บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1233 มีคนเลี้ยงข้าว

บทที่ 1233 มีคนเลี้ยงข้าว

หยวนชิงหลิงไม่รู้งานราชกิจ แต่ก็คิดว่าโสวฝู่พูดมีเหตุผลมาก เสด็จพ่อทำงานหัวโบราณจริงๆ คิดว่าแบบเดิมๆ แล้วจะปลอดภัย

ก็เหมือนกับท่าทีที่ทำกับหยู่เหวินจุน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหยู่เหวินจุนไม่เหมาะจะเป็นฮ่องเต้? แต่เขาเป็นลูกชายคนโต ดังนั้นถึงเขาจะปั้นดินเหลวให้เป็นดาวไม่ได้ แต่ก็ยังให้โอกาสเขา และนั่นถึงทำให้ความผยองและความทะเยอทะยานของเขามีมากขึ้น

ต้องพูดเลยว่าโสวฝู่มองราชสำนักและสถานการณ์ได้เฉียบคมมาก

นางรอเด็กๆ เลิกเรียนกลับมากินข้าวเที่ยงที่ตำหนักฉินคุน ไม่ได้พบพวกเขามาระยะหนึ่ง รู้สึกว่าพวกเขาโตขึ้นอีกนิดแล้ว

พอเด็กๆ เห็นแม่ก็ดีใจยกใหญ่ เอาแต่บอกเล่าการเรียนของตัวเอง พวกเขายังพากันเอาตัวอักษรที่ตนเขียนให้หยวนชิงหลิงดู ซาลาเปาเขียนได้พลิ้วไหวมากที่สุด ทังหยวนเขียนได้เป็นระเบียบมาก ทุกเส้นล้วนไม่เชื่อมต่อกัน

เขาบอกแม่ เพราะต่อไปเขาต้องทำการค้าใหญ่ ดังนั้นตัวหนังสือจึงต้องชัดเจน เขาจะทำการค้าอย่างสุจริตและมีศักดิ์ศรี

ส่วนตัวหนังสือของข้าวเหนียวน้อยประณีตมาก ทั้งเจือความลังเล มองออกว่าเขียนไปตามอารมณ์ สภาวะเปลี่ยนแปลงง่าย เขาเป็นคนที่ไม่มีภาระมากที่สุด เพราะอนาคตจะทำอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้

แรกเริ่มหยวนชิงหลิงไม่อยากให้เด็กๆ เข้าวัง แต่ตอนนี้กลับดีใจที่เด็กๆ ได้เรียนหนังสือในวังมาก เพราะจะได้เลี่ยงความขัดแย้งที่เกิดจากการเรียนระหว่างลูกกับพ่อแม่ ไม่เสียความสัมพันธ์แม่ลูก นางได้ผลสำเร็จมาแบบไม่ต้องลงแรงจริงๆ

เจ้าห้าสนทนากับฮ่องเต้หมิงหยวนในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วยาม พอบอกเรื่องที่หยวนชิงหลิงตั้งครรภ์แล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ดีใจมาก แต่จากนั้นก็เคอะเขินขึ้นมาอีก เพราะลูกของสองพ่อลูกจะคลอดในเวลาใกล้เคียงกัน

เมื่อพูดเรื่องส่วนตัวแล้วย่อมต้องมีเรื่องสำคัญในตอนนี้

หลังจากปฏิวัติการรักษาแล้ว ก็รอแต่เก็บเกี่ยวผล ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่จำต้องรีบดำเนินการ

นั่นก็คือการสร้างเขื่อนที่แม่น้ำหวยสามเขต กันไม่ให้ปีนี้เกิดอุทกภัยในช่วงน้ำหลากอีก

ก่อนหน้านี้ที่แม่น้ำหวยเกิดน้ำท่วมใหญ่ หยู่เหวินเห้าได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ที่กลับมารายงานก็คือเขื่อนขาดการบูรณะมาหลายปี มีรอยร้าวเล็กน้อย อีกทั้งดินเหนียวที่อยู่ข้างใต้เขื่อนก็ถูกเซาะ ทำให้เขื่อนไม่แข็งแรง หากปีนี้มีน้ำขึ้นในช่วงน้ำหลากอีก ก็อาจพัดจนสันเขื่อนแตก หากเป็นเช่นนั้น ประชาชนนับล้านในเขตช่วงกลางของแม่น้ำหวยเจียงก็จะอันตรายมาก

และตอนนี้ยังห่างช่วงน้ำหลากอีกครึ่งปี หากคำนวณจากเวลา ทำให้แข็งแรงก่อน พร้อมกันนั้นก็สร้างเขื่อนใหม่ ป้องกันการเกิดความเสี่ยง

เรื่องอุทกภัยของทุกปีฮ่องเต้หมิงหยวนก็กลุ้มใจหนักเหมือนกัน เขาเห็นด้วยที่จะทำให้เขื่อนแข็งแรง แต่กลับไม่เห็นด้วยที่จะสร้างเขื่อนใหม่ เพราะการสร้างเขื่อนใหม่ต้องกั้นน้ำ ตำแหน่งที่หยู่เหวินเห้าชี้ หากกั้นน้ำแล้วจะเป็นอุปสรรคกับการชลประทานทางแถบแม่น้ำซู ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงไถหว่าน หากไม่มีชลประทานจากแม่น้ำ ก็จะส่งผลกับเสบียงปีนี้ แถบแม่น้ำหวยเป็นยุ้งฉางของเป่ยถัง จะเสี่ยงไม่ได้

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าบูรณะเสริมความแข็งแรงของเขื่อนก็พอ ไม่ต้องสร้างเขื่อนใหม่

หยู่เหวินเห้าโน้มน้าวเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ได้ จึงได้แต่คิดหาวิธีอื่น พาหยวนชิงหลิงออกวังกลับจวน

เพิ่งกลับถึงจวนทังหยางก็มารายงาน บอกว่าเหลิ่งจิ้งเหยียนส่งข่าวรบจากหนานเจียงมา สถานการณ์ดีกว่าที่คิดไว้ ตอนนี้เจียงเป่ยกับหนานเจียงอยู่ในภาวะเข้าตาจน ดับไฟสงครามแล้ว

เหลิ่งจิ้งเหยียนบอกในรายงานรบว่าภายในสองเดือนน่าจะได้เจียงเป่ยกลับมา หมอผีหลายคนของเจียงเป่ย มีสองคนเชื่อว่าอะโฉ่วเป็นหมอผีสวรรค์แล้ว

นี่เป็นข่าวดีจริงๆ หยู่เหวินเห้าเบาใจ ที่จริงเขาห่วงเรื่องหนานเจียงมาตลอด เรื่องหนานเจียงไม่ใหญ่ แต่วุ่นวายใจนัก หากไม่จัดการอย่างไรก็เป็นภัยร้ายใหญ่หลวง

ตอนนี้เขาตั้งใจจัดการเรื่องภายในแคว้นให้เรียบร้อย สำหรับเป่ยโม่ทางนั้นก็จับตาดูตลอดเวลา หากเปิดสงครามจริง ก็ได้แต่ทุ่มสุดกำลัง

เรื่องที่ท่านชายสี่ผลิตอาวุธสงครามได้ดำเนินการแล้ว เลือกสถานที่เรียบร้อย ค่อนข้างมิดชิด หยู่เหวินเห้าไม่บอกใครทั้งสิ้น กลัวความลับรั่วไหล แม้แต่หยวนชิงหลิงก็ไม่บอก ส่วนหยวนชิงหลิงก็ไม่ถามเหมือนกัน ช่วยย่าหยวนจัดการเรื่องโรงหมอหลวง

คุณย่าเป็นคนกล้าหาญเด็ดเดี่ยว การสร้างโรงเรียนได้ดำเนินการแล้ว หลังจากผ่านการประกาศในช่วงก่อน บวกกับนโยบายของราชสำนัก จึงได้รับผู้ร่ำเรียนจำนวนมากที่มาสมัครที่โรงเรียนแพทย์

บรรดาผู้ร่ำเรียนนอกจากจะได้ชื่อเสียงจากการสอบแล้ว ยังมีหนทางมากขึ้น นั่นย่อมเป็นเรื่องดี

วันนี้อะซี่เชื้อเชิญหยวนชิงหลิงไปเดินตลาดด้วยกัน ซื้อของนิดหน่อย หยวนชิงหลิงคิดว่าไม่ได้พาเจ้าแฝดออกไปเดินเล่นนานแล้ว จึงพาพวกเขาไปด้วย

อากาศยังค่อนข้างหนาว ตลาดหลังตรุษจีนไม่ได้คึกครื้นขนาดนั้น อยู่ในช่วงเงียบหลังการใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีน ถนนชิงหลวนก็ค่อนข้างเงียบเชียบด้วย

กว่าอะซี่จะได้ออกมาสักครั้งจึงอารมณ์ดีมาก ไม่กลัวอากาศหนาวชื้น ซื้อถังหูลู่ (*ซานจาเคลือบน้ำตาล)ให้เจ้าแฝดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ นางเองก็กินไปหนึ่งไม้ หน้าสวยถูกลมหนาวพัดจนแดง ท่าทางไม่เหมือนคนจะเป็นแม่สักนิด อย่างกับเด็กน้อยที่อยู่ข้างกายหยวนชิงหลิงในสมัยก่อน

