คำพูดตอบกลับอย่างไม่แยแสของหลินรั่วหวีดังก้องไปทั่วห้องหรูหรา ทำให้ที่นี่เงียบสงบลงในทันที
ถึงขนาดที่ทำให้หลินฉ่ายเวยตัวสั่นกระส่าย
เพราะว่าเธอรู้สึกได้ถึง จิตสังหารที่แสนเยือกเย็น มันพุ่งพรวดออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างกายเธอหนาวสั่น
พวกหลินชิงเสว่ ลั่วเย่นหัวก็มองหลินรั่วหวีด้วยสายตาที่ไม่คาดคิด
จริงๆแล้ว หลินชิงเสว่พบว่ามันมีตรงไหนที่มันแปลกๆอยู่ตั้งนานแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลถัง ตระกูลฉิน หรือว่าตระกูลเย่ คนที่ส่งมาล้วนแต่เป็นรุ่นแด็กรุ่นเล็ก เช่นพวกเย่หรูอี้ เย่เซ่าเตี๋ย ฉินกวนฉี ถังหลิน
มีเพียงแค่ตระกูลหลินเท่านั้น ที่ผู้นำตระกูลหลิน หลินรั่วหวีออกมานำทีมเอง
มันทำให้ผู้คนสงสัยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ว่าผู้นำตระกูลหลิน หลินรั่วหวีผู้ทรงพลังจะมาสู้กับพวกคนรุ่นเล็กแบบเย่หรูอี้ ฉินกวนฉีเหรอ?
นี่มันเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีตัวเองเกินไป!
แต่ตอนนี้พวกเธอรู้แล้ว ว่าการที่หลินรั่วหวีมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยตัวเองแบบนี้ จริงๆแล้วไม่ได้มาร่วมการประชุมแดนเหนือเลย
การประชุมแดนเหนือเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น เป้าหมายหลักก็คือ เพื่อมาฆ่าถังเฉาต่างหาก
ดังนั้น เขาจึงพาองครักษ์อ้านอิ่งจำนวนครึ่งหนึ่งมาด้วย
ข้างกายของถังเฉายังมีบอดี้การ์ดสาวที่เก่งกาจมากๆอยู่ เฟิ่งหวง
องครักษ์อ้านอิ่งจำนวนครึ่งหนึ่งนี้ สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งของเฟิ่งหวงได้อยู่
ที่เหลือ ก็คือหลินรั่วหวีลงมือกับถังเฉา
“คุณกล้าทำร้ายเขาอย่างนั้นเหรอ!”
หลินชิงเสว่ที่ได้รู้ความจริงก็โมโหมาก ตื่นตัวจนมีเส้นเลือดปูดเต็มคอ แววตาทั้งโกรธทั้งหวาดกลัว
ลั่วเย่นหัวสายตาก็นิ่งขรึมลงเช่นเดียวกัน“เขาเป็นคนที่อยู่ในการคุ้มครองปกป้องของฉัน คุณคิดจะแตะต้องเขา ถามฉันแล้วยัง?”
“ไม่จำเป็นต้องถามคุณ!”
หลินรั่วหวีมองจ้องลั่วเย่นหัวไปตรงๆ ในแววตาไร้ซึ่งความกลัว“เวลาผมจะทำเรื่องอะไร ก็ดูว่าอยากหรือไม่อยากทำ ไม่ใช่ดูว่าทำได้หรือไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
พอได้ฟังแบบนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป
พวกหลินเจิ้นสง หลินฉ่ายเวยแววตาก็ดูหวั่นเกรงไม่น้อย
หลินรั่วหวี
กฎข้อบังคับต่างๆเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วมันใช้ไม่ได้ผล
ดูแค่ว่าอยากหรือไม่อยากทำ ไม่ดูว่าทำได้หรือไม่ได้
เผด็จการเกินไปไหม?
หลินชิงเสว่รีบหันหน้าไปพูดกับถังเฉาทันที“ถังเฉาคุณอย่ากลัว มีฉันอยู่ด้วย เขาไม่กล้าทำร้ายคุณหรอก”
ถึงแม้ว่าจะพูดออกมาแบบนี้ แต่เธอกลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าต่อหน้าหลินรั่วหวีแล้ว มากสุดก็แค่หลินรั่วหวีรู้สึกผิดต่อเธอเท่านั้น
เพราะว่าความรู้สึกผิด มันเลยมาช่วยเติมเต็มให้อย่างไม่มีเงื่อนไข
แต่ถ้าเกิดวันไหน ที่หลินรั่วหวีไม่มีความรู้สึกผิดนั่นแล้วล่ะ?
หลินชิงเสว่ความมั่นใจอยู่ที่ไหน?
แทบจะไม่มีพละกำลังความสามารถที่จะไปต่อต้านได้เลย
ปึ้ง
ถังเฉากลับวางตะเกียบลง มองหลินรั่วหวีนิ่งๆ หรี่ตาลงอย่างอันตราย
“เกี่ยวข้องกับอำนาจอิทธิพล? บุคคลอันตราย? ดูท่า คุณน่าจะรู้อะไรมาสินะ?”
ถังเฉาน้ำเสียงเยือกเย็น ค่อยๆลุกขึ้นมา
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่จังหวะที่ถังเฉาลุกขึ้นมา ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าแรงกดดันมันเพิ่มสูงขึ้น
ราวกับว่ามันกดแน่นจนพวกเขาแทบจะหายใจไม่ออก!
ถังเฉาจับสังเกตคำพูดที่หลินรั่วหวีพูดขึ้นได้อย่างเฉียบแหลม
ไปเกี่ยวข้องกับอิทธิพลอำนาจอะไรสักอย่าง
ที่พูดนี่หมายถึง‘หว่างเหลี่ยง’ไม่ใช่หรือไง?
