บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1228 ประกาศคำสั่ง

บทที่ 1228 ประกาศคำสั่ง

ฮุ่ยผิงโกรธจนอกแทบระเบิด หลายปีมานี้ นางไม่เคยเจอเรื่องย่ำแย่เช่นนี้ ไม่มีคู่แข่งอะไรที่นางไม่สามารถจัดการได้

นางจ้องมองใต้เท้าอู๋อย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ดี ดี ดีอย่างที่สุด เจ้าคอยดู ข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าไปเฉยๆแน่”

ท่าทีใต้เท้าอู๋เคร่งขรึม โค้งคำนับพร้อมพูดขึ้นว่า “น้อมส่งเจ้าหญิง”

ฮุ่ยผิงสะบัดแขนเสื้อแล้วก็จากไป

เทียบกับโรงหมอของนางแล้ว อานคางถังของหยวนชิงหลิงคิวแน่นมาก นี่เป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิงอยากทำมากที่สุด เริ่มตั้งแต่แรกที่เห็นหูหมิงในถนนคนยากไร้ ในใจของนางก็เห็นเรื่องการปฏิรูปด้านการรักษาเป็นเรื่องใหญ่มาตลอด ว่าไปแล้ว ที่จริงนางควรที่จะต้องขอบคุณฮุ่ยผิง เพราะหากไม่ใช่เพราะนางเลวร้าย แล้วคิดอยากที่จะมีโรงหมอเพิ่มขึ้นเพื่อเอาชนะนาง นางก็คงไม่ตัดสินใจ ลงทุนเงินทั้งหมดที่มีเพื่อเปิดโรงพยาบาลกับโรงหมอมากมายขนาดนี้ แผนการเดิมของนาง ก็คือให้พวกหมอไปประจำตามโรงหมอ บรรเทาความตึงเครียดทางการแพทย์

แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับดีอย่างที่สุด โรงพยาบาลกับโรงหมอของนางไม่อยู่ในระบบ มาตรการทางการแพทย์หลายอย่างสามารถพัฒนาได้ด้วยตัวเอง ไม่มีช่องว่างในการทุจริต

หมอพวกนั้นแกล้งยอมไปเป็นพวก นางเป็นคนวางแผน นางรู้ว่าฮุ่ยผิงจะต้องมาซื้อคนของนางไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สนองให้เป็นไปตามสถานการณ์ ร่วมมือกับท่านชายสี่โจมตีฮุ่ยผิงให้ถึงที่สุด ให้นางเปิดโรงหมอใหม่อย่างยิ่งใหญ่ แล้วก็ไม่สามารถเปิดทำการได้

หมอพวกนี้ นอกจากมีสัญญาผูกมัดอยู่กับนางแล้ว ยังเป็นเพราะพวกเขาได้รับการเคารพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อยู่ในโรงหมอโรงพยาบาลที่นางเปิด หมอไม่เหมือนอย่างเมื่อก่อนเช่นนั้นอีกต่อไป ต่อหน้ามีคนให้ความเคารพ รับหลังกลับถูกคนต่อว่าตำหนิ เพราะการรักษาในสมัยนี้ เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย ผู้ป่วยต่างก็รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

คนเป็นหมอ ที่จริงแล้วควรมีความเมตตาเป็นอันดับแรก แต่ค่อยๆถูกหลักการทำธุรกิจทำให้ปนเปื้อน

ค่อย ๆ ซึมเข้าไปทีละน้อย ในที่สุดก็เห็นทุกอย่างสมเหตุสมผล

แต่คนที่ออกมาจากโรงเรียนแพทย์ของนาง เพิ่งได้สัมผัสกับธุรกิจด้านนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะใช้ความสามารถไปรักษาและช่วยชีวิตคน ในใจคนหนุ่มพวกนี้ เงินทองผลประโยชน์ กลับไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกหลังจากรักษาแล้วได้รับการชื่นชม และให้เกียรติจากผู้ป่วย

นี่เป็นสาเหตุหลักที่ฮุ่ยผิง ไม่สามารถซื้อตัวคนของนางไปได้

แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือเงินเดือนที่นางจ่ายให้กับพวกหมอนั้นค่อนข้างสูง นางไม่ให้เป็นส่วนแบ่ง เพราะหากให้เป็นส่วนแบ่ง จะเป็นการท้าทายนิสัยคน หลังจากนานไป เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น หมอจะตั้งใจจ่ายยาราคาแพง แล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็นเหมือนอย่างฮุ่ยผิง

