ฉากนั้นทุกคนเงียบอย่างกับมีคนตาย
เหตุการณ์นี้ ทำให้ตาของทุกคนตกตะลึงใจอย่างมาก พวกคนเหล่านั้นหรือบางคนลืมถอนหายใจเลยด้วยซ้ำ
ในความทรงจำของพวกเขาแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซี่ยอวี่ซิงอ่อนแอและป่วยอยู่เสมอ
พวกเขานึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าตอนเซี่ยอวี่ซิงโกรธคือจะเป็นสภาพแบบไหน
แต่เซี่ยอวี่ซิงในวินาทีนี้ ได้ล้มล้างความเข้าใจของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
และมุมปากของถังเฉามีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที
ในที่สุดเซี่ยอวี่ซิงก็ก้าวผ่านขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอนั้นได้
นั่นก็คือความโกรธ
ความโกรธทำให้คนเข้มแข็ง
ความโกรธทำให้คนมีพลัง มีความกล้า
เนี่ย ถึงจะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถังเฉาให้เซี่ยอวี่ซิง
“อ่า…ผมของฉัน……”
เซี่ยซิงเยว่นอนอยู่บนพื้นอย่างเศร้าโศก
จ้องมองรอยแผลที่มีในทั่วร่างกายและแขน เซี่ยซิงเยว่ทั้งโกรธทั้งตกใจ
“แกกล้าตบฉันเหรอ?”
เซี่ยซิงเยว่ลุกยืนขึ้นด้วยสีหน้าอย่างโมโห และเดินไปเข้าหาเซี่ยอวี่ซิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟื้นคืนสติ เซี่ยอวี่ซิงรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนว่ารู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้
แต่ว่า เมื่อมองไปที่สร้อยคอเพชรที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น เซี่ยอวี่ซิงก็โมโหขึ้นอีกครั้ง
“ฉันรู้ว่าแกรังแกฉันมาโดยตลอด และแกก็ชอบเอาเรื่องที่ฉันป่วยมาหัวเราะเยาะฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจเลย ฉันทนและยอมรับมันมาโดยตลอด แต่ทำไม แกกลับถึงขั้นที่ต้องการจะทำลายสิ่งของที่คุณถังมอบให้ฉันเลยเหรอ?”
เซี่ยอวี่ซิงก็เดินไปหาเซี่ยซิงเยว่โดยไม่แสดงความอ่อนแอหรือยอมแพ้ใดๆ ยังมีน้ำตาอยู่ในดวงตา แต่ที่มากกว่านั้นคือความโกรธ
“ฉันขอร้องแกแล้ว แกยังจะทำสร้อยคอของฉันหักอีกทำไม?แกคิดว่าแกจะรังแกฉันยังไงก็ได้ใช่มั้ย?”
ในดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโมโห จ้องมองแต่เซี่ยซิงเยว่ ราวกับว่าใบโลกนี้เหลือเพียงแต่เธอและเซี่ยซิงเยว่เท่านั้น
เซี่ยซิงเยว่หยุดเดินต่อไปอย่างกะทันหัน และเริ่มถอยกลับ
“แก แกอยากจะทำอะไร?”
วินาทีนี้ เธอกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
“แกรู้ไหม เสื้อผ้าสองชิ้นนี้สำคัญกับฉันมากแค่ไหน ?ตอนนี้ถูกแกทำลายไป แกจะเอาอะไรมาชดเชยฉัน? ขายแกทิ้งแกก็คงชดเชยไม่ไหวหรอก!”
“พี่อวี่ซิง ใจเย็นๆ……”
หน้าผากของเซี่ยหย่งเฉิงมีเหงื่อเย็นไหลเต็มเลย
จู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้
เพราะที่ผ่านมาเซี่ยอวี่ซิงมีโรคหัวใจ วิ่งไม่กี่ก้าวก็จะหายใจไม่ออก ยิ่งทำให้อารมณ์นั้นแปรปรวนไม่ได้
ทุกคนจึงชอบรังแกเธอ เพราะพวกเขารู้ว่า ไม่ว่าการกลั่นแกล้งจะหนักหนาเพียงใด เซี่ยอวี่ซิงเป็นเมล็ดพันธุ์ป่วยคนหนึ่ง ยังไงก็จะไม่ตอบโต้หรอก
แต่ตอนนี้มันต่างกัน อาการป่วยของเธอเริ่มหายดีละ
ใครที่ยังจะกล้ารังแกเธออีก?
“หลีกทาง.”
สีหน้าของเซี่ยอวี่ซิงแสนเย็นชามาก
ในที่สุด เซี่ยหย่งเฉิงและทุกคนได้หลบออกไป
เซี่ยอวี่ซิงมาถึงตรงหน้าของเซี่ยซิงเยว่ และตบหน้าเธออย่างรุนแรง
“อ่า!”
ตบทีนี้เซี่ยอวี่ซิงตบได้รุนแรงมาก เซี่ยซิงเยว่กรีดร้องทันที
เนื่องด้วยเหตุผลที่ใส่รองเท้าส้นสูงไว้ เธอทนไม่ไหวที่จะก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
เหยียบโดนเศษกระจก ทันใดนั้น ข้อเท้ากระพริบ และคนทั้งตัวก็ถอยหลังไป
ด้านหลังเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่เคยผ่าแล้วพอดี
“ระวัง!”
พีลีพาลา—-
ทั้งตัวนั้นของเซี่ยซิงเยว่ตกลงไปอยู่บนเค้ก ครีม ผลไม้ หล่นตกอยู่บนร่างของเซี่ยซิงเยว่หมด
“อ่า—-”
ร่างกายเต็มไปด้วยครีม เซี่ยซิงเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป กรีดร้องจากในใจออกมาอย่างแรง
เซี่ยอวี่ซิงยังคงเฉยชาเหมือนเดิม ราวกับว่าทำแบบนี้แล้ว ความโกรธที่อยู่ในใจถึงจะหายไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนรอบตัวก็อดคิดและอดกลัวไม่ได้
เซี่ยอวี่ซิงที่ใครๆก็สามารถรังแกได้เหมือนแต่ก่อนนั้น จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเซี่ยซิงเยว่นั้น เซี่ยสิงจู๋ เซี่ยสิงหู่กับคนอื่นๆก็รีบตามมา
ทันทีที่เดินเข้ามา ก็ตกตะลึงกับฉากตรงหน้า – เซี่ยซินเยว่ซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดในวันนี้ กลับถูกปกคลุมไปด้วยเค้ก และเดิมทีเซี่ยอวี่ซิงที่ต้องเป็นคนอ่อนโยน กลับมองเซี่ยซินเยว่ด้วยสายตาโมโห
แม้จะเป็นเซี่ยสิงจู๋และคนอื่นๆ ก็ยังมึนงงเล็กน้อย และไม่น่าเชื่อในฉากที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเห็นเซี่ยวิงหลงมา เซี่ยซิงเยว่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จนร้องไห้ออกมาอย่างดัง: “พ่อคะ เขาค่อนข้างจะมากเกินไปหน่อยละ เขากล้าตบตีฉัน!”
มุมตาของเซี่ยสิงหลงกระตุกอย่างแรง สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าลูกสาวของเขารังแกเซี่ยอวี่ซิง แต่กลับเป็นเซี่ยอวี่ซิงที่กำลังรังแกลูกสาวของเขา
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดขึ้น โมโหและจ้องมองไปที่เซี่ยอวี่ซิง: “ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เธอกล้าลงไม้ลงมือได้อย่างไร?”
สีหน้าของเซี่ยอวี่ซิงเปลี่ยนเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงอธิบายอย่างแข็งกร้าว: “เขาเป็นคนเริ่มต้นก่อน ฉีกชุดแต่งงานของฉันขาดยังไม่พอ ยังดึงสร้อยคอเพชรของฉันขาดไปด้วย”
ในเมื่อที่เซี่ยสิงหลงกำลังจะดุและสั่งสอน ถังเฉากลับพูดก่อนว่า:“ ฉันเป็นพยานได้ อวี่ซิงแค่จะป้องกันตัว”
“ถ้าพวกเธออยากจะเข้าข้างผู้หญิงคนนี้แล้วก็ ควรทำเรื่องหนึ่งให้เสร็จก่อน”
พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะไร ถังเฉาก็ชี้ไปที่สร้อยคอAngel tearsที่แตกออกเป็นสองส่วน และชุดแต่งงานหยุนซางที่เซี่ยอวี่ซิงใส่ไว้ หัวเราะและพูดว่า :“ชุดแต่งงานหยุนซางที่ลูกสาวคุณฉีกขาดชิ้นนี้มีมูลค่าเป็นสิบสองล้าน และสร้อยคอAngel tearsนี้มีมูลค่าเป็นห้าล้านนี้ รวมเป็นสิบเจ็ดล้านหยวน จ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสดดีครับ?”
เมื่อเซี่ยสิงหลงได้ยิน โมโหจนใบหน้าเหลืองหมด
เซี่ยซิงเยว่ตะโกนมากขึ้นไปอีก :“สร้อยคอและชุดแต่งงานนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่คุณมอบให้กับผู้หญิงคนนี้ ทำไมยังจะต้องชดเชยด้วย?”
ถังเฉาก็ยังคงไม่โกรธเหมือนเดิม ยิ้มแล้วพูดว่า: “เป็นของขวัญที่ผมให้อวี่ซิงก็จริง แต่ผมยังไม่ได้ซื้อ เป็นเพราะเจ้าของร้านเอามาให้อวี่ซิงรองใส่ดู แต่กลับถูกเธอฉีกขาด ควรจ่ายไหม?”
“อะไรนะ?!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเซี่ยซิงเยว่และเซี่ยสิงหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก
“คุณว่างแผนใส่ร้ายฉัน!”
เซี่ยซิงเยว่จ้องมองถังเฉา
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชา: “ความอิจฉาริษยาของเธอทำร้ายเธอเอง หน้าตาไม่สวย ก็อย่าเรียนแบบแต่งชุดแต่งงานอย่างเจ้าหญิง หน้าตาน่าเกลียดละยังเป็นปัญหามากมาย!”
“คุณ!”
คำพูดของถังเฉาทำให้เซี่ยซิงเยว่พูดไรไม่ออก
ขณะนี้ ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเฟิ่งหวงเดินตามออกมา สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ผมเป็นผู้จัดการของชุดแต่งงานหยุนซางร้านนี้”
“ผมเป็นผู้จัดการของร้านค้าสุดหรูคาร์เทียร์”
“กรุณารีบจ่ายเงินครับ!”
“นอกจากของสองชิ้นนี้รวมเป็นสิบเจ็ดล้านแล้ว ยังมีค่าแรงและค่าเสียหายทางจิตด้วยครับ ทั้งหมดนี้รวมเป็นยี่สิบล้านครับ!”
เซี่ยวิงหู่ก้าวถอยหลังทันที: “ฮึม ฮึม พี่ชาย เรื่องนี้ผมขอไม่เข้าร่วมด้วย”
หลังจากพูดเสร็จ ก็ผลักเซี่ยหรูหู่ไปอยู่ข้างๆ
เซี่ยสิงงจู๋ก็ยืนด้วยสีหน้าที่แสนเย็นชา ไม่มีการแสดงใดๆที่จะช่วยเลย
ลูกสาวของเขาถูกรังแกสะขนาดนี้ เขารู้สึกและรับรู้ได้ดี แต่ไม่มีทางที่จะหยุดเหตุการณ์สภาพนี้ได้
จากเหตุการณ์ตอนนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วแหละ
สีหน้าของเซี่ยซิงเยว่เต็มไปด้วยความโกรธ: “ถ้าฉันไม่คืนเงินละ?”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะจ่ายคืน เป็นเพราะเขาไม่มีเงินแล้วจริงๆ
เงินเขาใช้หมดเกือบทุกเดือน ดังนั้น เธอจะมีตังเก็บออมสินได้ไงละ
เซี่ยสิงหลงก็เช่นเดียวกัน เซี่ยซิงเยว่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยแบบนี้ ซึ่งก็ได้รับมาจากเขา
ทั้งคู่ไม่มีปัญญาจ่ายเงินยี่สิบล้านออกมาในครั้งเดียวได้ เมื่อได้ยินคำนี้ ถังเฉาก็หัวเราะ: “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางแก้ไขละ ก่อนหน้านี้อวี่ซิงเคยพูดคำหนึ่ง ผมรู้สึกค่อนข้างจะถูก ถ้าขายเธอทิ้งก็ยังคงไม่มีปัญญาจ่ายครบได้ งั้นก็ขายเธอทิ้งสะ”