น้ำเสียงของถังเฉานิ่งสงบ แต่กลับเหมือนดั่งสายฟ้าที่เสียงดังระเบิดอยู่ข้างหูของทุกคน
เริ่นจวินตงตะลึง
หงเทียนหยาตะลึง
ยอดฝีมือทั้งหมดของสมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงล้วนตะลึง
แม้แต่เย่หรูอี้เองก็มองถังเฉาด้วยสีหน้าซับซ้อน
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นศัตรูกันและกัน ถึงแม้เธอจะคอยไปสะกิดขีดจำกัดของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เมื่อเธอลำบาก ถังเฉาก็จะช่วยเหลือ
เพราะว่าจิตใจของทั้งสองนั้นเชื่อมกัน
มีเพียงแค่อีกฝ่ายที่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้
คนอื่น ห้าม
หลังจากความเงียบ หงเทียนหยาและสมาชิกทุกคนในสมาคมการต่อสู้มีสีหน้าโมโหปรากฏขึ้น พวกเขาถูกรุกล้ำ
“แกมันตัวอะไรถึงกล้าบอกว่าพวกฉันเป็นพวกหมาพวกแมว?”
“พวกฉันเป็นหมาเป็นแมว แล้วนายเป็นอะไร? มดบนพื้น? แพลงก์ตอนในน้ำ?”
“เด็กน้อยไม่รู้อะไร พูดจาอวดเก่ง!”
สมาชิกทุกคนของสมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงต่างก็ส่งเสียงอย่างโมโห บนใบหน้าของทุกคนแสดงถึงความโกรธ
หงเทียนหยาไม่อยากปล่อยถังเฉาไปเลยสักนิด “ใจกล้ามากจริงๆ ถึงได้กล้าพูดว่างานประชุมแดนเหนือที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องเด็กเล่นของเด็กน้อย นายกำลังไม่ให้ความเคารพต่อผู้นำแดนตะวันตกท่านมู่ตงเฟิง!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของถังเฉา แม้แต่เย่อู๋เหินที่อยู่ด้านหลังเย่หรูอี้เองก็ส่ายหัว
การประเมินในใจที่มีต่อถังเฉาลดลงไปไม่น้อย
เขาผิดหวังมาก
คุณหนูไปชอบผู้ชายที่พูดไม่คิดแบบนี้เนี่ยนะ
เป็นคนโง่ชัดๆ!
เย่อู๋เหินรู้ดีว่าเพียงแค่คำนี้ของถังเฉา ก็คือการให้คำว่า “ดูถูกนักบู๊ทั่วโลก” ใส่ตัวเขาก็ไม่มากเกินไป
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของเริ่นจวินตงเองก็ยิ้มเย็นชา
พอดีเลย เขาเองก็มีเรื่องอยากจะคิดบัญชีกับถังเฉา
ถ้าหากถังเฉาเป็นนักบู๊ตัวแทนของตระกูลเย่ เขาก็ลงมือไม่ค่อยสะดวก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน มีสมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงหนุนหลัง เย่หรูอี้เองก็หมดอำนาจแล้ว เป็นเพียงเสือแค่เปลือก จะสามารถปกป้องถังเฉาได้ยังไง?
“ทุกคนคงไม่รู้ว่า คนๆนี้ไม่เพียงแต่มีปัญหากับหัวหน้าหงของสมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงเท่านั้น แม้แต่สมาคมการค้าเจียงผิงของผม เขาก็ไม่วางไว้ในสายตา!”
เริ่นจวินตงชี้ไปที่ถังเฉา พูดอย่างเย็นชา
“โอ๊ะ? เขาไม่วางประธานเริ่นไว้ในสายตายังไงครับ?”
สีหน้าหงเทียนหยามีความตกใจ แต่ที่มีมากกว่าคือสมน้ำหน้า
สมาคมการต่อสู้ของเขาและสมาคมการค้าเจียงผิงกดดันพร้อมกัน เขารับไม่ไหวอยู่แล้ว จะต้องชดใช้ต่อการพูดไม่คิดของเขา!
เริ่นจวินตงยิ้มเย็นชาพูดว่า “สมาคมการค้าเจียงผิงของผมมาสนับสนุนจวี้เฟิงกรุ๊ปด้วยความหวังดี แต่ไม่คิดเลยว่าเขากลับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เพียงแต่ให้ลูกน้องหูอีซาน ไล่สมาชิกสมาคมการค้าเจียงผิงของผมออกจากคณะกรรมการบริษัท แล้วยังทำให้ผมเสียสมาชิกสองคนคือหวังเต๋อหลงและสวีโยว่เหนียนพอดีเลย พวกเรามาคิดบัญชีพร้อมกันทีเดียว!”
”อะไรนะ?ใจกล้าขนาดนี้เชียว!”
สีหน้าหงเทียนหยาเต็มไปด้วยความตกใจ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังเฉา
มีปัญหากับสมาคมการค้าเจียงผิง แต่จวี้เฟิงกรุ๊ปและลี่จิงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิงภายใต้ในนามของเขายังไม่ล้มละลาย?
นี่มันปาฏิหาริย์มาก!
ทันใดนั้น หงเทียนหยาเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้อีก ถามว่า “หูอีซาน เป็นคนตระกูลหูของเจียงเฉิงไม่ใช่หรอครับ?”
เริ่นจวินตงพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่ก็เป็นเพียงแค่ลูกที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น ไอ้หนุ่มนี้ชื่อถังเฉา ผมเคยสืบประวัติของเขา เป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยงของตระกูลเล็กๆในเมืองหมิงจู แต่ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหูอีซาน”
“แค่ความสัมพันธ์กับหูอีซาน เขาได้รู้จักกับหลัวปู้ประธานผู้รับผิดชอบของสมาคมการค้าหงยิง จวี้เฟิงกรุ๊ปก็พึ่งพาหูอีซานมาและได้ขึ้นนั่งตำแหน่งประธาน”
“ส่วนลี่จิงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิง เป็นเพราะว่าภรรยาของเขาเป็นประธานบริษัทลี่จิงกรุ๊ป หลินชิงเสว่”
“ในระหว่างนี้มีความสัมพันธ์ยังไง ทุกคนน่าจะรู้นะครับ”
ได้ฟังคำพูดของเริ่นจวินตง หงเทียนหยาและสมาชิกทุกคนของสมาคมการต่อสู้ต่างก็ตกใจ
“ที่แท้ก็อย่างนี้ เขาไม่มีความสามารถอะไรด้วยซ้ำนี่? ล้วนพึ่งหูอีซานของตระกูลหูและภรรยาของเขาหลินชิงเสว่!”
เมื่อฟังถึงนี่ สายตาของทุกคนที่มองไปที่ถังเฉาล้วนเต็มไปด้วยความดูถูก
เย่หรูอี้มาหาขยะอย่างนี้ไปเข้าร่วมงานประชุมแดนเหนือก็คงจะสมองไม่ดีแล้วละ!
ถังเฉาและเย่หรูอี้ต่างก็ไม่พูดอะไร
เย่อู๋เหินก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
พวกเขาต่างก็รู้ว่าถังเฉาทำเรื่องอะไรได้บ้าง ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่พวกเขาบอกขนาดนั้น
วินาทีนี้ พวกเขาก็เหมือนตัวตลกในสายตาของเย่หรูอี้
เริ่นจวินตงเดินไปตรงหน้าถังเฉา ชี้หน้าเขาแล้วพูดว่า “ในเมื่อหัวหน้าหงของสมาคมการต่อสู้อยู่ที่นี้ด้วยแล้ว ฉันก็บอกเรื่องทั้งหมดในทีเดียวเลย จวี้เฟิงกรุ๊ปของนายและลี่จิงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิงแห่งนี้ จะต้องเข้าร่วมกับเจียงผิงของฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันขอใช้นามของประธานผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าเจียงผิงเป็นประกันว่าบริษัททั้งสองแห่งนี้ จะเปิดทำการไม่ได้”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ ทุกคนต่างก็มองถังเฉาด้วยรอยยิ้มเย็นชา
คิดว่าถังเฉาจะกลัว
ปรากฏว่าถังเฉาไม่ได้กลัว
และยังหัวเราะเยาะว่า “ดูแล้วตำแหน่งประธานผู้รับผิดชอบของสมาคมเจียงผิง นายนั่งได้อย่างสบายเลยนี่?”
เริ่นจวินตงไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของถังเฉาหมายความว่ายังไง แต่เขารู้สึกได้ถึงการเยาะเย้ยอย่างหนัก
ทันใดนั้นก็โมโห “นายไม่วางประธานผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าคนนี้ไว้ในสายตาสินะ?”
ถังเฉาส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ นายเข้าใจความหมายของฉันผิดแล้ว ฉันบอกว่า นายไม่เคยคิดหรอว่า วันหนึ่งเก้าอี้ใต้ก้นของนายจะเปลี่ยนคนอื่นมานั่ง?”
เริ่นจวินตงอึ้งไป จากนั้นก็ยิ่งโมโห
“นายคิดว่านายคือคุณคนโง่งั้นหรอ? ถึงได้กล้าพูดว่าไล่ฉันออก!”
ถังเฉาไม่พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะเบาๆ
ในใจเขามีความคิดนี้อยู่แล้ว
สมาคมการค้าทั้งแปด ก็เยอะมากไปจริงๆ ไม่ใช่ประธานผู้รับผิดชอบของสมาคมการค้าทุกที่ จะขยันเหมือนหลัวปู้
แต่ว่า เขาไม่คิดจะลงมือกับสมาคมการค้าเจียงผิงเร็วขนาดนี้
ในตอนนี้เอง หงเทียนหยาพูดเยาะเย้ยว่า “ได้นี่ไอ้หนุ่ม นายสบประมาทสมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงของฉัน ถึงแม้นายจะเปลี่ยนใจในตอนนี้ ตอบตกลงช่วยคุณหนูเย่เข้าร่วมงานประชุมแดนเหนือ พวกเราก็ไม่มีทางปล่อยนายไป”
ถังเฉาส่ายหัว “ฉันไม่คิดจะตอบตกลงเธออยู่แล้ว แต่ว่า ฉันอยากให้นายรู้มากว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน”
หงเทียนหยานิ่งค้าง จากนั้นก็หัวเราะหนักกว่าเดิม
“คนธรรมดาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบูโดคืออะไร ยังอยากจะสั่งสอนพวกฉัน?”
แต่ว่าเขาก็ยังตอบตกลง
“ได้สิ ฉันตกลง แต่ว่าพวกเราไม่แข่งบูโดกับแก เพื่อที่คุณหนูเย่คนสวยดั่งดอกไม้คนนี้จะไม่หาว่าพวกฉันรังแกนาย”
หงเทียนหยาชี้หน้าถังเฉาแล้วพูดว่า “นายเป็นประธานของจวี้เฟิงกรุ๊ป คงจะมีการประเมินการเข้าทำงานแผนกรักษาความปลอดภัยใช่มั้ย?”
ถังเฉาพยักหน้า “มี วิดพื้น ยิงปืน มวยทหาร”
ไม่ว่าจะเป็นจวี้เฟิงกรุ๊ปหรือว่าลี่จิงกรุ๊ป ล้วนเป็นธุรกิจใหญ่ ผู้สมัครแผนกรักษาความปลอดภัย จะต้องมีเงื่อนไขหลักอย่างหนึ่ง คือ
ทหารที่เกษียณแล้ว
“งั้นพวกเราก็มาแข่งอันนี้กัน”
หงเทียนหยาพูด “หัวหน้าสมาคมการต่อสู้อย่างฉันก็ไม่ออกตัวแล้วกัน ฉันให้คนในลูกน้องทั้งหมดที่อ่อนหัดที่สุดมาแข่งกับนาย”
ถังเฉาหัวเราะออกมา ถามว่า “นายแน่ใจนะว่าจะไม่ให้คนที่เก่งที่สุดของพวกนายมาแข่งกับฉัน? ไม่อย่างนั้นฉันกล้วว่านายจะพูดว่าฉันรังแกพวกนาย”