ดังนั้น นางจึงใช้วิธีให้เงินเดือนสูง

ช่วงนี้ราชสำนักประกาศมาตรการสองอย่าง อย่างแรกคือการกำหนดราคายา อีกอย่างคือการเปิดโรงหมอ จะต้องยื่นขอใบอนุญาต เห็นได้ว่าในที่สุด ราชสำนักก็เริ่มมีมาตรการจัดการแก้ไขตลาดการแพทย์แล้ว

ดังนั้น วันที่ 15 เดือน 12 นางเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงหยวน

นางเสนอฮ่องเต้หมิงหยวน หวังอยากให้ต่อไปโรงหมอหลวงก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ รับนักศึกษาทั่วประเทศ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ให้ฝึกงานในโรงหมอหุ้ยหมิงสามปี จากนั้นก็สามารถไปเปิดโรงหมอเอง หรือไปทำงานที่โรงหมอของคนอื่น อำนาจในการสร้างโรงเรียน ให้อยู่ในมือของราชสำนัก หมอที่ราชสำนักฝึกฝนมา ให้ได้รับใบอนุญาตการทำงานโดยตรง ส่วนหมอที่โรงหมอฝึกฝนมาเอง จะต้องผ่านการสอบจากโรงเรียนแพทย์ ค่อยให้ใบอนุญาตการทำงาน นั่นก็หมายความว่า ต่อไปหากมีหมอต้องการที่จะสอนลูกศิษย์ หลังจากสอนแล้วก็จะต้องสอบเพื่อให้ได้ใบอนุญาตการทำงาน ถึงจะสามารถเป็นหมอประจำได้

นางหวังอยากให้อำนาจทางการแพทย์ ให้อยู่ในความควบคุมของราชสำนัก มีกฎระเบียบและข้อบังคับ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เพราะทางการแพทย์ไม่ควรที่จะมีตลาดเสรี อย่างน้อย เป่ยถังไม่ได้

ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังคำเสนอแนะของหยวนชิงหลิง แต่ไม่เห็นด้วย เพราะการทำเช่นนี้ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของราชสำนัก และการปฏิรูปทางการแพทย์ในตอนนี้อย่างครอบคลุม เป็นการเพิ่มความกดดันให้กับราชสำนัก บวกกับก่อนหน้านี้อาจารย์ฝึกลูกศิษย์เป็นบรรทัดฐานที่มีมาตลอด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จะทำให้เกิดความโกลาหล

ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ฮ่องเต้หมิงหยวนหวังอยากให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาสามารถปรับเปลี่ยนได้บ้าง แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง เขายังยอมรับไม่ได้ในทันใด

วันนี้หยวนชิงหลิงมาพร้อมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี นางยืนพูดกับฮ่องเต้หมิงหยวนประมาณหนึ่งชั่วโมง ยืนจนขาทั้งคู่ไม่มีความรู้สึก นางพูดว่า การปฏิรูปทำให้เกิดความเจ็บปวดระยะหนึ่ง แต่ก็ดีต่อความมั่นคงในระยะยาวของราชสำนัก การรักษาทางการแพทย์จะไม่ใช่โรคเรื้อรังของเป่ยถังอีกต่อไป โรงพยาบาลโรงหมอที่นางเปิดตอนนี้ เหมือนเขาเล็กๆ ที่เขียวขจีขึ้นมาก่อนในฤดูใบไม้ผลิ สุดท้ายแล้ว ทั่วทุกมุมโลก จะล้วนถูกย้อมกลายเป็นสีเขียวมรกต

ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะ มองดูลูกสะใภ้ที่พูดจนเสียงแหบ เห็นได้ชัดว่านางพูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว แม้แต่คำอุปมาที่เล็กน้อยเช่นนี้ก็พูดออกมาแล้ว

ที่จริง ในหนึ่งชั่วโมงนี้ เขาก็ค่อยๆหวั่นไหวแล้ว เมื่อหลายปีก่อน ครั้งแรกตอนที่หยวนชิงหลิงเสนอจะสร้างโรงเรียน นางไม่เห็นด้วย เพราะเต็มไปด้วยความยากลำบากกลับความไม่รู้ เขากลัวว่าพวกหมอจะรวมตัวกันมาก่อเรื่อง กลัวคนไม่มีที่ไปขอความช่วยเหลือ ตอนนี้แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด แต่ยังไงเมื่อป่วย มีเงินก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้

กระทั่งตอนนั้น ตอนที่หยวนชิงหลิงเปิดโรงเรียนแพทย์ เขาก็รู้สึกว่าเป็นการเล่นกับเงิน แต่ที่ไหนได้ วันนี้เวลานี้ หมอที่นางฝึกออกมา กลับมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนเชื่อมั่น

ดังนั้น ดูลูกสาวสะใภ้ที่กระตือรือร้นคนนี้แล้ว ในที่สุดฮ่องเต้หมิงหยวนก็เชื่อและเห็นด้วย

วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้หมิงหยวนเชิญท่านย่าหยวนเข้าวัง คุยปรึกษากับนางอยู่ในห้องทรงพระอักษรสองชั่วโมงเต็ม

สุดท้าย มีพระราชโองการฉบับหนึ่งลงไป เพิ่มขยายโรงหมอหลวง มีท่านย่าหยวนเป็นหัวหน้าหมอหลวง หมอหลวงเฉาเป็นผู้ช่วยหมอหลวง การดูแลจัดการทางการแพทย์ฮูหยินใหญ่ชี้แนะ หลังจากก่อตั้งที่ทำการปกครองโรงหมอหลวง ทุกเมืองทุกแคว้นก็จะเพิ่มโรงหมอหลวง โดยมีโรงหมอหลวงในเมืองหลวงควบคุม สร้างโรงเรียน อบรมและประเมินบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ

การก่อสร้างเพิ่มโรงหมอหลวงตามเมืองต่างๆ ให้ที่ทำการปกครองในท้องถิ่นรับผิดชอบจัดการ แต่ราคารักษากับราคายาอยู่ภายใต้การควบคุมของโรงหมอหลวงกับโรงหมอหุ้ยหมิง ในทุกๆปีราชสำนักจะส่งขุนนางไปตรวจสอบโรงหมอหุ้ยหมิง หากประเมินไม่ผ่าน ขุนนางต้องรับโทษด้วย

เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ตำแหน่ง ก็รีบมีคำสั่ง จากเมืองหลวงไปจนถึงทุกเมือง สร้างบ้านพักคนชรา รับคนหูหนวก ตาบอด ขาพิการ คนบ้ากับคนพิการอื่นๆเข้ารับการรักษา

ทุกเมืองจะต้องมีโรงพยาบาลติดเชื้อหนึ่งแห่ง รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโดยเฉพาะ

ทุกเมืองก็จะต้องมีโรงพยาบาลลี่เหรินหนึ่งแห่ง รองรับผู้ป่วยโรคเรื้อน

ส่วนเมืองที่อยู่ใกล้ภูเขา เปิดโรงพยาบาลอานหรู รับรักษาผู้ป่วยทางจิต

โรงพยาบาลลี่เหรินกับโรงพยาบาลอานหรูนี้ ในทุกๆเมืองจะต้องมีหนึ่งแห่ง นี่เป็นกฎข้อบังคับ ในทุกฤดูจะต้องแจ้งรายงานจำนวนผู้ป่วยของทั้งสามโรงพยาบาลนี้ ให้โรงหมอหลวงทราบ

มีคำสั่งลงไปแล้ว ก็รีบส่งไปยังทุกๆเมือง

ประกาศคำสั่งพวกนี้ ทำให้ฮุ่ยผิงโกรธจัดอย่างที่สุด เพราะนี่เท่ากับ กิจการยาในเมืองหลวงของนาง ถูกกดดิ่งลงอย่างรวดเร็ว นางเริ่มกระทำเหมือนเมื่อก่อน รวมโรงหมอต่างๆ ประท้วง แถมยังเสนอให้งดรับผู้ป่วย แต่โรงหมออื่นๆในเมืองหลวง เห็นถึงความเดือดร้อนก่อนหน้านี้ แล้วก็ถูกอานคางถังแย่งผู้ป่วยไปเป็นจำนวนมาก ยังจะกล้าไปเดือดร้อนกับฮุ่ยผิงหรือ? ต่างก็ปฏิเสธนาง ตามแผนกำหนดของราชสำนัก ลดราคา ทำการประเมิน ขอใบอนุญาต ต่างก็ยุ่งกันอย่างมาก จะมีเวลาสนใจนางหรือ

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท