ตึง—-
มองต่งอี้สิงที่ตายอย่างน่าเวทนาอยู่ตรงหน้า ลูกตาของต่งวี่ซู่เบิกโตในชั่วขณะนั้น ร่างกายอ่อนยวบ ก้นกระแทกพื้นนั่งลงไป
“ฉันฆ่าคนแล้ว ฉันฆ่าคนแล้ว……”
เขามองมือทั้งสองที่เปื้อนเลือดสดเต็มไปหมด หายใจแรงๆ พูดจามั่วซั่วแบบไม่ได้สติเท่าไร
“คุณชายรอง ฆ่าคุณชายใหญ่แล้ว……”
เครือญาติทั้งหมดของตระกูลต่งล้วนทำหน้าอึ้งทึ่ง ตั้งนาน ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
ไม่มีใครนึกว่าตระกูลต่งจะมีบทสรุปแบบนี้ ต่งอี้สิงฆ่าต่งหนานหลิ่ง ต่อมา ต่งวี่ซู่ฆ่าต่งอี้สิงแล้ว
ตระกูลต่งในตอนนี้ กลายเป็นหุ่นกระบอกที่แข่งขันกันระหว่างถังเฉาและเสิ่นชิงหยุน
“แกกล้าฆ่าคนต่อหน้าฉัน!”
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นชิงหยุนก็ตะโกนเสียงดัง สีหน้าอึมครึมถึงขั้นสุด
เป้าหมายที่เขามาตระกูลต่งชัดเจนมาก นั่นคือขัดขวางถังเฉาฆ่าต่งอี้สิง
สำหรับตระกูลเสิ่นนั้น ต่งอี้สิงยังมีผลประโยชน์คุณค่าที่สูงมาก ไม่สามารถมาตายแบบนี้ได้ แต่ว่าเขาได้แสดงจุดยืนออกไปแล้ว ต่งวี่ซู่กลับยังคงฆ่าต่งอี้สิง นี่ทำให้เขาขายขี้หน้ามาก
ฉันพูดไปมากมายขนาดนี้ ยังกล้าฆ่าคน นี่ไม่ใช่ไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตาเลยเหรอ?
“ถึงแม้เขาจะไม่ตายในตอนนี้ วันหลัง รอตอนที่เขาไม่มีคุณค่าผลประโยชน์ แกก็จะฆ่าเขาแบบนี้เหมือนกัน”
เวลานี้ ถังเฉามองเขาด้วยท่าทางมีเลศนัย พูดจานิ่งๆ
“ถังเฉา—-”
ครู่หนึ่งสายตาเสิ่นชิงหยุนตกอยู่บนตัวถังเฉา สีหน้าอึมครึม
ถ้าไม่มีถังเฉายุยงส่งเสริมอยู่ในนั้น ต่งวี่ซู่คงไม่กล้าฆ่าต่งอี้สิงต่อหน้าต่อตาเขาเด็ดขาด
เขาเผยเจตนาอาฆาตต่อถังเฉาออกมา เพียงแค่ถังเฉาไม่ได้ใส่ใจเขาแต่อย่างใด กวาดตามองเขาอย่างสบายแวบหนึ่ง จากนั้นเดินก้าวใหญ่ๆ มาตรงหน้าต่งวี่ซู่
“ทำได้ไม่เลว ฉันมองเห็นความจริงใจของนายแล้ว”
ต่งวี่ซู่เงยหน้าขึ้นแบบสั่นเทาเล็กน้อย ภาพเงาของถังเฉา แต่ไหนแต่ไรเหมือนไม่เคยสูงใหญ่เท่าตอนนี้
เขาบังแสงแดดเอาไว้ ด้านหลังปลดปล่อยแสงรุ่งโรจน์เป็นอย่างยิ่งออกมา ดึงภาพเงาของเขาให้สูงยาว
สายตาทุกคนสั่นหวั่นไหว เขาค่อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปทางต่งวี่ซู่
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกอย่างของตระกูลต่ง ให้นายจัดการหมด”
ต่งวี่ซู่มองนิ่งค้างอยู่ตั้งนาน นี่ถึงรับมือข้างนั้นด้วยใบหน้าตื่นเต้นเต็มที่ ลุกขึ้นมาภายใต้การพยุงของถังเฉา
“ขอบคุณครับคุณถัง!”
เขาโค้งตัวให้ถังเฉาเก้าสิบองศา ความไม่พอใจสารพัดก่อนหน้านี้ต่างหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว กลายมาเป็นความเคารพและหวาดกลัวแบบเต็มหัวใจ
เครือญาติตระกูลต่งทั้งหมดมองฉากนี้อย่างงุนงง หลังได้สติกลับมา ก็โค้งตัวให้ถังเฉาด้วยเช่นกัน
“ตระกูลต่งต่อจากนี้ ฟังเพียงคำสั่งของคุณถังเท่านั้นครับ!”
แทบจะทุกคนของตระกูลต่งร้องตะโกนออกมาพร้อมเพรียงกัน
พวกเขาต่างไม่ใช่คนโง่ ผู้ชนะย่อมถูกผู้แพ้ย่อมผิด ต่งอี้สิงตายแล้ว ไม่มีใครเรียกร้องแทนต่งอี้สิง ได้แต่ทำตามผู้นำใหม่
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งหวงหัวเราะนิดหน่อย “ยินดีด้วยค่ะรองผู้นำ พิชิตตระกูลยักษ์ใหญ่ได้อีกแล้ว”
ถังเฉากลับส่ายหน้า “ยังไม่พอ ต่อจากนี้ก็คือตระกูลเสิ่น”
“ตระกูลต่งที่เดียวไม่พอ ยังพยายามเอาตระกูลเสิ่นของผม คุณถังนี่ตะกละจริงๆ เลย”
เสิ่นชิงหยุนหัวเราะเยาะ ความโกรธบนหน้าหายไปในชั่วขณะนั้น ฟื้นคืนสู่ความสงบแบบก่อนหน้าอีกครั้ง
“ตะกละเหรอ?”
ถังเฉาถามกลับอย่างสงบ “ตาอินกับตานาแบ่งปลากันไม่ลงตัว ตาอยู่เลยเอาปลาไปกินแทน พวกแกตระกูลเสิ่นยังตะกละเสียยิ่งกว่ามั้ง?”
“พวกละโมบโลภมาก เห็นแก่ได้ไม่รู้จักพอ มีบางครั้งความทะเยอทะยานมากไปหน่อย ยังพอนับว่าเป็นเรื่องดีได้”
บนหน้าเสิ่นชิงหยุนมีรอยยิ้มนิ่งๆ มองถังเฉาผู้โลภมากแล้วพูดว่า “ในเมื่อต่งอี้สิงตายด้วยน้ำมือของพี่น้อง เป็นโชคร้ายของตระกูลต่งเอง ฉันเป็นคนนอก จะไม่แทรกแซง เรื่องนี้ให้เป็นไปตามนี้แล้วกัน”
“อ่อ? แกไม่ใช่มาช่วยต่งอี้สิงหรอกเหรอ ทำไมพอคนตายไป แกจะยอมแพ้แล้วล่ะ?”
ท่าทางถังเฉาดูเจ้าเล่ห์ “ไม่ว่าจะเป็นยังไง ต้องเสแสร้งแกล้งทำหน่อย”
“คุณถังพูดตลกแล้ว คนตายฟื้นขึ้นมาไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหายนะที่ก่อขึ้นเอง ไม่สามารถอยู่รอด?”
เสิ่นชิงหยุนรีบเปลี่ยนวิธีการพูดทันที หัวเราะแล้วพูดว่า “นอกจากพยายามปกป้องต่งอี้สิง ชิงหยุนยังมีอีกเรื่องคืออยากร่วมงานกับคุณถัง”
คำพูดนี้ออกมา ถังเฉารู้ว่าเสิ่นชิงหยุนหมดความอดทนแล้ว
เพราะเรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง ถ้าไม่พูดความจริงออกมา งั้นเขาคงมาเสียเที่ยว
ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นฟังความหมายของเสิ่นชิงหยุนไม่ออก ถามกลับอย่างเรียบเฉย “พวกเราเคยร่วมงานกันด้วย?”
“ก่อนหน้านี้ พวกเราร่วมงานกันไม่ใช่เข้าขากันมากเหรอ?”
บนหน้าเสิ่นชิงหยุนมีรอยยิ้มที่รุ่งโรจน์ “ผมบอกการกระทำของตระกูลต่งกับคุณถังไป และสั่งห้ามประกาศที่ตระกูลต่งลงไปบนอินเทอร์เน็ต ส่วนคุณมอบทรัพย์สินส่วนหนึ่งของตระกูลต่งให้ผม”
“เสิ่นชิงหยุน ที่แท้เป็นแก!”
คำพูดนี้ออกมา เครือญาติตระกูลต่งทั้งหมดก็จ้องมองเสิ่นชิงหยุนอย่างโมโห
เรื่องที่ต่งอี้สิงลงประกาศ พวกเขาย่อมรู้เป็นธรรมดา คาดไม่ถึงกลับถูกสั่งห้ามแบบไร้เหตุผล เป็นการกระทำของตระกูลเสิ่นนี่เอง
เหตุผลเดียวกัน ความจริงพวกนี้ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว
ประกาศของตระกูลต่งที่มีต่อถังเฉา ตระกูลเสิ่นสั่งห้ามไว้จริง เพียงแค่เรื่องหลังจากนั้นตระกูลเสิ่นพูดกลับไปกลับมา ตนเองลงประกาศต่อถังเฉาแล้ว และมีเรื่องที่ถังเฉากับครอบครัวระหว่างกลับมาที่หมิงจูเจอนักฆ่าลอบสังหารบนมอเตอร์เวย์
ตระกูลต่งจึงเป็นแพะรับบาปแทนตระกูลเสิ่นแล้ว
“ฮ่าๆ เป็นฉันแน่นอน!”
เสิ่นชิงหยุนหัวเราะเสียงดัง “พวกแกโง่กันเอง โทษใครได้ล่ะ?”
ทุกคนของตระกูลต่งหมั้นเขี้ยวตามๆ กัน เกลียดเสิ่นชิงหยุนจนทนไม่ไหว ต่งวี่ซู่จึงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าอึมครึม “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
คนตระกูลต่งสำนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง รีบหุบปากลง
พวกเขาสวามิภักดิ์ต่อถังเฉาแล้ว ถ้ามาโกรธเคืองเพราะเรื่องนี้อีก ถังเฉาจะคิดอย่างไรกัน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้ตระกูลต่งเป็นตัวต้นเรื่องอยากประกาศจัดการถังเฉา
“คุณถัง ตระกูลต่งในตอนนี้ ไม่เหมือนกับตระกูลต่งเมื่อก่อน ยังหวังว่าท่านอย่าได้ใส่ใจครับ” ต่งวี่ซู่รีบมองทางถังเฉาอย่างกังวล
ถังเฉาปัดมือ ไม่ได้สนใจ มองทางเสิ่นชิงหยุน ยิ้มพูดอย่างมีเลศนัยต่อไป “งั้นแกพูดมาหน่อย ครั้งนี้จะร่วมงานกันยังไง?”
เสิ่นชิงหยุนหัวเราะแล้ว “ง่ายมาก ตระกูลต่งสวามิภักดิ์ต่อคุณถังแล้ว อย่างนั้นผมหวังว่าคุณถังจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลต่งออกมากองไว้ มอบให้ตระกูลเสิ่น เป็นการตอบแทน ต่อไปคุณถังคือขุนนางคนต่างประเทศของตระกูลเสิ่น มีตำแหน่งเป็นตัวแปรอยู่ที่ตระกูลเสิ่นของผม”
ได้ยินคำพูดของเขา ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สีหน้ายิ่งดูมีเลศนัยเพิ่มขึ้น สังเกตเขาอย่างนิ่งๆ
ทันใดนั้น เสิ่นชิงหยุนเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พูดต่ออีก
“ใช่แล้ว ยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดกับคุณถังสักหน่อย ต้องชมที่คุณถังใจกว้าง ตระกูลเสิ่นของผมถึงฮุบสมบัติส่วนหนึ่งของตระกูลต่งได้ ตระกูลจะยิ่งใหญ่เกรียงไกร ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมขอประกาศว่าหมิงจูจะไม่มีสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ มีเพียงตระกูลเสิ่นของผมที่ยิ่งใหญ่เพียงตระกูลเดียว!”
“ผมว่าเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่แบบนี้ คุณถังควรจะพิจารณาดูหน่อยมั้ง? จะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเรา หรือว่าเข้าร่วมกับพวกเรา หวังว่าคุณจะคิดให้ดี”
พูดถึงสุดท้าย ดวงตาเสิ่นชิงหยุนหรี่ขึ้นอย่างลุ่มลึก สายตาที่มองทางถังเฉานั้นเต็มไปด้วยการข่มขู่ที่เข้มข้น
หลังจากตระกูลเสิ่นยึดครองทรัพย์สินส่วนหนึ่งของตระกูลต่ง ก็ขยายตัวถึงขีดสุดแล้ว