บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1103 ความผิดปกติของอ๋องผิงหนาน

บทที่ 1103 ความผิดปกติของอ๋องผิงหนาน

พูดคุยกันอยู่นาน อ๋องผิงหนานค่อยเรียกซื่อจื่อมาทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งสองคน

อ๋องผิงหนานซื่อจื่อสีหน้าขาวซีด ก้าวมาแทบไม่ได้ ยืนแทบไม่ไหว

โสวฝู่ฉู่ถามขึ้นว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น? ป่วยหรือ?”

ซื่อจื่อตอบอย่างอ่อนแรงว่า “เรียนท่านลุง หลานออกเดินทางค่อนข้างน้อยครั้ง ช่วงนี้ เดินทางเหน็ดเหนื่อยมา ร่างกายค่อนข้างรับไม่ไหว สองวันก่อนเริ่มอาเจียนท้องเสีย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หาย จึงทำให้การเดินทางล่าช้าลง”

“เจ้าดูอ่อนแอยิ่งกว่าพ่อของเจ้า” เซียวเหยากงเป็นคนฝึกวรยุทธ ทนเห็นคนวัยหนุ่มอ่อนแอขนาดนี้ไม่ได้ จึงพูดเยาะเย้ยขึ้นในทันที

ซื่อจื่อพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อก็ไม่สบายเหมือนกัน แต่ทานยาแล้ว ดีขึ้นบ้างแล้ว”

โสวฝู่กับเซียวเหยากงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบถามอ๋องผิงหนานว่า “เจ้าไม่สบายหรือ? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

“ดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นไร ระหว่างทางอาหารที่ทานไปค่อนข้างไม่สะอาด ทานยาก็ดีขึ้นแล้ว” อ๋องผิงหนานหัวเราะพร้อมพูดขึ้น

โสวฝู่ฉู่ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “งั้นรีบตามข้ากลับไปพักที่จวนก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้าวังเถอะ”

อ๋องผิงหนานซื่อจื่อพูดขึ้นว่า “หวังเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องรบกวนท่านลุงแล้ว”

เดิมหยู่เหวินเห้าอยากรับพวกเขาเข้าวังไปเลย แต่เห็นร่างกายพวกเขาไม่ค่อยสบาย คิดว่าพักอยู่ที่จวนของโสวฝู่สักคืนก็ดี จึงร่วมเดินทางไปส่ง

โสวฝู่ฉู่กับเซียวเหยากงจัดการเรื่องที่พักก่อน ยังสั่งคนไปตามหมอมาดูอาการป่วยให้กับอ๋องผิงหนานสองพ่อลูก หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องให้คนไปตามหมอคนอื่น ข้าให้คนไปตามพระชายารัชทายาทมาดีกว่า พระชายารัชทายาทอยากพบท่านอ๋องมาตลอด”

โสวฝู่ก็พูดขึ้นว่า “ก็ดี คิดว่าพี่จี๋เอ๋อร์ ก็อยากที่จะเห็นพระชายารัชทายาทเร็วๆ เราเคยเขียนจดหมายไปมาหาสู่กัน พูดถึงพระชายารัชทายาทอยู่หลายครั้ง พี่จี๋เอ๋อร์ก็เคยพูดว่า หากมีโอกาสได้เข้ามาเมืองหลวง ก็หวังอยากที่จะได้เจอพระชายารัชทายาท”

โสวฝู่กับเซียวเหยากง เรียกอ๋องผิงหนานว่าพี่จี๋เอ๋อร์ อายุขนาดนี้แล้วเรียกเช่นนี้ ก็ไม่ทำให้รู้สึกไม่เหมาะสม กลับฟังดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก

หยู่เหวินเห้าจึงสั่งคนไปเชิญหยวนชิงหลิงมา

หยวนชิงหลิงก็อยากเจออ๋องผิงหนานสักครั้ง รีบถือกล่องยาแล้วเรียกอะซี่ กลับคิดไม่ถึงเมื่อแม่นมสี่ได้ยินว่าอ๋องผิงหนานมาถึงเมืองหลวงแล้ว ก็จะตามมาด้วยให้ได้

อ๋องผิงหนาน ชื่อที่ดังก้องหู และยังรู้เรื่องที่ผ่านมาของพวกเขา และยิ่งเพราะเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของไท่ซ่างหวง ดังนั้นหยวนชิงหลิงมาในครั้งนี้ มาด้วยความเคารพอย่างจริงใจ

มาถึงจวนฉู่ หยู่เหวินเห้ารอรับอยู่ที่หน้าประตู แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับนาง

โสวฝู่ฉู่จัดเรือนที่ค่อนข้างดีหลังหนึ่งให้กับอ๋องผิงหนานสองพ่อลูก เซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่ล้วนอยู่ข้างใน อ๋องผิงหนานนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตรงกลาง สวมชุดสีเขียว สุภาพเรียบร้อย ใบหน้าสดใส หยวนชิงหลิง รู้ว่าอายุของเขาเยอะกว่าผู้อาวุโสทั้งสาม แต่ตอนนี้เมื่อดูแล้ว เขากลับเป็นคนที่ดูหนุ่มที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน

และบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน แลดูเป็นมิตรเป็นกันเอง หยวนชิงหลิงเห็นแล้ว ในใจรู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาในทันใด เดินไปถวายทำความเคารพ อ๋องผิงหนานมองดูนางสักพัก จากนั้นก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ในที่สุดก็ได้เจอ มาเมืองหลวงในครั้งนี้ ถือว่าสมปรารถนาไปแล้วหนึ่งเรื่อง”

คำพูดประโยคนี้สำหรับหยวนชิงหลิง ถือเป็นการให้เกียรติ

แม่นมสี่เดินมาทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาที่ค่อนข้างตื่นเต้นว่า “อะสี่ ถวายบังคมท่านอ๋อง”

อ๋องผิงหนานมองดูนาง นิ่งอึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคือเสี่ยวสี่?”

“เรียนอ๋องผิงหนาน คือหม่อมฉัน” แม่นมสี่พูดขึ้น

อ๋องผิงหนานมองดูนาง แล้วก็มองดูโสวฝู่ฉู่ แล้วก็พูดพึมพำขึ้นว่า “ดีจริงๆ ทุกคนล้วนได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

โสวฝู่ฉู่หัวเราะเริงร่าขึ้นมา แลดูเหมือนตอนเป็นวัยหนุ่ม

ด้านข้าง มีคนวัยกลางคนคนหนึ่งลุกขึ้นมา ยกมือประสานให้กับหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมพระชายารัชทายาท”

หยวนชิงหลิงหันไปมอง คนคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุประมาณสี่สิบ รูปร่างสูงใหญ่ มีริ้วรอยหว่างคิ้วดูไม่เรียบเฉยเหมือนอ๋องผิงหนาน กลับดูเหมือนมีเกลียดชังที่ขมขื่นฝังลึก สีหน้าก็ขาวซีด ดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดูอ่อนระโหยโรยแรง

รู้ว่าเป็นบุตรบุญธรรมของอ๋องผิงหนาน นางรีบทำความเคารพกลับ พร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมท่านลุง”

โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท ท่านอ๋องสองพ่อลูก ทานอาหารไม่สะอาดระหว่างเดินทาง อาเจียนท้องเสียมาสองวันแล้ว เจ้าดูให้พวกเขาหน่อย ตรวจดูชีพจรแล้วก็จัดยาให้”

หยวนชิงหลิงรับคำ เดินไปข้างหน้า ดูอาการให้กับอ๋องผิงหนานก่อน

นางถามอาการเป็นหลัก อาการของอ๋องผิงหนานค่อนข้างเบาหน่อย ส่วนอ๋องผิงหนานซื่อจื่อ ในระหว่างที่ตรวจอาการ ยังอดไม่ได้ที่จะต้องไปห้องน้ำ ดูแล้วอาการค่อนข้างหนักกว่า

หยวนชิงหลิงจัดยาให้ แล้วก็รีบให้พวกเขาทานลงไป

นางสามารถดูออก เซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่ ต่างตื่นเต้นกับอาการของอ๋องผิงหนานมาก เฝ้าอยู่ด้านข้างตลอด รินยกน้ำชาบริการ เซียวเหยากงลงมือทำด้วยตนเอง แลดูรักใคร่อย่างเอาอกเอาใจอย่างหนึ่ง

หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้ามองตากัน แม้แต่หยู่เหวินเห้า ยังไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองกับการอยู่ด้วยกันของพวกเขา และก็ไม่รู้ว่าอ๋องผิงหนาน อยู่ในสถานะอะไรในใจของพวกเขา

แต่หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าต่างรู้สึกเหมือนกันว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับอ๋องผิงหนาน หรือการคาดเดาของเหล่าขุนนางบางส่วนนั้นเป็นจริง สำหรับผู้อาวุโสทั้งสามคน ถือเป็นการได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างที่สุด

หลังจากอ๋องผิงหนานทานยาแล้ว ก็เหลือไว้เพียวหยู่เหวินเห้าสองสามีภรรยาพูดคุยด้วยอยู่ในห้อง

อ๋องผิงหนานซื่อจื่อ เพราะอดทนไม่ไหวแล้ว จึงขอกลับไปพักก่อน

ภายในห้อง เพิ่งจุดไฟ แสงอ่อนๆภายใต้โคมไฟ สาดส่องใบหน้าอ๋องผิงหนาน ทำให้ยิ่งดูอ่อนโยน เขามองดูหยู่เหวินเห้า สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนที่เจ้าถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท เดิมทีข้าก็อยากมา แต่เพราะไม่ระวังหกล้มจนขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาได้ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา”

หยู่เหวินเห้ารีบพูดขึ้นว่า “จะถือสาได้อย่างไร? ขาของท่านไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไรนานแล้ว แต่ยังไงก็อายุมากแล้ว หลังจากหายดี ก็เดินเหินตามอำเภอใจไม่ได้แล้ว”

เขามองดูหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดความจริงกับข้า หลายปีก่อน เสด็จปู่ของเจ้าเคยป่วยหนักครั้งหนึ่งใช่ไหม?”

หยู่เหวินเห้าอึ้ง เห็นเขาดูเคร่งขรึมมาก มุ่งมั่น จนดูเหมือนไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านไม่รู้หรือ?”

“ข้าไม่รู้” อ๋องผิงหนานส่ายหัว ถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “บางทีอาจจะมีคนเคยบอกข้า แต่ความจำของข้าไม่ดี มักจะจำความไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเรื่องในปัจจุบัน มักจะหลงลืม ตอนที่เสด็จปู่ของเจ้าป่วยหนัก ข้าไม่ได้กลับเมืองหลวง ข้าไม่รู้ว่า ไม่มีใครบอกข้า หรือว่าตอนนั้นข้าไม่….”

อ๋องผิงหนานพูดพร้อมกับครุ่นคิดอยู่คนเดียว ท่าทีดูค่อนข้างงงงัน

หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้ามองตากัน ต่างรู้สึกค่อนข้างน่าแปลก ไท่ซ่างหวงป่วยเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาไม่ได้กลับมาจริง ส่วนได้เขียนจดหมายมาถามไถ่ไหม อันนั้นไม่รู้ ท่าทีอ๋องผิงหนานผิดปกติอย่างมาก ดูค่อนข้างแปลกไปทั้งหมด ดูไม่มีสติเหมือนกับเมื่อตอนที่มีคนอยู่เยอะ

หยวนชิงหลิงได้ยินว่าเขาจำเรื่องในปัจจุบันไม่ค่อยได้ จึงถามขึ้นว่า “ช่วงนี้ท่านมักจำอะไรไม่ค่อยได้หรือ? งั้นเรื่องที่ท่านเขียนจดหมายมาหาไท่ซ่างหวง ท่านจำได้ไหม?”

“เขียนจดหมายมาหา? พระชายารัชทายาทหมายถึงเมื่อไหร่?” อ๋องผิงหนานถามขึ้น

“ก็เรื่องตอนที่หลินเซียวเข้าออกจวนอ๋อง ท่านเขียนจดหมายมาบอกไท่ซ่างหวงว่า หลินเซียวเข้ามาในจวนอ๋องของท่าน ท่านยังสั่งคนไปไล่ตามไม่ใช่หรือ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น

“หลินเซียวเป็นใคร?” อ๋องผิงหนานดูอึ้งงงงัน

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท