บทที่ 47 การสั่งห้ามในโลกธุรกิจ
เหลยกวางกรุ๊ปเป็นบริษัทปล่อยกู้ที่ขึ้นชื่อของเหมืองหมิงจู ขั้นตอนยุ่งยากแตกต่างจากการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ถ้าไปกู้ยืมเงินกับเหลยหวางกรุ๊ปต้องการเพียงแค่บัตรประจำตัวใบเดียว
เพียงแค่ว่า ดอกเบี้ยก็สูงมาก
จ้าวลิ่วก็พึ่งการปล่อยกู้สร้างรายได้ ค่อยๆพัฒนาเป็นที่สุดยอดกับอำนาจใต้ดินของเมืองหมิงจู จนมาถึงจุดนี้ การฆ่าคนจุดไฟในอดีตนั้นได้เลิกไปนานละ และทำค้าขายสุจริต
แม้ดอกเบี้ยจะสูงกว่าธนาคาร แต่ก็ยังคงมีคนรับความเสี่ยงมากู้ยืมเงิน ผู้คนที่สุจริตก็ไม่ขี้เกียจไปสนใจ
ในทุกวันนี้ การมีทัศนคติที่อ่อนโยนต่อลูกค้าถึงจะเป็นแกนนำหลัก
แต่ว่า ช่วงนี้จ้าวลิ่วหงุดหงิดมาก เพราะคนรักของเขาถูกตีจนเสียโฉม
ว่ากันว่าผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้า แต่ใครก็อยากใส่เสื้อผ้าที่สวยๆทั้งนั้น—-มีวันหนึ่ง เสื้อของคุณถูกคนอื่นตัดจนเป็นรู คุณจะโกรธหรือไม่?
เปลี่ยนตัวใหม่ต้องใช้เงินไหม?ยังเสียหน้าอีก
และ ก็ยังรู้ว่าคนร้ายที่ตีผู้หญิงของเขา กลับเป็นไอ้คนที่ไร้ประโยชน์ที่ไม่เข้าระดับของครอบครัวเล็กๆ นี่ยิ่งทำให้จ้าวลิ่วโกรธเข้าไปใหญ่
ในขณะที่เขากำลังคิดวางแผนจะแก้แค้นตระกูลหลินยังไงอยู่นั้น เลขาพุ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น
“ประธานจ้าว เกิดเรื่องแล้ว คนจากสำนักใหญ่มา”
ฟังคำนี้ปุ๊บ จ้าวลิ่วเกือบกระโดดลงจากที่นั่ง ตกใจจนเหงื่อออกทั้งตัว
คนจากสำนักงานใหญ่?!
เขามีมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เคยเห็นคนของสำนักงานใหญ่เลย
เมื่อก่อนทำผิด ก็แค่คนของสำนักสาขาตามหาเขา แม้เป็นเรื่องที่ใหญ่หน่อย ก็ไปแค่สำนักงานเขตเท่านั้น
จ้าวลิ่วบังคับตัวเองให้สงบเย็นลง ทบทวนเรื่องที่ตัวเองทำในช่วงนี้ ว่ามีตรงไหนทำผิดหรือเปล่า
แต่ว่าทุกเรื่องก็ถูกกฎหมาย ทำไมถึงได้ดึงดูดความสนใจของสำนักงานใหญ่ล่ะ?
“เชิญเขาเข้ามาก่อน”จ้าวลิ่วรีบร้อนจัดการเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย และยังปรับสีหน้าบนใบหน้า
คนของสำนักงานใหญ่ ล้วนเป็นผู้ที่เก่งกาจมาก เวลาพูดต้องระวังให้มาก ในกรณีที่เราประมาท ถูกชักนำเข้าไป……
สักพัก คนในเสื้อสูทรองเท้าหนัง ผู้ชายหล่อผูกเนคไทเดินมา
สิ่งที่ทำให้จ้าวลิ่วตกตะลึงนั้น คนสำนักอู๋นี้ยังเด็กจนเกินไป ดูๆแล้วน่าจะมีอายุแค่ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี
สำหรับอายุเท่านี้ก็ได้มายืนในตำแหน่งนี้ ไม่ใช่เพราะมีเบื้องหลังที่คอยหนุน ก็คือความสามารถที่โดดเด่น
“คุณอู๋นี่เก่งจริงๆเลยในขณะที่ยังหนุ่มอยู่ อายุน้อยๆ ก็เข้าถึงสำนักงานใหญ่” จ้าวลิ่วได้ยิ้มออก พูดอย่างประจบ
“ความบังเอิญล้วนๆ”
อู๋เฟยได้ยิ้มออกอย่างฝืน นั่งอยู่หน้าของจ้าวลิ่ว
“คุณอู๋ สูบไหม?”
