เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ชั่วพริบตาที่ท่านหานประกาศผลแพ้ชนะนั้น ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด มีเพียงเสียงสะท้อนที่ก้องกังวาน ดังสะท้อนอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“นี่… นี่มันเป็นไปได้ยังไง…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหูเข่อเฟิงยังไม่ทันจางหายไป ความรู้สึกบนใบหน้าก็กลายเป็นแข็งทื่อขึ้นมา พูดพึมพำกับตัวเองอย่างยากจะเชื่อ
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงอึ้งอยู่คาที่ ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ผลลัพธ์ที่ท่านหานประกาศออกมานั้นเหนือความคาดหมาย นึกไม่ถึงว่าจะไม่ใช่หูเข่อเฟิง แต่เป็นถังเฉา!
พอเรียกสติคืนมาได้ หูเข่อเฟิงก็รีบร้อนเข้าไปอยู่ตรงหน้าของท่านหานทันที คว้ามือของเขาเอาไว้ “ท่านหานครับ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าครับ คนที่รวบรวมบัตรลงคะแนนทั้งหมดมาได้ควรจะเป็นผมถึงจะถูก ทำไมคนที่ชนะถึงกลายเป็นเขาไปได้ล่ะครับ!”
เขามีน้ำเสียงร้อนรน ถึงขั้นมีความโมโหอยู่อย่างเลือนราง แสดงให้เห็นว่าเขาเก็บกดเอาความโมโหโทโสไว้มากมายแค่ไหนเพื่อจะคุยกับท่านหาน
ถ้าหากเป็นคนอื่นคงจะระเบิดไปแล้ว
ท่านหานกลับมองเขาอย่างเฉยเมย “ไม่ผิด ผู้ชนะก็คือถังเฉา”
“เป็นไปไม่ได้! คุณถือหางเขาสินะ!”
ประโยคนี้ทำให้หูเข่อเฟิงสูญเสียความสามารถในการทำความเข้าใจเหตุผลในทันที เขาตวาดใส่ท่านหานว่า “การพนันนี้ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นผมที่ได้เปรียบ แม้แต่นาทีสุดท้ายก็เป็นผมที่รวบรวมบัตรลงคะแนนมาได้ทั้งหมด แต่คุณกลับประกาศออกมาว่าเขาเป็นคนชนะ นี่ไม่ใช่การถือหางแล้วจะเป็นอะไร?”
“บังอาจ!”
สายตาของท่านหานเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที เขาเอ่ยเสียงเยียบเย็นว่า “ฉัน หานเทียนเจิ้งสุจริตยุติธรรม จะมาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ได้อย่างไร”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะ…”
ได้ยินอย่างนั้นหูเข่อเฟิงก็ร้อนรน เขากัดฟันพูดออกมา
“ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ว่าต่อไปอย่าได้ดูถูกคนอื่น เป็นเพราะนายเองที่ไม่ได้ฟังคำพูดของฉันให้ดี”
ท่านหานมองเขาอย่างเย็นชา “ก่อนหน้านี้นายทำได้ดีจริง ๆ แต่ในนาทีสุดท้ายกลับหละหลวม ทำให้อีกฝ่ายใช้ช่องโหว่เสียบเข้ามา!”
“ใช้ช่องโหว่…”
คำพูดของท่านหานทำให้รูม่านตาของหูเข่อเฟิงหดลงอย่างรวดเร็ว พอสำนึกได้ก็มองไปที่ถังเฉาอย่างทำอะไรไม่ถูก
เจิงเทียนเสียงกับหูอีซานที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถังเฉา “คุณถังครับ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ ท่านบอกพวกเรามาเถอะ!”
พวกเขาคิดจนสมองแทบระเบิด ก็ยังไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ในตอนนี้เอง ถังเฉาก็ดื่มชาร้อนในแก้วจนหมด ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “ได้ ฉันจะบอกต้นสายปลายเหตุทั้งหมดกับพวกนาย”
เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เดินมาอยู่ตรงหน้าของหูเข่อเฟิง สายตาหยอกล้อ ทำให้เขาอดไม่ไหวที่จะถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว “แกคิดจะทำอะไร?”
ถังเฉาไม่ได้ตอบรับ เพียงแค่เหล่ตามองเขา “คุณคงไม่ได้คิดจริง ๆ หรอกใช่ไหมว่าสมาคมผู้ถือหุ้นของจวี้เฟิงกรุ๊ปจะมีผู้ถือหุ้นสิบสองคนน่ะ?”
“แกหมายความว่ายังไง?”
สีหน้าของหูเข่อเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองเขาอย่างประหลาดใจ
ถังเฉาไม่พูดอะไร เพียงแค่อมยิ้มมุมปาก มองเขาอย่างสงบ
ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็เปิดขึ้น ชายวัยกลางคนในชุดสูทเมื่อครู่กลับเข้ามาอีกครั้ง มอบบัตรลงคะแนนทั้งหมดใส่ในมือของถังเฉา หลังจากนั้นก็ยืนไม่พูดไม่จาอยู่ด้านหลัง
ถังเฉาไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เขาเอาบัตรลงคะแนนพวกนั้นวางไว้บนโต๊ะทันที แล้วหันกลับไปมองหานเทียนเจิ้ง “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
หานเทียนเจิ้งไม่พูดไม่จา เพียงแค่พยักหน้า มองพิจารณาถังเฉาด้วยสายตาลึกซึ้ง นึกไม่ถึงว่าแม้แต่เขาก็ยังมองแผนของเจ้าหนุ่มนี้ไม่ออก
“คุณ… เขา…”
ผู้ถือหุ้นคนที่สิบสองจากไปแล้วกลับมาอีกครั้ง เอาบัตรลงคะแนนทั้งหมดที่เขารวบรวมมาอย่างยากลำบากยี่สิบวันเต็ม ๆ มอบให้กับถังเฉา การกระทำนี้สะเทือนใจของหูเข่อเฟิงอย่างล้ำลึก เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หูเข่อเฟิงเพิ่งจะนึกถึงคำพูดที่ถังเฉาพูดก่อนจะรวบรวมบัตรลงคะแนนขึ้นมาได้… รูม่านตาของเขาหดลงอย่างรวดเร็ว “หรือว่า… เขาเป็นตัวปลอม?!”
“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอเนี่ย?”
ถังเฉาทำท่าทางขบคิดแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้วล่ะ ไม่ได้มีผู้ถือหุ้นคนที่สิบสองตั้งแต่แรก จำนวนของผู้ถือหุ้นมีแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น!”
บึ้ม…
พูดคำนี้ดังออกมา สีหน้าของหูเข่อเฟิงก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที กล้ามเนื้อทั้งหน้ากระตุก
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
หูเข่อเฟิงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว มองไปที่หานเทียนเจิ้ง “คุณไม่ได้พูดว่าผู้ถือหุ้นมีสิบสองคนหรอกเหรอ?”
หานเทียนเจิ้งมีสีหน้าเย็นชา มองผู้แพ้ที่กำลังประสาทกินคนนี้ “ใครบอกจำนวนผู้ถือหุ้นกับคุณกัน? คุณนั่นแหละที่คิดไปเองคนเดียว”
หูเข่อเฟิงทวนความจำอย่างละเอียด ความจริง ไม่มีใครเคยพูดไว้ว่าผู้ถือหุ้นมีกี่คนกันแน่
ทันใดนั้น เขาก็สั่นอย่างรุนแรงไปทั้งร่าง “หรือว่า ตั้งแต่แรกก็…”
“ใช่ ผมวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนแรกนึกว่าคุณจะจับได้ นึกไม่ถึงว่าคุณจะถือดีเกินไปจนมองข้ามเรื่องนี้”
ถังเฉามีน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เขาอาจจะล้มเหลวได้ จากการวิเคราะห์ เขาได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดมาตั้งแต่แรก
แต่ก็พูดไม่ได้ว่าเป็นความผิดของข้อมูล เพราะลุงหยางเป็นคนก่อตั้งจวี้เฟิงกรุ๊ปมา ในตอนที่เสิ่นชิงหยุนดำเนินการโอนตำแหน่งประธานคนแรกให้ เขาก็เอาข้อมูลทั้งหมดมอบให้กับถังเฉา
สมาชิกสมาคมผู้ถือหุ้นกลุ่มแรกมีเพียงสิบเอ็ดคน เป็นถังเฉา… ที่ตั้งใจปล่อยข้อมูลเท็จออกมา ทำให้หูเข่อเฟิงคิดว่ามีสิบสองคน
และทั้งหมดทั้งมวลนั้น เป็นแค่การปูเรื่องเพื่อให้เขาจัดเตรียม ‘ผู้ถือหุ้นคนที่สิบสอง’ มา
หูเข่อเฟิงที่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าโดนหลอกมาตั้งแต่ต้นก็มีใบหน้าซีดขาว เหงื่อบนหน้าผากหลั่งออกมาราวกับสายฝน ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงที่อยู่ข้างหลังมองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองออกไปไกล ปรากฏให้เห็นคนที่ทำให้พวกเขารู้สึกเคารพยำเกรงออกมาจากภายในใจ
มิน่าล่ะ คุณถังถึงได้กลับเมืองหมิงจูไปในทันที ช่วงนี้ถึงได้วุ่นอยู่แต่กับเรื่องของตัวเองเหมือนคนไม่มีธุระปะปัง
เพราะว่าเขาได้ทิ้งเกมหมากรุกกระดานนี้ไว้เบื้องหลัง ที่เหลือทั้งหมด หูเข่อเฟิงจะปฏิบัติแทนเขาเอง เขาเพียงแค่นั่งเสวยสุข รอชุบมือเปิบก็เท่านั้น
ถังเฉามีสายตาเฉยเมย แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกถึงการบีบคั้นที่ออกมาจากเบื้องลึกของจิตวิญญาณ ภายใต้สายตาเช่นนี้ ทำให้หูเข่อเฟิงเกิดความรู้สึกที่อยากจะหายไปจากตรงนี้
“รู้หรือยังล่ะว่าทำไมผมถึงไม่ทำอะไรเลย แค่ให้หูอีซานส่งคนไปสะกดรอยตามคุณอย่างเหิมเกริมเท่านั้น?”
เขาถามอย่างเย็นชา
หูเข่อเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่ถังเฉาด้วยความหวาดกลัว เกิดความรู้สึกที่ออกมาจากภายใน
เขาเองก็เคยคิดถึงปัญหานี้ เพราะอะไรถังเฉาถึงให้ลูกน้องของหูอีซานสะกดรอยตามเขา สะกดรอยตามเขาก็แล้วไปเถอะ แต่ยังถูกหูอีซานจับได้ง่าย ๆ อีก
นี่มันมีประโยชน์อะไรเหรอ?
“หรือว่า…”
ทันใดนั้นหูอีซานก็เข้าใจอะไรขึ้นมาได้ สั่นไปทั้งตัว
“ไม่ผิด”
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชา “คนที่ติดตามคุณพวกนั้น เป็นคนที่ตั้งใจจะให้คุณจับได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อที่จะทำให้คุณคิดว่าผมจะเข้าไปแย่งบัตรลงคะแนนของคุณมา ทำให้คุณโมโห จากนั้นก็ระมัดระวังตัว… ถ้าหากว่ามีคนคอยสะกดรอยตามคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อที่จะเข้าไปเอาทรัพย์สมบัติของคุณมา คุณจะทำอย่างไร?”
เจิงเทียนเสียงพูดพึมพำกับตัวเอง “ผมจะรู้สึกกลัว ไม่กล้าที่จะหละหลวมไม่ระมัดระวังแม้แต่นาทีเดียว”
ไม่ผิด ในตอนที่เขาโมโหนั้น ก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวจริง ๆ แต่ไม่นาน นายก็จะพบว่าคนของหูอีซานเพียงแค่สะกดรอยตามนายเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรนอกกรอบกับนาย”
ถังเฉาวิเคราะห์อย่างสงบ “แต่นายก็ไม่ได้ผ่อนความระมัดระวังเพราะเรื่องนี้ แต่กลับยิ่งสงสัยขึ้นไปอีกว่าฉันมีวิธีการอะไรที่จะไปแย่งเอาของของนายมาได้จริง ๆ ดังนั้นนายจึงให้คนของนายไปซื้อตู้เซฟแบบที่ธนาคารใช้มาหลังหนึ่ง แล้วเอาบัตรลงคะแนนทั้งหมดใส่เข้าไป”
ทั่วทั้งห้องทำงานเงียบสงัดจนน่ากลัว มีเพียงเสียงที่เรียบเรื่อยของถังเฉา
“นายคิดว่านายซื้อตู้เซฟมาแล้วก็จะไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ดังนั้นก็เลยโทรศัพท์มาหาฉันเพื่อที่จะยั่วยุฉัน แต่ว่า… ปฏิกิริยาตอบโต้ของฉันก็อยู่เหนือความคาดหมายของนาย ในตอนนี้เองนายก็เลยยังคิดว่าฉันมีวิธีการอะไรที่จะเอาบัตรลงคะแนนออกมาจากในตู้เซฟของนายได้”
“ในตอนนี้เองนายก็เลยคิดว่าฉันเพียงแค่พูดข่มขู่ให้นายกลัวก็เท่านั้น ก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่สนใจฉันอีก ตั้งแต่ตอนนั้น เส้นประสาทที่ตึงเครียดจนถึงขีดสุดของนายก็เลยผ่อนคลายในที่สุด”
พูดมาถึงตรงนี้ ถังเฉาก็จ้องตาของหูเข่อเฟิงเขม็ง ตะโกนเสียงดัง “การพนันเกมนี้ นายระแวดระวังมาตลอดเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของเวลาทั้งหมด มีเพียงนาทีสุดท้ายเท่านั้น ในเวลาสั้น ๆ นี้ เพียงพอที่จะให้ฉันพลิกสถานการณ์โดยรวมแล้ว!”
ตุบ!
ฟังคำพูดทั้งหมดจบแล้ว ขาทั้งสองข้างของหูเข่อเฟิงก็อ่อน คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของถังเฉาอย่างขวัญหนีดีฝ่อ