หยวนชิงหลิงไม่ได้ครึ้มอกครึ้มใจเหมือนนางขนาดนั้น นางเอาแต่มองสถานพยาบาลด้านข้าง คนไข้ของเป่าหยวนถังค่อนข้างบางตา แต่คนที่เข้าออกล้วนแต่งตัวดี ฮุ่ยผิงลดราคาแล้ว แต่นางก็มีเส้นทางการเงินของนาง ก็เหมือนกับเมื่อก่อน ยาแก้ไข้หวัดหนึ่งเทียบ ใช้แต่วัตถุดิบยาราคาแพง ยาที่แพง กำไรก็เยอะ นานวันเข้านอกจากคนไข้ที่ทางบ้านมีฐานะแล้วก็ไม่มีคนมา

อะซี่ดูร้านทองแล้วก็ดูร้านขายผ้าไหมอีก เลือกของจำนวนหนึ่ง บอกเถ้าแก่ว่าถึงเวลาก็ให้คนเอาไปส่งที่จวน เพราะวันนี้นางไม่ได้พาคนรับใช้มาด้วย มีแต่ผู้หญิงสองคนกับเด็กเล็กสองคน ขนาดเจ้าเสือน้อยก็ไม่ได้ตามมา

เที่ยวชมอยู่ค่อนวัน เจ้าแฝดสองก็หิวแล้ว อะซี่จึงเอ่ยขึ้นอย่างคนมีเงิน “ไป เราไปร้านอาหารเถอะ”

อะซี่เป็นคนมีเงิน ถึงหยวนชิงหลิงจะเป็นคนสร้างบ้านให้ แต่ตระกูลหยวนก็ให้เผยเจี้ยนางมาไม่น้อย ส่วนเงินที่นางเก็บไว้ที่ร้านแลกเงินก็มีหลายแสนตำลึง ส่วนตัวนางไม่ค่อยได้ใช้จ่าย เว้นระยะหนึ่งตระกูลหยวนก็เอามาให้ บวกกับการกินอยู่ก็อยู่ในจวนอ๋องฉู่หมด ตอนนี้สวีอีก็มีเบี้ยหวัด นางอยากใช้เงินก็ไม่มีโอกาสได้ใช้

ดังนั้นวันนี้จะเลี้ยงเจ้าแฝดที่ร้านอาหาร แน่นอนว่าต้องไปที่ที่ดี

เลือกร้านอาหารที่ดีที่สุดข้างถนนชิงหลวน เปิดห้องส่วนตัว

หยวนชิงหลิงไม่ค่อยได้มาสถานที่หรูหราเช่นนี้ พอเห็นข้าวของที่จัดแต่งในห้องส่วนตัวล้วนเป็นของมีราคา แม้แต่ผ้าปูโต๊ะก็ยังเป็นผ้าต่วนแล้วก็อดถอนใจเป็นไม่ได้ “กินข้าวที่นี้มื้อหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไรกันนะ?”

อะซี่หัวเราะพลางเอ่ย “ก็ต้องดูว่ากินอะไรมั้ง ที่จริงข้าก็ไม่ค่อยได้มา เมื่อก่อนก็มากับท่านย่าแค่สองสามครั้ง ข้าจำได้มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านย่าเชิญแขกกินข้าว มื้อนั้นเบ็ดเสร็จจ่ายไปห้าสิบตำลึง”

หยวนชิงหลิงสะอึก “โอ้โห มื้อหนึ่งห้าสิบตำลึง จะฟุ่มเฟือยไปหน่อยแล้วมั้ง?”

อะซี่เท้าคางมองนาง “พี่หยวน ที่จริงพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ มาเดือนละครั้ง ก็ยังจ่ายได้นะ”

หยวนชิงหลิงหัวเราะ “อือ!”

ตอนนี้นางจ่ายไม่ไหว เนื่องจากฮุ่ยผิงตั้งตนเป็นคู่แข่ง เปิดสถานพยาบาลเยอะขนาดนั้น แล้วยังต้องให้เจ้าห้าอีกห้าล้านตำลึงไปทำอาวุธสงคราม ของเดิมนางก็ใช้จนหมดแล้ว อันที่จริงหลายวันก่อนนางเพิ่งคิดบัญชี ตอนนี้เงินกองกลางในจวนอ๋องฉู่เหลือไม่ถึงสองพันตำลึงแล้ว

สถานพยาบาลมีกำไรอยู่บ้าง แต่เงินลงทุนไม่คืนกลับมาเร็วขนาดนั้น ซึ่งก็หมายถึงยังต้องลำบากอีกระยะหนึ่ง รอจนทุกอย่างเข้าที่ เกรงว่าต้องกินเวลาอีกกว่าครึ่งปี

ดังนั้น ครึ่งปีนี้ยังต้องประหยัดกินประหยัดใช้

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท