บทที่ 137 เผยตัว
หลังจากเรื่องน่ายินดี ก็เป็นเรื่องน่าหดหู่
หลังจากประกาศทั้งสามเรื่องเรียบร้อย หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยูนและโจวเหม่ยหลิงมึนงงไปหมด
หลงเถิงกรุ๊ปจะยุติความร่วมมือกับตระกูลโจวของพวกเธอ
พวกเธอเพิ่งทำสัญญาสำเร็จตอนที่ไปตระกูลโจวเมื่อสองวันก่อน นี่เป็นผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่ต้าโจวกรุ๊ปจะได้รับ
ถ้ายุติความร่วมมือ แล้วพวกเธอจะทำเงินอย่างไร
“ไม่ได้ ฉันไม่เห็นด้วย!”
โจวเหม่ยหยูนเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เธอโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เนื้อตัวสั่นไปหมด “ใครที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่และจะยุติความร่วมมือกับต้าโจวกรุ๊ป!”
คำถามด้วยความโกรธของโจวเหม่ยหยูนดังขึ้นอย่างกึกก้องภายในห้องประชุม ความร่วมมือระหว่างหลงเถิงกรุ๊ปกับต้าโจวกรุ๊ปเกิดขึ้นได้เพราะโจวเหม่ยหยูน ยังไม่ถึงสามวันก็โดนยกเลิกแล้ว ถ้าโจวเหม่ยหยูนไม่โกรธก็แปลกแล้ว!
“หลินเจิ้นสง นายนี่กล้ามากเลยนะ กล้ายกเลิกความร่วมมือกับบริษัทของพ่อตาตัวเอง!”
เธอมองหลินเจิ้นสงด้วยสีหน้าโกรธเคือง และก่นด่าออกมา
หลังจากที่รู้ว่าหลินเจิ้นสงเป็นประธาน คนอื่นกลัว แต่โจวเหม่ยหยูนไม่กลัว
สีหน้าของหลินเจิ้นสงเคร่งขรึม ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เสียงอันกึกก้องดังขึ้นมา
“ผมเป็นคนทำเอง!”
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองเป็นตาเดียว
เห็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยบุคลิกที่ไม่เหมือนคนธรรมดา เขามองโจวเหม่ยหยูน จากนั้นก็เดินไปบนเวที
“ประธานจู”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือใคร สีหน้าของคนในห้องประชุมก็เปลี่ยนไปทันที ขนาดคนที่ยโสโอหังอย่างโจวเหม่ยหยูนยังตะลึงเล็กน้อย
“นาย..นายไปมอบตัวแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกปล่อยตัวออกมาล่ะ” เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จูหาวปรายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร
คนที่ยืนอยู่ตรงมุมอย่างถังเฉาก็แสยะยิ้มออกมาเบาๆ จูตกลงว่าจะเปิดโปงคดี 316 ถังเฉาจะทำไม่ดีกับเขาได้อย่างไร
เขาเป็นคนคิดวิธีคดี 316 แต่คนที่เป็นคนดำเนินการคือฉางหงเทียนกับซ่งเทียนซาน ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาจึงถูกจับแค่วันเดียวและถูกปล่อยตัวออกมา
จูหาวพยักหน้าให้หลินเจิ้นสง จากนั้นจึงพูดกับเลขาเฉินว่า “เลขาเฉิน ประกาศสองเรื่องหลังไปแล้วใช่ไหม”
เลขาเฉินพยักหน้า และมองไปยังหัวหน้าระดับกลางและระดับสูงที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง “จริงๆ แล้วเราสามารถรวมเรื่องที่สองกับเรื่องที่สามเป็นเรื่องเดียวกันได้ รองประธานของหลงเถิงกรุ๊ปก็คือประธานจูได้ทำหน้าที่ต่อไป ยุติสัญญากับต้าโจวกรุ๊ปจะเป็นเรื่องแรกที่ประธานจูจะทำเป็นเรื่องแรกหลังกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง!”
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นโจวเหม่ยหยูนหรือหลินฉ่ายเวย รวมไปถึงคนในตระกูลหลินคนอื่นๆ พากันงงไปหมด และเอาแต่มองจูหาวที่ยืนอยู่บนเวทีอยู่อย่างนั้น
เดิมทีพวกเธอคิดว่าจะมีโอกาสช่วงชิงตำแหน่งรองประธาน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมารับตำแหน่งนี้แล้ว!
“เนื้อหาการประชุมของวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ จบการประชุม”
หลังจากที่เลขาเฉินประกาศจบการประชุม เขาไม่สนโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยที่กำลังเหม่อลอย และพาหลินเจิ้นสงกับจูหาวไปที่ห้องประธาน
การประชุมครั้งนี้เป็นการจู่โจมพวกโจวเหม่ยหยูนอย่างรุนแรงโดยไม่ต้องสงสัยอะไรเลย
กลัวว่าหลังจากไม่กี่วัน พวกเธอคงจะไม่กล้าอวดดีใส่ตระกูลหลินอีก
ถังเฉาไม่ได้ก้าวก่ายธุรกิจของหลงเถิงกรุ๊ป เขาหันหลังและเดินออกไป
ลิฟต์เคลื่อนตัวผ่านชั้นแต่ละชั้น เดิมทีเขากะว่าจะไปชั้นบนสุดของอาคารกั๋วจี้ แต่เมื่อเห็นตัวเลข 88 จิตใจที่สงบสุขของถังเฉา ก็เริ่มไม่สงบสุขขึ้นมา
ราวกับมีอะไรดลใจให้เขาไม่ไปชั้นบนสุดของอาคาร และกดตัวเลขชั้น88
ติ๊งงง
ประตูลิฟต์เปิดออก ถังเฉาเดินไปตามทางที่คุ้นเคยจนเจอห้องของประธานกรรมการ
เขารวบรวมความกล้าและเคาะไปที่ประตูเบาๆ
ก๊อก ก็อก ก็อก
“เข้ามา”
เสียงอันราบเรียบดังออกมาจากข้างใน ถึงน้ำเสียงจะราบเรียบแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
ถังเฉาผลักประตูเข้าไป เห็นเงาอันเย็นยะเยือกที่อยู่ในห้องทำงาน แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ชิงเสว่”
“นายมาได้ยังไง”
หลินชิงเสว่อึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นถังเฉา “ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน ทำไมนายถึงมีเวลามาหาฉันล่ะ”
“งานของผมค่อนข้างพิเศษ มีเวลาว่างเยอะ ก็เลยอยากแวะมาหาคุณ” ถังเฉายิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
หลินชิงเสว่วางงานในมือลง เธอมองเขาด้วยสายตาจริงจัง “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าทำงานอะไร”
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชิงเสว่จะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เจอกับเหวินเหวยเฉินครั้งก่อน หรือจะเป็นโครงการก่อสร้างเมืองที่ตกไปอยู่ในมือของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ล้วนมีเงาของถังเฉาอยู่ในนั้น
ทั้งหมดนี้ล้วนบ่งบอกว่าตัวตนของถังเฉาไม่ธรรมดา!
“ในเมื่อเป็นสามี ภรรยากัน ก็ไม่ควรมีอะไรปิดบังกันไม่ใช่เหรอ” หลินชิงเสว่พูดอย่างจริงจัง
“โอเค ผมจะบอกคุณ”
เขาเลี่ยงหลินชิงเสว่ไม่ได้ ถังเฉาจำใจพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจว่า “ผมเป็นเจ้าของอาคารกั๋วจี้ อาคารทั้งหมดเป็นของผม”
“.…..”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเฉา ถึงจะเตรียมใจมาแล้ว แต่ใบหน้าอันสะสวยของหลินชิงเสว่ก็ยังแสดงความตกตะลึงออกมา
“นายเป็นเจ้าของอาคารนี้เหรอ!”
“ใช่”
ถังเฉาพูดอย่างหนักแน่นว่า “หลังจากที่รู้ว่าคุณทำงานที่อาคารกั๋วจี้ ผมก็ซื้ออาคารนี้ทั้งหมด เพราะผมไม่อยากให้คุณโดนกลั่นแกล้งแม้แต่นิดเดียว คุณควรจะเป็นราชินีในอาคารกั๋วจี้”
“.…..”
หลินชิงเสว่ยังคงมองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอถึงกับเอามือปิดปากเพราะตกใจเป็นอย่างมาก
ความสงสัยทั้งหมดสลายหายไปในพริบตา
ถังเฉาเป็นเจ้าของอาคารนี้ ดังนั้นโครงการก่อสร้างเมืองจึงตกมาอยู่ในมือของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป
ถังเฉาเป็นเจ้าของอาคารนี้ ดังนั้นจึงได้เงินกลับมาจากการเป็นหนี้ของบริษัทการบันเทิงฮุยหวงเป็นจำนวนมาก
ถึงมันจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่มันก็อยู่บนหลักของเหตุผล
“บริษัทผลิตยาหงเทียนกับหลงเถิงกรุ๊ป ก็เป็นฝีมือของนายเหมือนกันเหรอ”
ถังเฉาพยักหน้า และมองหลินชิงเสว่ด้วยสีหน้าราบเรียบ “ทั้งหมดที่ผมมีล้วนเป็นของคุณ”
หลินชิงเสว่เบิกตาโต สีหน้าของเธอดูไม่ปกติ “นายยังมีอะไรปิดบังฉันอีกไหม”
“มีเยอะมาก”
“.…..”
หลินชิงเสว่มองถังเฉาอย่างตกใจ
ในที่สุดเขาก็ยอมรับ
“ผมมีหลายเรื่องที่ปิดบังคุณ แต่ผมรับประกันกับคุณเลยว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะบอกคุณทุกเรื่อง”
ถังเฉามองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาจริงจัง จากนั้นจึงพูดด้วยสีเบาแต่ทรงพลังว่า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
หลินชิงเสว่รู้ว่าถังเฉาคงจะมีเรื่องที่ลำบากใจ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ฉันจะรอ”
จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ถังเฉาไม่ได้รบกวนเธอ เขาแค่มองเธอทำงานด้วยสายตาที่อ่อนโยน
หลินชิงเสว่มีลูกสาวที่งดงามให้เขา และอยู่เป็นหม้ายเพื่อเขามาห้าปี จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก
ถังเฉาบอกกับตัวเองในใจว่า ไม่ว่าหนทางจะลำบากหรืออันตรายแค่ไหน หรือต้องแลกกับทุกอย่างที่เขามี เขาก็จะแต่งงานกับเธอให้ได้
หลินชิงเสว่ทำงานได้สักพักก็หยุดทำ
ไม่รู้ทำไมเมื่อถังเฉาอยู่ด้วย เธอไม่มีกะจิตกะใจทำงาน
เธอจึงตัดสินใจไม่ทำแล้ว หญิงสาวมองถังเฉาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เหมือนว่าเราสามคนยังไม่เคยไปทานข้าวข้างนอกกันเลย”
ถังเฉาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า “ไม่เคยจริงๆ ด้วย”
“วันนี้พวกเราไปทานข้าวข้างนอกกัน มีอะไรที่อยากทานไหม ฉันเลี้ยงเอง”
ถังเฉาปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก “ขอแค่ได้ทานกับคุณ ผมทานอะไรก็ได้”
หลินชิงเสว่ยิ้มบางๆ เธอเลิกงานก่อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ทั้งสองคนไปรับถังเสี่ยวลี้หลังเลิกเรียน เมื่อรู้ว่าวันนี้จะได้ทานข้าวข้างนอก ก็ดีใจไม่หยุด
“ดีจัง หนูจะกินไอติม น่องไก่ทอด สเต๊กเนื้อวัว สเต๊กเนื้อแกะ และของอร่อยอีกเยอะๆ”
“ได้เลย พ่อจะพาลูกไปกิน”
ถังเฉาอุ้มถังเสี่ยวลี้ด้วยความรักใคร่
เมื่อเห็นพ่อลูกอยู่ด้วยกัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินชิงเสว่
อาหารเย็นจบลงที่ภัตตาคารอาหารยุโรปสุดหรูแห่งหนึ่ง ขอแค่ถังเสี่ยวลี้อยากกิน ถังเฉาก็จะสั่งมาอย่างละหนึ่งแบบ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข หลินชิงเสว่ดื่มไวน์ไปเล็กน้อย ใบหน้าอันเย็นชามีสีแดงระเรื่อ
ขณะนั้นเอง เสียงมือถือของหลินชิงเสว่ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
หลินชิงเสว่หยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย
แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
ความเย็นชาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ น้ำเสียงของเธอเย็นเข้าไปถึงกระดูก
“ฉันหวังว่าเขาจะตาย”