จ้าวลิ่วก็ไม่ได้ถือสา นำเอาบุหรี่ที่ดีออกมา ส่งให้อู๋เฟย
“ไม่ละ”
อู๋เฟยปฏิเสธ กล่าว: “ที่ฉันมาคือมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย พูดจบก็กลับ”
“เรื่องอะไร?”
ภายนอกจ้าวลิ่วยิ้มเล็กน้อย ภายในกลับตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะทำยังไง
“จ้าวลิ่ว หลายปีนี้คุณก็ปรับตัวดีขึ้นเยอะบ้างละ เริ่มทำธุรกิจสุจริตอย่างจริงจัง ยังบริจาคเงินให้การกุศลไม่น้อย ช่วยเหลือเด็กๆที่ไม่มีปัญญาเรียนหนังสือก็มาก……”
อู๋เฟยกล่าวกับจ้าวลิ่วด้วยรอยยิ้ม แต่ว่า ยิ่งอู๋เฟยพูดอย่างนี้ ใจจ้าวลิ่วยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่การเกริ่น อู๋เฟยยังไม่ได้บอกจุดหมายจริงๆ
“เรื่องดีเหล่านี้ที่คุณเคยทำ อยู่ในสายตาพวกเราตลอด นับถือพฤติกรรมของคุณนี้จากใจจริง แต่ว่า……”
อู๋เฟยหยุดไปซะพัก แล้วมีความหมายลึกซึ้งที่น่าสนใจกล่าวต่อว่า: “อย่าทำชั่วเพราะสิ่งที่เล็กน้อย ความคิดร้ายๆบางอย่าง ห้ามมีเด็ดขาด”
หัวใจของจ้าวลิ่วเต้นแรง แก้มก็กระตุกอย่างรุนแรง: “คุณอู๋พูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม หากจ้าวลิ่วทำตรงไหนผิดไป ฉันแก้ไขแน่นอน……”
อู๋เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่านี่ก็ได้เวลาละ เพิ่งจะกล่าวอย่างไม่รีบร้องว่า: “คุณมีความคิดที่จะแก้แค้นตระกูลหลินใช่ไหม?” “……”
เมื่อคำนี้ออกมา จ้าวลิ่วตกใจแทบตายไป เขามีความคิดนี้จริง แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย สำนักใหญ่รู้ได้ยังไง?
หรือมีคาถาอ่านใจคน?
“ฉันถูกใส่ร้าย ช่วงหลายปีนี้ฉันมุ่งแต่หาเงินสร้างรายได้และทำงานการกุศล แล้วยังจะไปทำเรื่องฆ่าๆแกงๆได้ยังไง?”
จ้าวลิ่วเรียกความยุติธรรม:“จะว่าไป ฉันก็ไม่รู้จักตระกูล”
อู๋เฟยยิ้มออกมาจางๆ: “คุณจ้าว คุณอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะจัดการคุณยังไง”
จ้าวลิ่วไม่สามารถเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจอู๋เฟยเลยว่าเล่นอะไรอยู่
“คุณฟังฉันให้พูดจบก่อน—-”
อู๋เฟยหัวเราะเบาๆ กล่าว: “บ้านตระกูลหลินนี้ ช่วงนี้ทำเรื่องอะไรไม่ได้อยู่ในขอบเขต ไปทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงบางคนโกรธ ก็สมควรแล้วที่ได้รับคำสั่งสอน”
ฟังคำพูดของอู๋เฟยแล้ว จ้าวลิ่วอึ้งไปสักพัก พูดอย่างนี้แล้ว เขาเห็นด้วยที่จะลงมือกับตระกูลหลิน?
“ครั้งนี้ คือคุณทำตามคำสั่ง”
อู๋เฟยกล่าวอย่างจริงจัง: “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ต่อเนื่อง6วัน คุณต้องไปสั่งสอนตระหลินแต่พอเหมาะ แต่ในวันสุดท้าย คุณต้องออกหน้าเอง ไปขอโทษตระกูลหลิน เข้าใจไหม?”
จ้าวลิ่วถึงกับงงเลย ไปสั่งสอนก่อน แล้วไปขอโทษ นี่เป็นการปฏิบัติตามประเภทไหน?
“จ้าวลิ่ว นี่เป็นคำสั่งจากผู้ใหญ่ท่านนั้น ถ้าทำดีแล้ว คุณได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยแน่”อู๋เฟยกล่าวเตือน
ได้ยินอย่างนั้น จ้าวลิ่วก็ไม่ได้คิดมากอะไร เลียไปริมฝีปากที่แตกแห้ง หัวเราะได้น่ากลัวเล็กน้อย: “เข้าใจละ คุณอู๋ รบกวนกลับไปบอกให้ผู้ใหญ่ท่านนั้น ว่าเรื่องนี้ จ้าวลิ่วอย่างฉันจะทำให้ดีที่สุด”
“ฉันคงไม่ได้เจอกับผู้ใหญ่ท่านนั้น”
อู๋เฟยถอนหายใจยาวๆ: “คำสั่งนี้ ถูกสั่งลงมาการเป็นชั้นๆเชียวนะ แม้แต่ฉัน ก็ไม่รู้ว่าตระกูลหลินนั้นไปทำเรื่องอะไรที่ให้เคียดแค้นขนาดนี้ ทำให้ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องบนนั้นโกรธมาก”
คำพูดนี้ก็ทำให้จ้าวลิ่วงงแล้วงงอีก แสดงว่า ในระหว่างนี้มีความสัมพันธ์ห่างกันหลายชั้น คำสั่งถูกส่งต่อๆกันลงมา สุดท้ายถึงจะให้อู๋เฟยมาบอกกล่าวให้ตัวเอง ให้ตัวเองดำเนินการ
คนนั้นที่ว่า ‘ท่านผู้ใหญ่’อำนาจในมือต้องใหญ่โตขนาดไหนกัน?
หลังส่งอู๋เฟยเสร็จ จ้าวลิ่วเดินไปเดินมาในห้องทำงานของตัวเองเป็นเวลานาน และก็คิดอยู่นาน สุดท้ายแสงดุร้ายในดวงตากะพริบ เรียกเลขาตัวเองเข้ามา: “ไปแจ้งลูกน้องทุกคนในบ้าน ว่ามีงานแล้ว ไปบ้านตระกูลหลินเที่ยวหนึ่ง……”
เรื่องดังกล่าว ก็เกิดกับบ้านตระกูลหวาง
บริษัทการบันเทิงฮุยหวง หวางหมิ่นเหมินกำลังกุ้มหัวรับใช้อยู่ข้างวัยกลางคน คนหนึ่ง
ผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใด ก็คือคนที่รวยที่สุดในเมืองหมิงจู หูอีซาน
หูอีซานใช้น้ำเสียงสั่งการสั่งให้หวางหมิ่นเหมินทำอะไรอย่าง เนื้อความที่พูดเหมือนกับอู๋เฟยทุกประการ!
นับตั้งแต่วันนี้ ตระกูลหวางปราบปรามบริษัทย่อยตระกูลหลินอย่างเต็มที่ แต่พอถึงวันสุดท้าย หวางหมิ่นเหมินต้องไปขอโทษด้วยตัวเอง
พายุลมขนาดใหญ่ที่จะต่อต้านตระกูลหลินนั้น กำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ
คนในตระกูลหลินไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ณ เวลานี้ ตระกูลหลินกำลังมีการประชุมด่วนระหว่างครอบครัวอยู่
หลังจากที่ไล่ถังเฉาออกไปแล้ว คนในตระกูลหลินไม่ได้รู้สึกมีความสุขแต่อย่างใด ทางกลับกัน บรรยากาศอึดอัดจนให้คนทนไม่ไหว
ยิ่งสีหน้าของหลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนดูไม่ได้เลย สายตาได้แต่จ้องไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังกำแพง
เมื่อวานเลขาท่านประธานหลี่ถาวได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว บริษัทลี่จิงกรุ๊ปจะพิจารณาใหม่เรื่องที่จะร่วมงานกับตระกูลหลิน ก่อนห้าโมงเย็นวันนี้ จะแจ้งผลสรุปให้คนในตระกูลหลิน
ตอนนี้เวลาก็สี่โมงห้าสิบนาทีแล้ว ห่างกับห้าโมงเย็น ยังเหลืออีกสิบนาที
หากบริษัทลี่จิงไม่ได้ยกเลิกการร่วมงาน อย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องที่น่าแสดงความยินดี หากยกเลิกการร่วมงาน สำหรับตระกูลหลินแล้ว นั้นเป็นภัยพิบัติอันร้ายแรงทีเดียว
การรอ เป็นสิ่งที่ยาวนานมาก สิบนาทีสุดท้าย ดั่งเหมือนรอเป็นชาติ
ทุกคนดั่งเหมือนนั่งอยู่บนเข็มและหมุด มีหนามอยู่ที่หลัง
กริ๊งกริ๊งกริ๊ง—-
จู่ๆ สายเรียข้าวของโทรศัพท์ที่แสบหูก็ดังขึ้น ทุกคนเป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป กลับตกใจกันเพราะเสียงโทรศัพท์
“ฮัลโหล?ใช่เลขาหลี่ไหม?”
หลินฉ่ายเวยตาไวมือเร็ว แย่งโทรศัพท์มาทันที ถามด้วยความใจร้อนว่า
“ใช่ฉันเอง” เสียงของหลี่ถาวที่ฟังเหมือนสูงส่งได้ผ่านออกมาจากโทรศัพท์
หลินฉ่ายเวยฝืนยิ้มออกมา ถามอย่างตะกุกตะกักว่า :“เรื่องสัญญาที่ว่านั้น บริษัททางคุณ……ได้พิจารณาว่ายังไงบ้างคะ?”
พูดจบ เธอก็กลั้นหายใจ แล้วรอคำตอบ
เสียงของหลี่ถาวก็ยังเย็นชาตามเคย: “จากการพิจารณารอบคอบของคณะกรรมการแล้ว พวกเราบริษัทลี่จิงกรุ๊ป สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า ร่วมงานกับทางคุณต่อไป……”
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ ก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในใจทุกคนได้ปล่อยวางซะที
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ก็เป็นเหมือนผู้รอดชีวิตอย่างนั้น หายใจเข้ายาวๆไปที
“แต่ว่า!”
จู่ๆ หลี่ถาวก็ได้เปลี่ยนเรื่องคุย กล่าวต่ออย่างเย็นชาว่า: “บริษัทลี่จิงร่วมงานกับพวกคุณตระกูลหลิน มีข้อตกลงอยู่สองข้อ”
“ข้อที่หนึ่ง ตัวแทนตระกูลหลินต้องเป็นหลินเจิ้นสงเพียงผู้เดียว หากให้ฉันจับได้ว่าเปลี่ยนคน ก็หยุดการร่วมงานทันที!”
“ข้อที่สอง นอกจากหลินเจิ้นสงแล้วคนอื่นๆในตระกูลหลิน โดยเฉพาะคุณหลินฉ่ายเวยกับคุณโจวเหม่ยหยูน ถูกพวกเราบริษัทลี่จิงกรุ๊ปทำบันทึกเข้าในองค์กรบัญชีดำอย่างเป็นทางการ ไม่ให้เข้าบริษัทลี่จิงกรุ๊ปตลอดชีวิต ไม่ร่วมงานด้วย หวังว่าคงเข้าใจ”
ตูตูตู—-
คำพูดที่แสนเย็นชาพูดจบ หลี่ถาวก็ได้วางสายไป
ณ เวลานี้ ทุกคนในตระกูลหลินต่างตกตะลึงไปหมด เหมือนดั่งประสบสองสภาพความโศกเศร้าและความสุข สีหน้าซีดลงทันที!