามแม่ลูกไป

แต่จิ่งหนิงพอนอนหลับไปครั้งหนึ่ง ตื่นมาแล้ว

ก็ได้ยินเสียงลู่จิ่งเซินที่นั่งอยู่ข้างเตียงเด็กอ่อน จ้องมองเด็กสองคนที่อยู่ในเตียงนอนแล้วก็พร่ำบ่นอะไรไปก็ไม่รู้อยู่

เธอยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจขึ้นมาครู่หนึ่ง

ก็ได้ยินแต่เขาพูดว่า “พวกแกสองคนต่อไปถ้าโตขึ้นมาแล้ว จะต้องกตัญญูต่อหม่ามี๊ ต้องดีกับหม่ามี๊หน่อย เข้าใจไหม? ไม่งั้นอย่าว่าแต่หม่ามี๊แกจะเสียใจได้ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยพวกแกสองคนไว้แน่!”

น้ำเสียงของเขาดุดัน และก็ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนที่อยู่ในรถเปลนอนเด็กจะฟังคำพูดของเขารู้เรื่องแล้วใช่ไหม ต่างก็ตกใจจนร้องไห้จ้าขึ้นมา

พอพวกเด็ก ๆ ร้องไห้ขึ้นมา ลู่จิ่งเซินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้ายในตอนแรกก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเลย

เพราะกลัวว่าพวกเขาจะทำให้จิ่งหนิงตื่น จึงรีบร้อนยื่นมือออกไปอุ้มลูกขึ้นมา

แต่เด็ก ๆ ทั้งสองคนเมื่อกี้เพิ่งโดนเขาทำให้กลัว แล้วตอนนี้จะมาถูกกล่อมหายง่าย ๆ ได้ยังไง?

เสียงร้องไห้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้องดังขึ้น แทบจะร้องดังจนได้ยินกันไปทั้งโลกแล้ว

ยังดีที่จิ่งหนิงชอบความสงบ จึงพักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยVIPซึ่งเก็บเสียงได้ดีมาก

ไม่งั้นแม้แต่หมอและพยาบาลที่อยู่ข้างนอกก็คงได้ยินกันหมดแน่

พอลู่จิ่งเซินเห็นเช่นนี้ ก็อุ้มลูกไว้แล้วร้อนใจจนโยกไปโยกมา

จิ่งหนิงนอนอยู่บนเตียง พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว สุดท้ายก็กลั้นขำไม่อยู่แล้วหัวเราะออกมา

“คุณอย่าทำให้พวกแกตกใจอีกเลย เป็นลูกสาวลูกชายของคุณเองทั้งนั้น คุณยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีกเหรอ”

พอลู่จิ่งเซินได้ยินคำพูดนี้ ทั้งตัวก็แข็งทื่อไปทันทีเลย

เหมือนอย่างกับเด็กที่ทำอะไรผิดคนหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวมา จ้องมองเธออย่างน้อยอกน้อยใจ

“หนิงหนิง คุณตื่นแล้วเหรอ”

จิ่งหนิงหัวเราะแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณอุ้มพวกแกมาไว้ที่ฉันเถอะค่ะ!”

พอลู่จิ่งเซินเห็นเป็นแบบนี้ ก็รู้ว่าวันนี้ตัวเองโอ๋พวกเขาไม่สำเร็จแล้วแน่ ๆ

แล้วก็รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย จึงได้แต่อุ้มลูก ๆ ไปให้

สิ่งที่แปลกคือ เด็กสองคนที่เอาแต่ร้องไห้โวยวายในตอนแรก พอไปอยู่ในอ้อมอกของจิ่งหนิงปุ๊บก็หยุดร้องทันทีเลย

ลู่จิ่งเซินจ้องมองจนตกใจอ้าปากค้างเลย

ยังเด็กขนาดนี้ก็แยกแยะคนออกได้แล้วเหรอ? แม่แท้ ๆ ยังไงก็ดีกว่าพ่อแท้ ๆ อยู่แล้ว?

จิ่งหนิงยิ้มแล้วก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “คุณว่าคุณนี่นะ อย่างน้อยก็ยังเป็นพ่อของเด็กนะ ทำไมถึงได้ไปขู่ให้พวกเด็ก ๆ ได้นะ? พวกเขายังเด็กขนาดนี้ จะไปฟังคำพูดพวกนั้นของคุณออกได้ยังไง?”

ลู่จิ่งเซินหึเสียงเย็นทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีขึ้นว่า “ผมไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า หลักการบางอย่างก็ควรจะสอนตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงจะดี”

เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ ทำให้จิ่งหนิงต้องทนทุกข์ทรมานมามากขนาดนั้น ก็ควรจะต้องสั่งสอนกันดี ๆ สักหน่อย

แค่มองทีเดียวจิ่งหนิงก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงรู้สึกแต่เพียงทั้งน่าโมโหและทั้งน่าขำ

“ตกลงพวกเขาเป็นคนทำให้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานเหรอคะ? หรือว่าคุณเป็นคนทำให้ฉันทนทุกข์ทรมานกันแน่? ถ้าจะหาตัวการก็ไม่หาให้มันถูกต้องหน่อยซิ”

พอคำพูดนี้พูดออกมา ตัวเธอเองก็รู้สึกแล้วว่ามันแปลก ๆ แล้วก็รีบเม้มปากไว้แน่นไม่พูดอะไรอีกเลย

ในขณะเดียวกัน ใบหน้าเล็กเรียวก็แดงระเรื่อไปหมดทันที

ลู่จิ่งเซินหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มตามขึ้นมาเหมือนกัน

เขาเดินมาถึงข้างกายจิ่งหนิง และนั่งลงมาโอบไหล่ของเธอเอาไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “หนิงหนิง ผมขอรับประกันกับคุณเลยนะ ว่าต่อไปเราจะไม่มีลูกกันอีกแล้ว”

ความทุกข์ทรมานของการคลอดลูก เขาได้เห็นกับตามาแล้วจริง ๆ

ก่อนหน้านี้ตอนที่คลอดจิ้งเจ๋อน้อยนั้น ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดเหมือนกัน แต่ว่าทุกขั้นตอนก็ยังถือได้ว่าราบรื่นดี

ไม่เหมือนกับครั้งนี้……

พอจิ่งหนิงได้ยิน ก็ยิ้มและพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีขึ้นว่า “ยังไง คุณจะไปทำหมันเองเหรอคะ?”

พอได้ยินคำพูดนี้การกระทำของลู่จิ่งเซินก็นิ่งชะงักไป ที่บางแห่งก็เย็นวาบขึ้นมาทีหนึ่งตามสัญชาตญาณ

เขากระแอมไปเบา ๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งหรอก ผมมีวิธีอยู่แล้ว”

พอจิ่งหนิงเห็นเขาพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก และหันหน้าไปเล่นกับพวกลูก ๆ เลย

ส่วนอีกด้านหนึ่ง พอเลิกเรียนอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อย รู้ข่าวว่าน้องชายน้องสาวคลอดออกมาแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้นายหญิงหชินและท่านปู่ลู่พาพวกเขามา

คนชราทั้งสองคนทนการคะยั้นคะยอขอเจ้าเด็กน้อยไม่ไหว จึงได้แต่ต้องพามาด้วย

ยังดีที่อานอานและจิ้งเจ๋อน้อยนั้นรู้เรื่องเป็นอย่างมาก และรู้ว่าจิ่งหนิงเพิ่งคลอดลูกมา ยังต้องการพักผ่อนอยู่ ไม่สามารถที่จะแอะอะเสียงดังมากได้ เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นเด็กดีเป็นอย่างมาก แม้แต่เสียงพูดยังเสียงเบามากด้วย

“พี่ พวกเขาคือน้องชายกับน้องสาวของพวกเราเหรอ? ทำไมถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้ล่ะ?”

จิ้งเจ๋อน้อยเกาะอยู่ที่ข้างเปลนอน ทั้งหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยแล้วจ้องไปเด็กทารกที่อยู่ในเปลนอน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน