บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1562 ช่วยหนุ่มน้อยเอาไว้

บทที่ 1562 ช่วยหนุ่มน้อยเอาไว้

เรือนน้ำแข็งละลายไปแล้ว อ๋องเจิ่นกั๋วได้แต่ขังเจ๋อหลานเอาไว้ที่ลานด้านหลัง ใช้ทหารมากมายเฝ้าเอาไว้ อ๋องเจิ่นกั๋วโมโหมาก เตือนเจ๋อหลานว่าทางที่ดีอย่าทำอะไรเหลวไหลไม่คิด ไม่เช่นนั้นละก็ จะส่งทหารไปยึดเมืองและทำลายเมืองโร่ตูให้ราบคาบ

เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธจนเริ่มพาลแล้ว หรี่ตาลงมองเจ๋อหลานจากเบื้องบน  เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้า เจ้าอยู่ในมือข้า แม้แต่หยู่เหวินเห้าก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตาม ทุกคนต่างก็รู้ดี เขารักลูกสาวมากแค่ไหน มากกว่าชาติบ้านเมืองด้วยซ้ำ 

เจ๋อหลานถอนหายใจเบาๆ  นึกไม่ถึงเลยว่าข่าวลือมากมายที่พูดต่อกันไป จนมีคนคิดว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าหากเขารักข้ามากขนาดนั้นจริงๆ ทำไมจึงให้ข้ามายังพื้นที่บ้าบออย่างเมืองโร่ตูด้วยเล่า จดหมายของท่านอ๋องคงถูกส่งออกไปแล้วกระมัง เมื่อได้รับจดหมายตอบกลับแล้ว หวังว่าท่านอ๋องคงจะไม่ผิดหวัง 

อ๋องเจิ่นกั๋วยิ้มเย็น  เป็นสาวน้อยที่ฉลาดเสียจริงๆ แต่ต่อหน้าข้า เจ้าก็ยังอ่อนหัดอยู่ดี 

พูดจบ ก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างเย็นชา

เจ๋อหลานเลิกคิ้วขึ้นมาเบาๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าท่านพ่อให้ความสำคัญและตื่นเต้นต่อเรื่องของนางมาก เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่มาก

แต่ก็โชคดีที่นางมีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้ มิเช่นนั้น ท่านพ่อคงต้องกลุ้มจนหัวหงอกแน่

ครั้งนี้ ต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองของทุกคน ให้ทุกคนได้รู้ว่า ฮ่องเต้แห่งเป่ยถังหยู่เหวินเห้า ไม่ได้เป็นไปอย่างข่าวลือภายนอกเขาพูดกัน ให้ความสำคัญแต่กับลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

ฉะนั้น นางยังคงจะอยู่ที่นี่ต่อไป บางที อาจจะยังสามารถเห็นละครฉากใหญ่ก็ได้

นางมั่นใจมาก ผู้ที่รู้วิชาควบคุมน้ำน่าจะเป็นฮ่องเต้ของแคว้นจิน ไม่รู้ว่าเขาเคยประสบพบเจออะไรแปลกๆบ้างหรือไม่

สามารถมองออกจากดวงตาของเขาที่ถูกจุดประกายขึ้นมา เขาคงคิดหาวิธีที่จะต่อต้านอ๋องเจิ่นกั๋วมาตลอด เพียงแต่มีความยากลำบากเนื่องจากอายุยังน้อย

และว่ากันว่าหลังจากที่หูหมิงและหลางโถวหนีออกไปได้แล้ว ไม่กล้ากลับมายังเมืองโร่ตูอีก ต่างก็อาศัยอยู่ที่แคว้นจิน พยายามที่จะหาโอกาสบุกเข้าไปอีกครั้ง

ในเมื่ออ๋องเจิ่นกั๋วก็รู้สถานะที่แท้จริงก็เขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือสังหาร คิดว่าคงจะไม่ลงมืออีกแล้วเป็นแน่

แต่ว่า จะบุกเข้าไปช่วยคนในจวน ยังคงไม่สามารถทำได้ กำลังมีจำกัด

เขาได้แต่ปลอบใจตัวเอง รอข่าวคราวจากองค์หญิงอย่างสงบ

เจ๋อหลานอาศัยอยู่ในจวนเป็นเวลาแปดวัน ค่อนข้างสงบ

แต่คืนนี้นางเพิ่งจะนอนหลับ ก็ได้กลิ่นคาวเลือด นางลืมตาตื่นขึ้น ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่งลงก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นเบาๆที่หน้าต่าง มีคนกระโดดเข้ามา

เสียงหายใจที่รีบร้อน บวกกับกลิ่นคาวเลือดที่โชยเข้ามา แรกเริ่มเจ๋อหลานคิดว่าเป็นหูหมิง แต่พอมองไป แสงจันทราบางๆสาดส่องไปที่ใบหน้าของเขา เป็นฮ่องเต้หนุ่มน้อยของแคว้นจิน สวมชุดสีดำทั้งตัว แต่งตัวเป็นนักฆ่า ผ้าปิดหน้าถูกดึงลงมา

ข้างนอกมีเสียงฝีเท้าที่วุ่นวาย และดูแล้วเหมือนกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ เจ๋อหลานรีบดีดตัวลุกขึ้นมา ประคองเขา ความรู้สึกเหนียวข้นส่งผ่านมาจากฝ่ามือ เขาได้รับบาดเจ็บ

 ช่วยข้า เขาพูดได้เพียงหนึ่งประโยค ก็เป็นลมล้มพับไป ใบหน้าขาวซีดอย่างน่าสงสาร

เจ๋อหลานมองไปที่พื้น ไม่มีหยดเลือด เขาพันแผลอย่างเร่งรีบก่อนจะมาที่นี่ ไม่ให้เลือดทิ้งร่องรอยตลอดทาง

แต่คาดว่าคงถูกคนอื่นเดาถึงเส้นทางหลบหนีได้แล้ว จึงไล่ตามมาถึงที่นี่

เจ๋อหลานมองหนุ่มน้อยที่เป็นลมไปแล้ว แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งจนแทบจะมาถึงแล้ว นางยกแขนเสื้อขึ้น หนุ่มน้อยตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ไปอยู่บนคานบ้านอย่างมั่นคง ผ้าสีดำผืนหนึ่งปลิวขึ้นไป มัดร่างของหนุ่มน้อยเอาไว้ จากนั้นผ้าสีดำก็หายไป แม้แต่เสื้อผ้าของหนุ่มน้อยที่ห้อยลงมาก็หายไปด้วย

บนคานบ้าน ราวกับไม่มีอะไรอยู่เลย แต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียด ก็ยังสามารถมองออกว่าบริเวณนั้นมีสีที่อ่อนกว่าไม่เหมือนกัน

เจ๋อหลานกระโดดกลับไปนอนลงที่เตียงอีกครั้ง

วินาทีต่อมา ประตูถูกเปิดออกอย่างหยาบกระด้าง องครักษ์ที่พกดาบพุ่งเข้ามา แต่ละคนดุดันน่ากลัว คนที่เป็นหัวหน้าในมือถือคบเพลิง ทันใดนั้นก็สาดส่องทั้งห้องจนสว่างไปหมด

เจ๋อหลานลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา มองพวกเขาอย่างงุนงง ร่างกายหลบเข้าไปในผ้าห่มด้วยสัญชาตญาณ  พวก พวกเจ้าจะทำอะไร  

ไม่มีใครสนใจนาง องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าตะคอกเสียงหนึ่ง  ค้น 

องครักษ์ทำการค้นหาในห้องเป็นการใหญ่ ตู้ ตู้เสื้อผ้า หลังฉากกั้น ใต้เตียง กระทั่งเตียงของเจ๋อหลานก็ไม่ปล่อยผ่าน เลิกผ้าห่มของเจ๋อหลานออก เจ๋อหลานร่างกายสั่นเทา

หัวหน้าองครักษ์เดินตรงมาข้างหน้า จ้องมองเจ๋อหลานและถามว่า  มีคนบุกเข้ามาหรือไม่  

นิ้วมือของเจ๋อหลานกำที่นอนเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็กขาวซีดเอ่ยอย่างโมโหว่า  พวกเจ้าไง พวกเจ้าบุกเข้ามา ข้านอนของข้าอยู่ดีๆ พวกเจ้าบุกเข้ามาทำไมกัน  

หัวหน้าองครักษ์ไม่สนใจความโมโหของนาง แล้วก็มองไปรอบๆห้องอีกครั้งหนึ่ง ยังยกคบเพลิงขึ้นมองไปบนหลังคา หลังคายังมีสภาพดีไม่เสียหาย ไม่น่าจะหนีออกไปได้จากทางหลังคา

หัวหน้าองครักษ์ยกมือขึ้น  ถอย 

จากนั้นเขาก็ประสานมือขึ้นหันไปทางเจ๋อหลาน  ขออภัยด้วย 

องครักษ์จากไปแล้ว รวดปิดประตูให้ด้วย

เจ๋อหลานผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่ได้ปล่อยตัวหนุ่มน้อยลงมาในทันที แต่รอให้เสียงฝีเท้าห่างออกไปไกลแล้ว ค่อยยกมือขึ้น ผ้าสีดำปรากฏขึ้น ห่อหุ้มหนุ่มน้อยเอาไว้ค่อยๆลอยลงมาสู่พื้น

เจ๋อหลานยกตะเกียงเข้าไป เห็นเพียงบริเวณท้องของเขาถูกแทง บาดแผลลึกมาก ใช้สายคาดเอวมัดเอาไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมา แต่ว่า สายคาดเอวได้ถูกย้อมเป็นสีแดงแล้ว นั้นก็เท่ากับว่าห้ามเลือดเอาไว้ไม่ได้

อุณหภูมิของร่างกายเขาต่ำมาก กระทั่งเป็นความเย็นเยียบ ลมหายใจก็แผ่วเบามาก

เจ๋อหลานกำลูกไฟประคบบาดแผลเพื่อห้ามเลือด แล้วก็ให้ผ้าสีดำคลุมบาดแผลเอาไว้ บาดแผลหายแล้ว แต่ว่า นี่เป็นเพียงวิชาบังตา บาดแผลยังมีอยู่ จำเป็นต้องทำการรักษาต่อไป

พิษเย็นในร่างกายของเขาค่อนข้างรุนแรง บางที่นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาฝึกฝนวิชาควบคุมน้ำก็เป็นได้ เจ๋อหลานใช้กระแสจิตขโมยยาในกล่องยาของท่านแม่บีบจนแตกละเอียดให้เขากลืนลงไป แล้วใช้เปลวไฟทำให้ร่างกายของเขาอบอุ่นขึ้น หวังว่าเขาจะอดทนจนผ่านด่านนี้ไปได้

วันนั้นเดิมทีเป็นการให้กำลังใจเขาเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะลงมือเร็วเช่นนี้ เขาไปลอบสังหารอ๋องเจิ่นกั๋วหรือ

ฮ่องเต้หนุ่มน้อยไปลอบสังหารอ๋องเจิ่นกั๋วมาจริงๆ

อ๋องเจิ่นกั๋วไม่รู้เลยว่าเขาได้แอบฝึกวิทยายุทธ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาได้ชุบเลี้ยงคนเอาไว้บางส่วน การลอบสังหารเกิดขึ้นในช่วงกลางดึก อ๋องเจิ่นกั๋วชะล่าใจ ไม่มีการป้องกัน ถูกเขาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ในช่วงฉุกละหุกได้ฉีกผ้าปิดหน้าของเขาออก แต่ยังไม่ทันเห็นชัดเจนเขาก็หนีออกมาได้

เจ๋อหลานวางเขาลงบนเตียง แล้วใช้ผ้าดำคลุมเอาไว้ วิชาบังตาเป็นวิชาที่ต่ำ ตอนนั้นเพียงแค่เห็นว่าน่าสนุกจึงได้เรียนรู้กับอาจารย์ คิดไม่ถึงว่าจะใช้ได้ดีเช่นนี้

ตอนกลางวันเจ๋อหลานออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง ได้รับรู้ว่าอ๋องเจิ่นกั๋วได้รับบาดเจ็บหนัก การป้องกันขององครักษ์ในจวนเห็นได้ชัดว่าเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ยืนรักษาความปลอดภัยกันถี่มาก

ทั้งจวนอ๋อง ทุกที่เต็มไปด้วยกรุ่นคาวเลือด เจ๋อหลานแอบฟังพวกเขาพูดคุยกัน ได้รับรู้ว่าคนข้างกายของหนุ่มน้อยล้วนถูกประหารตัดศีรษะจนหมด

ฮ่องเต้หนุ่มน้อยหายตัวไป อ๋องเจิ่นกั๋วส่งคนมากมายออกไปตามหา และได้ประกาศตามจับตัวมือสังหาร จับตัวมือสังหารที่มีบาดแผลบริเวณหน้าท้อง ร้านยาและโรงหมอที่มีชื่อต่างๆ หากพบเจอ จำเป็นต้องรายงานทันที

อ๋องเจิ่นกั๋วยืนยันอย่างแน่ใจแล้วว่าเป็นฮ่องเต้หนุ่มน้อยที่ลอบสังหารเขา เพียงแต่ยังหาไม่พบ ก็ไม่สามารถประกาศต่อโลกภายนอกได้

ขอเพียงหาตัวเขาพบ หลังจากเทียบเคียงบาดแผลแล้ว ก็ไม่สามารถซ่อนตัวได้อีก บาดแผลนั้นไม่มีทางหายไปกลางอากาศแน่ แม้เขาจะหาข้ออ้างใดๆก็ตาม ก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนคำพูดโกหกของตัวเองได้

ตอนนี้อ๋องเจิ่นกั๋วไม่สนใจเจ๋อหลานเลยแม้แต่น้อย ได้แต่สั่งให้คนจับตาดูนางเอาไว้ ขอเพียงนางไม่ก่อเรื่อง ก็ปล่อยนางทำตามใจไป

การลอบสังหารครั้งนี้ แม้จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส แต่ว่า กลับให้ข้ออ้างที่ดีในการที่จะถอดฮ่องเต้ออกจากบัลลังก์ ฉะนั้นตอนนี้เขายุ่งอยู่แต่กับการวางแผนการ

ฮ่องเต้หนุ่มน้อยตื่นขึ้นมาในห้องของเจ๋อหลาน ยังไม่ทันได้มองสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆว่า  พี่ชาย เจ้าตื่นแล้ว 

เขาประสานสายตาที่ดำขลับดุจองุ่นคู่นั้น นิ่งอึ้งไป เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่ตัวเองลอบสังหารล้มเหลวแล้ว จึงบุกเข้ามาในเรือนของนาง

ตอนนั้นลนลานจนไม่มีทางเลือก ไม่ได้จงใจจะมาที่นี่

 บาดแผลของเจ้าเจ็บหรือไม่ ตอนนี้สมานกันดีแล้ว เจ๋อหลานพูดเสียงเบา

 

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท