พอได้ยินว่าเป็นคนของสถาบันจดหมายเหตุ ความโกรธบนใบหน้าของหงเทียนหยาก็หายไปจนหมด เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเอาอกเอาใจแทน
“ที่แท้ก็ท่านเสนาธิการของสถาบันจดหมายเหตุนั่นเอง ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับครับ”
หงเทียนหยาแกล้งทำเป็นฟังคำพูดของอีกฝ่ายไม่ออก เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นประธานของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น แต่สำหรับบุคคลตำแหน่งสูงในองค์กรแล้ว เขายังคงต้องเสแสร้งเป็นผู้น้อยอยู่
ช่วยไม่ได้ คำพูดของเขาเพียงประโยคเดียวก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ว่าประธานของสมาคมการต่อสู้นั้นจะเป็นเขาหรือไม่
ผู้ชายคนนั้นไม่เล่นด้วยเลยสักนิด เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้องต้อนรับแล้ว ผมมาเพื่อเตือนพวกคุณหนึ่งประโยค ถึงแม้ว่าพวกคุณจะมีรหัสผ่านระบบของข้อมูลทะเบียน แต่ก็ไม่สามารถเข้าตามอำเภอใจได้ โดยเฉพาะพวกข้อมูลทะเบียนของบุคคลยิ่งใหญ่ระดับ SSS ดูนิดเดียวก็ผิดกฎหมาย!”
“ครับ ๆ ๆ ต้องโทษผู้ใต้บังคับบัญชาของผมที่ทำงานได้ไม่เหมาะสม ผมจะว่ากล่าวตักเตือนให้ดีครับ…”
หงเทียนหยาพยักหน้าจนเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวสาร ท่าทีเคารพนบนอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ดึงตัวคนของสถาบันจดหมายเหตุเอาไว้ “ท่านผู้นำ ท่านช่วยพูดให้เข้าใจอย่างละเอียดหน่อยได้ไหมครับ ข้อมูลบุคคลใหญ่โตระดับ SSS อะไรกัน”
ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้วแน่นทันที “ผมคิดว่าคุณจะรู้ความผิดของตัวเองแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่รู้สำนึก!”
เขาอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน “เมื่อครู่คุณได้ไปสะกิดโดนสัญญาณเตือนภัยข้อมูลทะเบียนของบุคคลระดับชาติ แสดงให้เห็นว่าพวกคุณที่นี่มีคนพยายามที่จะขโมยข้อมูลทะเบียนของบุคคลยิ่งใหญ่ระดับ SSS ถ้าหากว่าไม่เห็นแก่คุณที่มีฐานะเป็นถึงประธานของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงละก็ ตอนนี้คุณก็โดนจับกุมตัวไปแล้ว!”
สีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนั้นเข้มงวดมาก จัดการเรื่องราวอย่างเป็นทางการ
หงเทียนหยาถูกทำให้ตกใจจนเอ๋อ คนของลูกนอกก็ยิ่งตกใจกลัวจนตัวสั่น
“บุคคลใหญ่โตระดับ SSS คงไม่ใช่ถังเฉาหรอกนะ?”
หงเทียนหยาพูดพึมพำกับตัวเอง
ผู้ชายคนนั้นส่ายศีรษะ พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจังว่า “ผมเองก็ไม่รู้ว่าคนใหญ่คนโตท่านนั้นชื่อว่าอะไร มีฐานะอะไร รู้เพียงแต่ว่าทะเบียนของเขาทั้งประเทศมีเพียงคนเดียวที่สามารถค้นได้ ส่วนคนอื่นไม่มีคุณสมบัตินี้โดยไม่มีข้อยกเว้น!”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา สมองของลูกน้องของหงเทียนหยาก็ขาวโพลนในทันที ด้านหลังของเสื้อถูกเหงื่อเย็น ๆ หลั่งออกมาจนชุ่ม
ทั้งประเทศมีบุคคลเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติสามารถค้นประวัติของเขาได้
หรือว่า…
หงเทียนหยาไม่กล้าจะคิดต่อไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
แต่เขาก็ยังไม่ยินดีที่จะเชื่อว่าคนคนนั้นคือถังเฉา “ท่านผู้นำ ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดใช่ไหมครับ? คนที่ผมต้องการจะตรวจค้นเป็นเพียงแค่ลูกเขยแต่งเข้าตระกูลหลินจิ๊บจ๊อย ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูคนหนึ่งเท่านั้นนะครับ! จะมีฐานะสูงส่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?”
เขารู้แล้วว่าถังเฉาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิน แต่ไม่เชื่อโดยสิ้นเชิงว่าฐานะของถังเฉาจะสูงส่งมาก ๆ
จะต้องรู้ว่าแม้แต่หลินรั่วหวีผู้นำของตระกูลหลิน ฐานะของทะเบียนก็ยังไม่ถึงขั้น SSS!
“นี่ผมก็ไม่รู้แล้ว”
ผู้ชายคนนั้นเอ่ยเบา ๆ “พวกคุณเพียงแค่จำเป็นจะต้องรู้ว่าฐานะของบุคคลใหญ่โตคนนั้นสูงส่งมาก ไม่ว่าใครที่ตรวจค้นทะเบียนฐานะของเขาโดยพลการ ระบบความปลอดภัยของประเทศจะส่งไวรัสม้าโทรจันที่มีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งที่สุดโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ก็จะสามารถทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไม่สามารถใช้งานได้ภายในชั่วพริบตา!”
“หา?”
ประโยคนี้ทำให้หงเทียนหยาช็อกอย่างถึงที่สุด
เขากับลูกน้องมองหน้ากันไม่พูดไม่จา ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าบังเอิญ
นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องที่แน่นอน!
พอค้นพบข้อมูลทะเบียนของถังเฉา ฉันพลันนั้นคอมพิวเตอร์ก็โดนไวรัส?
เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ ไม่อยากจะเชื่อ!
“ครั้งนี้เป็นเพียงการตักเตือน ครั้งหน้าถ้ายังค้นข้อมูลทะเบียนโดยพลการอีก ก็ต้องไปนอนคุกจริง ๆ แล้ว ต่อให้คุณจะเป็นประธานของสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงก็ไม่เป็นข้อยกเว้น กลับต้องโดนโทษสถานหนักด้วย!”
ผู้ชายคนนั้นกล่าวตักเตือนเสร็จก็จากไป
หงเทียนหยากับลูกน้องยังอยู่ในสภาพหน้ามึน ๆ มองอย่างเอ๋อ ๆ
“ท่านประธานครับ ทะเบียนของถังเฉานั่นพวกเรายังจะค้นอีกไหมครับ?”
ลูกน้องเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
หงเทียนหยาตบศีรษะเขาอย่างโหดเหี้ยมหนึ่งที เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ยังจะค้นทำซากอะไรอีกล่ะ ปัดเขาออกไปเลย ไม่อนุญาตให้ถังเฉาเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันให้ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง!”
ลูกน้องถูกคนจากสถาบันจดหมายเหตุพูดจนหวาดกลัว “ท่านประธานครับ แบบนี้คงไม่ดีมั้งครับ? ถ้าหากว่ามีเบื้องหลังที่น่าหวาดกลัวจริง ๆ ล่ะครับ? อีกอย่างทางด้านคุณเย่ก็ไม่ได้ให้ผ่านมาตรฐานมาง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอกครับ”
ทันใดนั้นใบหน้าของหงเทียนหยาก็เต็มไปด้วยความโมโหร้าย “เบื้องหลังน่าหวาดกลัวอะไรกัน คนของสถาบันจดหมายเหตุจะต้องบกพร่องแน่ ๆ เขาเป็นคนใหญ่คนโตได้ที่ไหนกัน?”
ไม่ว่าอย่างไร หงเทียนหยาก็ไม่คิดว่าถังเฉาจะเป็นคนใหญ่คนโตที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นยกเว้นคนคนเดียวคนนั้น
“รีบไปจัดการ!”
หงเทียนหยาเอ่ยด้วยความโมโห “ปัดเขาออกไป!”
“ก็ได้ครับ…”
ช่วยไม่ได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาทำได้เพียงไปจัดการแล้ว
ถังเฉากับเย่หรูอี้ล้วนไม่รู้เลยว่าจำนวนคนของตนเองถูกปัดตกไปแล้ว
เช้าตรู่วันต่อมา ถังเฉากับหลินชิงเสว่เอาถังเสี่ยวลี้ส่งไปให้หลินฉ่ายเวยดูแล แล้วจึงเร่งเดินทางไปยังอาคารลู่ตี้
อาคารลู่ตี้เป็นโครงการที่บุกเบิกอยู่ภายใต้การบริหารของหย่วนหยางกรุ๊ป
และหย่วนหยางกรุ๊ปก็คือบริษัทสาขาย่อยในเมืองเจียงเฉิงของตระกูลเย่
ที่หน้าประตู ก็มีคนวัยกลางคนสวมชุดสูทรองเท้าหนังคนหนึ่งต้อนรับอยู่
พอมองเห็นถังเฉากับหลินชิงเสว่ก็ต้อนรับเข้ามาทันที
“คุณถัง คุณหลิน!”
“คุณคือ?”
ถังเฉากับหลินชิงเสว่ล้วนแต่มองคนวัยกลางคนคนนี้ด้วยความประหลาดใจ
“คุณถังอยากจะไม่เคยได้ยินเรื่องผม แต่ผมกลับเคยได้ยินเรื่องของคุณถังกับคุณหลินนะครับ”
ชายวัยกลางคนหัวเราะหึหึแล้วเอ่ยว่า “ผมชื่อเย่เฟิงเซิง เป็นผู้อำนวยการของบริษัทสาขาหย่วนหยางแห่งเมืองเจียงเฉิงครับ คุณหนูสั่งให้ผมรอทั้งสองท่านอยู่ที่นี่ มีเรื่องสองเรื่องที่จะต้องทำครับ”
“เย่เฟิงเซิง”
ถังเฉารำพันออกมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นก็นึกออกมาได้
ก่อนหน้านี้ที่บ้านใหญ่ตระกูลหู หูอีซานลงโทษหย่วนหยางกรุ๊ปกิจการยักษ์ใหญ่ที่ร่วมงานกับตระกูลหูมาหลายปี เปิดฉากทำสงครามกับตระกูลหูเพื่อเขาอย่างไม่ลังเล
ผู้อำนวยการก็คือเย่เฟิงเซิง
ถังเฉายิ้ม “นึกออกแล้ว คุณรู้จักกับหูอีซาน ถูกต้องไหมครับ?”
เย่เฟิงเซิงวางท่าทีต่ำที่สุด “ประธานหู เขาเองก็เป็นพันธมิตรที่ร่วมงานกันของคุณหนู แน่นอนว่าตอนนี้หย่วนหยางกรุ๊ปได้สร้างความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันกับตระกูลหูอีกครั้งแล้วครับ”
ถังเฉาพยักหน้า ตอนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเอาตำแหน่งผู้นำที่ยิ่งใหญ่ส่งต่อให้กับหูอีซานนั้น วันต่อมาหูเซียวก็ลงจากตำแหน่งเลย หูอีซานรับตำแหน่งผู้นำต่อไป
แน่นอนว่าหย่วนหยางกรุ๊ปก็กลับคืนสู่การร่วมมือกันกับตระกูลหูตามเดิม
“พูดมาเถอะ สองเรื่องไหน?”
ถังเฉาเอ่ยถาม
เย่เฟิงเซิงหยิบสัญญาออกมาหนึ่งฉบับด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูกำชับเอาไว้ว่า เพื่อที่จะขอบคุณคุณถัง และก็เพื่อที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจของเธอ บริษัทสาขาหย่วนหยางจะช่วยเหลือบริษัทย่อยของลี่จิงกรุ๊ปให้พัฒนาขึ้นมา ความร่วมมือด้านในทั้งหมด ลี่จิงกรุ๊ปเป็นส่วนสำคัญทั้งหมด”
ถังเฉาตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง ตัวสัญญาไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่ได้พูดขอบคุณ
เย่หรูอี้ทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
“แล้วเรื่องที่สองล่ะ?”
หลินชิงเสว่ยืนมองอยู่ด้านข้างตลอดทาง ในใจรู้สึกปลงเป็นอย่างยิ่ง
ชัดเจนว่าเธอเป็นประธานของลี่จิงกรุ๊ป แต่ไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว ความร่วมมือกับหย่วนหยางกรุ๊ปก็ตกลงกันได้แล้ว
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคุณงามความดีของถังเฉาน่ะสิ!
คนอื่นล้วนแต่เห็นแก่หน้าของถังเฉา ถึงได้ร่วมมือกับลี่จิงกรุ๊ป
“เรื่องที่สองก็คือเชิญทั้งสองท่านไปห้องทำงานของคุณหนูครับ การปรึกษาหารือจัดขึ้นที่ห้องทำงานของคุณหนูครับ”
ถังเฉาพยักหน้า “ไปกันเถอะ”
กำลังจะเข้าไป ด้านหลังก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งส่งมา “ถังเฉา ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?”