บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1288 เร่งเดินทาง

บทที่ 1288 เร่งเดินทาง

ฟางหวูเอาโทรศัพท์ออกมา เปิดภาพ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูสิ นี่เป็นตัวอย่างเดิมที่จะเก็บไว้ในห้องเย็นหรือเปล่า?”

หยวนชิงหลิงดูภาพบนมือถือของแรง เป็นภาชนะอันหนึ่ง จึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ข้าไม่ได้เก็บไว้ในห้องเย็น ตอนนั้นข้าได้สั่งให้ผู้ช่วยจัดการไปแล้ว”

“งั้นผู้ช่วยของเจ้าอาจจะเข้าใจผิด เก็บมันไว้ในห้องเย็น ภายใต้ความเย็นติดลบต่ำกว่าสิบองศา จึงกลายเปลี่ยนเป็นสมอง” ฟางหวูพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อยๆต่ำลง เพราะเช่นนี้ฟังดูแล้วค่อนข้างไร้สาระ

หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เป็นไปไม่ได้ ค่อนข้างไร้สาระจริงๆ”

สักพัก หยวนชิงหลิงก็ถามขึ้นอย่างสงสัยอีกว่า “เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากเซลล์สมองถูกซ่อมแซม แล้วงอกกลายเป็นสมองขึ้นมาใหม่? หากเป็นเช่นนั้น หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน จะสามารถกลายเป็นมีร่างกายไหม?”

“นี่น่าจะมีความเป็นไปได้” ฟางหวูพูดขึ้น

ในหัวสมองหยวนชิงหลิงค่อนข้างสับสน อันที่จริงลิงสามารถใช้พลังจิตควบคุมห้วงเวลา มาเจอกับหงเย่ นางก็รู้สึกว่าแปลกแล้ว เพราะลิงเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ เป็นการตายอย่างแท้จริง ไม่เหมือนร่างกายเดิมของนาง สมองในร่างกายเดิมของนางไม่ตาย

ฉะนั้น สมองที่งอกออกมาใหม่นี้ ควบคุมสติของลิงหรือ? งั้นหากเป็นเช่นนี้ ตกลงลิงตายแล้วหรือยัง? ยังมีสติหรือไม่?

-เมืองซิ่วโจว-

ไท่ซ่างหวงย้ายสวีอีกลับออกมาทางด้านนอกเมืองซิ่วโจว ให้เขาไปกับฮุ่ยเทียนเมี่ยตี้ กับคนของยุทธภพบางส่วนส่งองค์ชายรัชทายาทกลับเมืองหลวง

กลุ่มคนที่จะพาไปส่งไม่สามารถออกไปทางด้านนอกเมืองซิ่วโจว เพราะกองทัพเป่ยโม่อยู่ด้านนอก ยังไม่ได้เข้าไปซุ่มโจมตี แสดงว่าจะต้องข้ามภูเขาไป

ข้ามภูเขาไปก็มีผลดี นั่นก็คือระยะใกล้ขึ้นมาก ระหว่างทางสามารถประหยัดเวลาได้อย่างน้อยสองวัน แต่การข้ามภูเขาไปนี้ ไม่ค่อยเป็นผลดีต่ออาการบาดเจ็บขององค์ชายรัชทายาท และไม่สามารถใช้รถม้า ทำได้เพียงช่วยกันหามไป

ไม่มีเวลาครุ่นคิดเยอะขนาดนี้แล้ว จะต้องรีบส่งกลับไปทันที ดังนั้นเมื่อสรุปเส้นทางได้แล้ว ก็ออกเดินทางทันที

หลังจากพวกเขาออกเดินทาง คนของเป่ยโม่ก็เริ่มประชิดเข้ามา ค่อยๆเข้าไปใกล้ตรงที่อ๋องชินเฟิงอันดักซุ่มอยู่

แต่มีเสียงระเบิดลูกแรกดังขึ้น ทหารในเมืองมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ลอบโจมตีจากด้านหลัง เฝ้าระวังไว้พร้อมกับทหารม้าหลายหมื่นตัวของอ๋องชินเฟิงอัน เตรียมบุกโจมดีทั้งข้างหน้าข้างหลัง

ตอนที่อ๋องชินเฟิงอันวางทุ่นระเบิด ได้เหลือเส้นทางรอดไว้หนึ่งทาง เขารีบสั่งคนส่งอาวุธกลับไป ให้ทางด้านหลังเฝ้าระวังไว้ ห้ามให้คนเป่ยโม่ถอยหลังหนีไปได้

ระเบิดถูกจุดชนวนให้แตกระเบิดทีละลูก คนเป่ยโม่ถูกระเบิดจนมึนงง เห็นทหารข้างๆ ถูกระเบิกจนเนื้อกระเด็นออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วก็กระวนกระวาย วิ่งไปข้างหน้า วิ่งไปข้างหลังก็มี

ไปข้างหน้า เท่ากับว่ามีระเบิดยิ่งเยอะ แต่ถอยไปข้างหลัง ทหารเป่ยถังที่อยู่ด้านหลัง ก็มีอาวุธเหมือนกัน

แม่ทัพใหญ่ฉินก็มีจิตใจว้าวุ่นไปสักพัก แต่เขารู้ว่าหากถอยหลัง เท่ากับพ่ายแพ้ แต่โจมตีอาจจะมีความหวังเล็กน้อย อาวุธของเป่ยถังมีจำกัด ต่อให้ต้องสูญเสียคนเป็นแสนตายอยู่ที่นี่ ก็จะต้องโจมตีไปข้างหน้า

ด้านนอกเมืองซิ่วโจว เลือดเนื้อเกลื่อนกลาด เลือดสดเป็นเหมือนดั่งผงละเอียด บนตลอดทางถนนหวยอาน น่าสังเวทใจอย่างมาก

ภายในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ความสามัคคีของคนเป่ยโม่สูญสลาย ความหวาดกลัวครอบงำทุกคน การระเบิดอย่างไม่มีหลักเกณฑ์พวกนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ มุ่งบุกไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่วินาทีต่อไปร่างกายอาจจะแตกสลาย ความกลัวจากการต่อสู้ที่ไม่สามารถหยุดยั้งนี้ พวกเขาไม่เคยเจอ ความกล้าหาญและความเพียรของทหารเป่ยโม่ แตกสลายอย่างรวดเร็ว

รอเมื่อผ่านจากบริเวณดักซุ่มโจมตี ทหารเป่ยถังล้อมโจมตีทั้งหน้าหลัง เหมือนดั่งนกตื่นธนู (คนที่เคยผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ดีมา และภายหลังเมื่อมีอะไรมากระทบเล็กน้อยก็จะตื่นกลัวอย่างมาก)

การระเบิดกว่าครึ่งวัน ควันดินปืนฟุ้งกระจายไปทั่ว เสียงแตรโจมตีดังไปทั่วทุกทิศ ทหารเป่ยถังที่ปรากฏในตอนนี้ เหมือนดั่งทหารสวรรค์ ตกลงมาจากฟากฟ้า กล้าหาญอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้

ความกล้าหาญที่เคยเป็นของเป่ยโม่ ตอนนี้เหมือนดั่งสับเปลี่ยนกัน แม่ทัพใหญ่ฉินไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าการสู้รบในครั้งนี้จะน่าเวทนาขนาดนี้

เมื่อเขามองเห็นอ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยาขี่ม้ามาท่ามกลางควัน ในใจเยือกเย็นไปกว่าครึ่ง ความหวาดกลัวค่อยๆคืบคลานแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก สองสามีภรรยาคู่นี้ เป็นเหมือนดั่งฝันร้ายของคนเป่ยโม่

กัดฟัน แกว่งดาบไปข้างหน้า พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “บุก บุกโจมตีเข้าไป”

ทันใดนั้น ไร้ซึ่งแสงสว่าง และชัยชนะของเป่ยถังก็กำลังจะมาถึง

ในขณะเดียวกัน จอมมารกระบี่หนานเปียนเค่อนำพาหยู่เหวินเห้าจากไป เดินผ่านเส้นทางภูเขา มุ่งหน้าไปทางใต้ แต่ทุกคนต่างก็เป็นห่วงบาดแผลของหยู่เหวินเห้า ดังนั้นจึงเดินอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนเขา

ฮุ่ยเทียนส่งจดหมายกลับไปยังเมืองหลวงตลอด เพื่อรายงานสถานการณ์ตลอดการเดินทาง

หลังจากสองวัน พวกเขามาถึงจวนอู่อานเจอกับท่านชายสี่เหลิ่งกับอ๋องหวย

เวลานี้สถานการณ์ของหยู่เหวินเห้าค่อนข้างแย่แล้ว อาเจียนออกมาเป็นเลือดสองครั้ง สามารถพยายามรักษาสติไว้ได้เพียงน้อยนิด ทานไม่ได้ดื่มไม่ได้ ทำได้เพียงพยายามหยอดน้ำต้มโสมเพื่อประทังชีวิต

อ๋องหวยเห็นหยู่เหวินเห้าในสภาพเช่นนี้ ก็ตื่นตระหนกอย่างที่สุด จวนอู่อานมีหมอที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหลายคน เขาตามมาให้รักษาหยู่เหวินเห้า แต่หมอต่างส่ายหัว องค์ชายรัชทายาทอยู่ในสภาวะที่กำลังจะสิ้นใจแล้ว อ๋องหวยกับสวีอีต่างตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ทั้งสองคนหลบไปร้องไห้อยู่ข้างนอก

ท่านชายสี่เหลิ่งมียาพิเศษหลายอย่าง ล้วนให้เขาทานลงไปทั้งหมด ไม่สนใจว่าใช้ได้ผลหรือไม่ หลังจากทานลงไปแล้ว ก็รีบเดินทางต่อ อ๋องหวยติดตามกลับไปด้วย ส่วนท่านชายสี่เหลิ่งไปช่วยสนับสนุนที่ด่านหน้า

ออกมาจากจวนอู่อานฝนก็เริ่มตกลงมา เพราะถนนที่จะใช้เดินทางต่อล้วนเป็นถนนทางการ ดังนั้นจึงเตรียมรถม้าให้หยู่เหวินเห้า

แต่ตลอดเส้นทางจวนอู่อานเต็มไปด้วยหลุมบ่อไม่ราบเรียบ จนมีครั้งหนึ่งรถม้าเกือบล้ม ดีที่หนานเปียนเค่อบังคับรถม้าไว้ได้ แต่ต่อให้บังคับไว้ได้ หยู่เหวินเห้ากลับเกือบกระเด็นออกไป หัวกระแทกบาดเจ็บ

ทุกคนเห็นว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ รถม้าโยกเยกเกินไป และบนถนนไม่ง่ายที่เกิดเหตุ จึงแบกต่อไปแล้วก็ใช้วิชาตัวเบาในการเดินทางต่อ

ใช้วิชาตัวเบาในการเดินทาง ยังไงก็ช้ากว่ารถม้า เพราะกำลังคนมีจำกัด ต่อให้สามารถเปลี่ยนกันได้ แต่ภายในหนึ่งวัน ใช้วิชาตัวเบาหลายครั้ง ส่งผลทำให้เหนื่อยล้าอย่างที่สุด

เดินทางมาแล้วสี่วัน อาการของหยู่เหวินเห้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งสาหัส ลมหายใจแผ่วเบาอย่างมาก สติก็เริ่มเลือนราง

เขายังอยู่ได้เพราะยาเม็ดจื่อจินกับความเข้มแข็งของตนเอง แต่ทานอะไรไม่ลงมาหลายวันขนาดนี้ ไม่สามารถที่จะใช้พลังจิตได้ ฤทธิ์ยาของยาเม็ดจื่อจินก็ใกล้จะหมดแล้ว ทุกคนต่างร้อนใจอย่างมาก

อารมณ์ของทุกคนแทบจมดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็ง หนานเปียนเค่อเสนอว่าไม่ควรที่จะเร่งเดินทางอีก หากเดินทางต่อไป องค์ชายรัชทายาทคงทนอยู่ได้ไม่ถึงพรุ่งนี้ ให้เขานอกพักผ่อน แล้วส่งพลังจิตให้ อาจจะสามารถทาอยู่ได้สองสามวัน รอพระชายารัชทายาทมาถึง

หลังจากทุกคนปรึกษากันแล้ว ต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของหนานเปียนเค่อ คืนนั้นจึงพักอยู่ที่เมืองทงโจว ฮุ่ยเทียนส่งจดหมายไปให้หรงเยว่ ให้พวกเขารีบเดินทางมาอย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้อีกแล้ว

พวกหยวนชิงหลิงก็เดินทางอย่างไม่หยุดพัก ตอนกลางคืนก็ไม่หยุดนอน เปลี่ยนม้าในที่พักคนเดินทางแล้วก็เดินทางต่อ ตอนที่ได้รับจดหมายจากนกพิราบ พวกเขามาถึงเมืองเซียงโจวแล้ว ห่างจากเมืองทงโจวอีกประมาณสามวัน

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท