เสียงของชายชราดังก้องกังวาน เขาไม่ได้สนใจใบหน้าของคนบ้าดนตรีเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของชายชรานั้นยังคงมีความเย่อหยิ่งแฝงอยู่
คนรอบข้างต่างตกตะลึง
ปรากฏว่าการที่ชายชราคนนี้หยุดและช่วยชีวิตไว้ กลายเป็นว่าความจริงแล้วไม่ได้ทำเพราะต้องการช่วย หากแต่มีจุดประสงค์ที่เหมือนกันคือการชวนผู้บ้าดนตรีให้ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อน
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้น
อีกทั้งใบหน้าของบางคนก็มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏอยู่
คนบ้าดนตรีนั้นเป็นหนึ่งในเจ็ดชีชือ ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในเรื่องดนตรีเท่าไหร่ หล่อนยังมีรูปลักษณ์ที่พิเศษเฉพาะตัว
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถถอดผ้าคลุมบางๆบนใบหน้าของคนบ้าดนตรีและสัมผัสความงามได้
เมื่อเวลาผ่านไป รูปลักษณ์ก็ถูกทำให้เป็นเทพธิดาเสียแล้ว
เทพธิดาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก สามารถไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนได้ไหมอย่างงั้นเหรอ?
ลู่โป๋หานตกตะลึงเป็นเวลานาน สีหน้าดูมีความสุข
“ท่านผู้เฒ่า ดูเหมือนว่าคุณชายของท่านจะเดินทางเดียวกับผม ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ?”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองไปที่ฉินสิบเจ็ดอย่างมีความหวัง
ใบหน้าของฉินสิบเจ็ดนั้นไม่แยแสแต่อย่างใด “อยากมา ก็ตามมา”
ลู่โป๋หานดีใจเป็นอย่างมาก “ขอบคุณมากๆเลยท่านผู้เฒ่า!”
เมื่อพูดถึงอาจารย์ตามอำเภอใจอย่างไม่ต้องเกรงกลัวเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของถังชิงเหอแดงเต็มไปด้วยโกรธ ตัวของเธอสั่นเทา
“พวกแกมันพวกกุ๊ย กล้ามารังแกอาจารย์ฉัน ยังไม่รีบขอโทษอีก!”
ลู่โป๋หานยิ้ม “คุณถัง หากคุณไม่วางใจ คุณมาด้วยก็ได้นะ ฮ่าฮ่า…”
ถังชิงเหอที่โกรธจัด หันไปมองที่คนบ้าดนตรี “อาจารย์ ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ฉันจะไปส่งอาจารย์เอง”
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของฉินเจียนเวยจ้องไปที่ฉินสิบเจ็ด
“พ่อบ้านของฉินกวนฉี ฉินสิบเจ็ดงั้นเหรอคะ?”
หล่อนเปิดปากถาม น้ำเสียงดูแผ่วเบาลง
ฉินกวนฉีเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉินผู่หยาง ถือเป็นกลุ่มแห่งปัญญาของตระกูลฉิน
ดวงตาของฉินสิบเจ็ดประหลาดใจ “นึกไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงจะยังจำผมได้”
คุณผู้หญิง?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง และสายตาของพวกเขาก็จ้องไปที่ฉินเจียนเวยอย่างเหลือเชื่อ
คนบ้าดนตรีคือ คุณผู้หญิงตระกูลฉินในเยี่ยนตูงั้นเหรอ?
“จำได้สิ”
น้ำเสียงของคนบ้าดนตรีสงบ
“งั้นคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วล่ะ”
ฉินสิบเจ็ดยิ้มและเชื้อเชิญ “เชิญครับ คุณผู้หญิงบ้าดนตรี”
ทุกคนมองไปที่คนบ้าดนตรีด้วยความงุนงง สงสัยว่าคนบ้าดนตรีจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ต่อมาหล่อนก็ได้เดินไปทางฉินสิบเจ็ด
“นี่..คนบ้าดนตรี นี่คือตอบรับแล้วงั้นเหรอ?”
“มีคนบ้าดนตรีดื่มเหล้าเป็นเพื่อน คิดๆดูแล้วมันวิเศษมากเลย!”
คนแบบไหนกันที่จะทำให้คนอย่างคนบ้าดนตรียอมไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนได้?
คำตอบก็ได้ออกมาแล้ว
ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
“อาจารย์….”
ถังชิงเหอตกตะลึง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาจารย์ที่จิตใจสะอาดและสันโดษเช่นนี้จะตอบรับไป
“ไม่เป็นไร”
สีหน้าของฉินเจียนเวยสงบ “ฉันมีความชั่วอยู่ในตัว ช้าหรือเร็วก็ต้องไปที่เยี่ยนตูอยู่ดี จะไปเร็วไปช้าก็ค่าเท่ากัน”
หลังจากพูดจบ ก็ได้ขึ้นรถบ้านไปกับฉินสิบเจ็ด
เมื่อลู่โป๋หานเห็นเช่นนี้ เขาจึงขึ้นรถสปอร์ตทันทีและขับตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
“เกิดเรื่องแล้ว…”
ขณะที่มองดูรถของพวกเขาหายไป สีหน้าของถังชิงเหอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอรีบโทรหาถังเฉาทันที
“คุณถัง เกิดเรื่องกับอาจารย์ของฉันแล้วค่ะ หล่อนไปกับคนของตระกูลฉินจากเยี่ยนตูแล้ว!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ถังเฉาก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากวางสายลง ใบหน้าของถังเฉาก็ดูเย็นชา หลินชิงเสว่ที่อยู่ด้านข้างเองก็รู้สึกตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เธออดไม่ได้ที่จะถาม
“คนบ้าดนตรีไปกับคนจากตระกูลฉินแล้ว”
ถังเฉาไม่ได้ปิดบัง พร้อมกับบอกหลินชิงเสว่เกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลินชิงเสว่เองก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “ตระกูลฉินจากเยี่ยนตู?”
“คุณรู้อะไรมาเหรอ?”
ถังเฉาถาม
อันที่จริงแล้ว ถังเฉาไม่ได้รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเยี่ยนตู คบค้ากันก็จะมีแต่ตระกูลหลิน ตระกูลถังและตระกูลฉิน
เกี่ยวกับตระกูลฉิน เขาเคยหักขาของคุณชายในตระกูลจนเป็นคนพิการ
สีหน้าของหลินชิงเสว่ดูเคร่งขรึม “เกี่ยวกับตระกูลฉิน ที่ฉันรู้มาก็มีไม่มากค่ะ แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องบอก ตระกูลฉินเป็นเก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตู เป็นตระกูลเดียวที่สนับสนุนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นอิทธิพลของพวกเขาจึงมักอยู่ในสนามรบ”
“สนามรบ?”
ถังเฉาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา งั้นก็ถือว่าเป็นอาณาเขตของเขาน่ะสิ?
หลินชิงเสว่ที่ไม่รู้จักตัวตนของถังเฉา จึงได้แต่พูดว่า “แบบนี้ ให้ฉันไปด้วยเถอะ ตระกูลฉินยั่วยุยากกว่าตระกูลถังมาก พวกเขาคงเห็นแก่หน้าฉัน ไม่น่าจะทำอะไรเกินเลย”
ถังเฉาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ในความเห็นของเขา ความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก
…..
ในอีกด้านหนึ่ง คนบ้าดนตรี ลู่โป๋หานและฉินสิบเจ็ดก็ได้มาถึงที่คลับเฮ้าส์ส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย
พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพ จากนั้นก็เข้าไปที่นั่งชั้นพิเศษ
ภายในที่นั่งชั้นพิเศษ มีผู้หญิงกำลังเต้นรำไปมา อีกฝั่งคือผู้ชายหนึ่งคนที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอึกใหญ่ จนเริ่มเมานิดหน่อยแล้ว
เมื่อเห็นฉินสิบเจ็ดมาคนบ้าดนตรีมา ดวงตาของเขาก็ร้อนเหมือนไฟ
แต่เมื่อเห็นลู่โป๋หานที่อยู่ด้านหลัง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง “นายเป็นใครกัน?”
ลู่โป๋หานดูไม่เกรงกลัวเลยสักนิด เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “คุณชายฉิน ผมแซ่ลู่ มีนามว่าลู่โป๋หาน มาจากเจียงเฉิง ผมเลื่อมใสท่านมานานแล้ว?”
“เลื่อมใสฉัน?”
ฉินสวูตง ผงะไปครู่หนึ่ง “นายเลื่อมใสอะไรฉัน?”
ลู่โป๋หานยิ้ม “พวกเรานั้นเดินทางเดียวกันครับ คุณชายฉินให้สนใจคนบ้าดนตรี ซึ่งผมถือว่ามันเป็นตัวอย่างที่ดี ผมมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ จึงอยากจะมาขอพูดคุยกับคุณชายฉินสักหน่อย”
ฉินสวูตงตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้ จู่ๆก็รู้สึกว่าลู่โป๋หานนั้นถูกชะตา จึงโบกมืออย่างพอใจ “ดี การเรียนรู้ไม่มีขอบเขตดินแดน พี่น้องอย่างนาย เราได้พูดคุยกันแน่!”
“ขอบคุณคุณชายฉิน!”
ใบหน้าของลู่โป๋หานนั้นมีความสุขทันที
คนบ้าดนตรีจะไม่เข้าใจความหมายของพวกเขาได้ยังไงกัน แต่หล่อนไม่สนใจ ได้แต่มองไปรอบๆ
เมื่อเห็นว่าจะไม่ได้พบคนที่ต้องการจะพบ สีหน้าของฉินเจียนเวยก็ดูเย็นชาลง
“ฉินกวนฉีล่ะ?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของฉินสวูตงก็เปลี่ยนไปทันที เขาลุกขึ้นในทันใด
“ไม่มีฉินกวนฉี มีแต่ฉัน ฉินสวูตง นี่แหละ!”
“ว่ากันว่าคนบ้าดนตรีเป็นคนเย็นชา ไม่มีใครดูถูกได้ ฉันจะมาลองดูสักหน่อยว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ เทเหล้าให้ฉันสิ!”
เมื่อพูดจบ ก็กลับมานั่งอีกครั้งและรอให้ฉินเจียนเวยเทเหล้าให้
ฉินเจียนเวยเพิกเฉยต่อเขา ใบหน้าของหล่อนเย็นชา “ในเมื่อฉินกวนฉีไม่อยู่ที่นี่ งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ไปล่ะ”
ขณะที่ฉินเจียนเวยตัดสินใจที่จะออกไป ร่างของฉินสิบเจ็ดก็มายืนขวางทางเอาไว้
“คุณผู้หญิงบ้าดนตรี ผมบอกงั้นเหรอครับว่าคุณชายใหญ่จะมา?”
ตอนนี้ฉินเจียนเวยพอจะเข้าใจแล้วว่าตนโดนหลอก ดวงตาเปลี่ยนไปเย็นชาในทันที
“ฉินสิบเจ็ด หมายความว่ายังไงกัน?จะไม่ให้ฉันไปว่างั้น?”
น้ำเสียงของฉิเจียนเวยเฉยชา
ฉินสิบเจ็ดไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว พร้อมกับพูดอย่างไม่แยแสว่า “คุณผู้หญิงบ้าดนตรี มาแล้ว คุณคิดว่าจะได้กลับไปอย่างงั้นเหรอครับ?”
ทันใดนั้นฉินสวูตงก็พูดขึ้น
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉินเจียนเวย เห็นแก่ว่าเราเคยอยู่ตระกูลเดียวกันมาก่อน ดื่มเหล้ากันคนละแก้ว ร้องเพลงให้พวกเราฟังสักหน่อย แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไป ว่าไงล่ะ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นแก้วเหล้ามาให้ฉินเจียนเวย
ในเวลาต่อมา ฉินเจียนเวยได้รับแก้วเหล้านั้นมา จากนั้นสาดลงไปที่หน้าของเขาอย่างจัง
“ฝันไปเถอะ!