ค้างคาวก็อยู่ข้างกายเขา
ในขณะเดียวกันค้างคาวก็ลึกลับว่องไว แข็งแกร่งทรงพลัง
ทุกอย่างล้วนแต่ชี้ไปที่หลินรั่วหวี
หลินรั่วหวี เป็นคนขององค์กร‘หว่างเหลี่ยง’?
จิตสังหารเริ่มก่อตัวแน่นขึ้นมา ในขณะที่ถังเฉาเริ่มสรุปผลทั้งหมดออกมาได้แล้ว
“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับ‘หว่างเหลี่ยง’?”
ถังเฉาเปิดปากพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ ก้าวเดินตรงไปยังหลินรั่วหวีทีละก้าวๆ
เว่ยหมิงจวินถอยหลังไปอยู่ริมๆด้วยความตกใจกลัว
นอกจากความตกใจกลัวแล้ว สายตาของเธอยังตื่นเต้นอีกด้วย
เพราะว่าในที่สุดถังเฉากับหลินรั่วหวีก็จะมาต่อสู้แบบตัวต่อตัวกันแล้ว!
นี่มาหาที่ตายชัดๆเลย!
หลินรั่วหวียิ้มนิ่งๆ“อยากรู้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปบนสังเวียนที่ประชุมแดนเหนือ สู้กับฉันสักตั้งสิ ถ้าชนะ ฉันจะบอกนายเอง”
ถังเฉาหรี่ตาลงกว่าเดิม
“นี่คุณ……กำลังท้าทายผมเหรอ?”
หลินรั่วหวีลูบคาง“นายต่างหากล่ะที่มาท้าทายฉัน เพราะว่าฉันจะยืนอยู่รอบสุดท้าย”
ถังเฉายิ้มอ่อน แต่ว่ารอยยิ้มนั้น เยือกเย็นสุดๆ
“น่าสนใจ……ได้ ผมรับคำท้า แต่ว่า ถึงตอนนั้นผมไม่มีทางออมมือแน่นอน”
“ชีวิตและความตายล้วนแต่ถูกลิขิตไว้แล้ว”
บูม!
พอคำพูดสุดท้ายออกมา ทุกคนก็สีหน้าตกใจกลัวทันที
“อย่านะ!”
หลินชิงเสว่กับหลินจ้าวหยูนตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน แถมยังมาจากที่นั่งข้างๆของพวกเขาอีกด้วย
หลังจากที่ตะโกนออกไปแล้ว พวกเธอเองก็อึ้งตะลึงไป
สองพี่น้องมองหน้ากัน สายตาจริงจังทั้งคู่
หลินชิงเสว่ยืนอยู่ข้างถังเฉา จับแขนของถังเฉาไว้แน่น
ส่วนหลินจ้าวหยูนยืนอยู่ข้างๆหลินรั่วหวี รั้งแขนของหลินรั่วหวีไว้แน่นเช่นกัน
เมื่อตะกี้ พวกเธอตะโกนออกมาโดยสัญชาตญาณ
ไม่อยากให้เลือดตกยางออก ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องเสียชีวิต
พวกเธอกลับกลายมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พอตระหนักได้ถึงตรงนี้ หลินชิงเสว่กับหลินจ้าวหยูนทั้งสองคนสีหน้าก็ซีดขาวทันที
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง……”
พวกเธอพึมพำกับตัวเอง
ถ้าถังเฉากับหลินรั่วหวีไปเจอกันที่ประชุมแดนเหนือจริงๆ ไม่ว่าใครจะเป็นใครจะตาย ต่อไปสองพี่น้องจะมองหน้ากันในฐานะอะไร?
ศัตรู?
หรือว่ามิตร?
“ถังเฉา คุณสัญญากับฉันแล้ว ว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือ แถมคุณก็ถูกสมาคมการต่อสู้แบนแล้วด้วย คุณจะไปเข้าร่วมได้ยังไง?”
หลินชิงเสว่พูดถามขึ้นอย่างลนลาน
ถังเฉายิ้มอย่างอบอุ่น“ถึงผมไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็มีเรื่องที่ผมต้องไปทำ ผมไม่มีทางแพ้แน่นอน!”
ถังเฉามั่นใจมาก หลินชิงเสว่กลับส่ายหัวอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
“นี่มันไม่ใช่เรื่องของแพ้หรือว่าไม่แพ้……”
หลินชิงเสว่อยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าสายตาของถังเฉาไม่ได้อยู่ที่ตนเองแล้ว
แววตาของเขาสะท้อนภาพของหลินรั่วหวี ราวกับว่า ในโลกนี้เหลือเพียงแค่เขากับหลินรั่วหวีเท่านั้น
ในตอนนี้หลินชิงเสว่ก็รู้แล้วว่า ตัวเองพูดโน้มน้าวไปก็ไม่เป็นผลแล้ว
“เรื่องของพวกเราสองคน รอประชุมแดนเหนือเริ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน วันนี้เป็นงานเลี้ยงขอโทษ”
ถังเฉานั่งกลับลงไป หลินชิงเสว่ก็นั่งลงไปด้วยจิตใจที่กลัดกลุ้มเช่นกัน
ตี๊ดๆๆ!
ในตอนนี้เอง สัญญาณเตือนภัยภายในวาเลียนท์ วิลล่า ก็ส่งเสียงร้องที่คุ้นหูขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
เว่ยหมิงจวินพูดถามคนที่อยู่ข้างนอกประตู
คนคนนั้นตอบกลับมา“พวกเขาปฏิบัติภารกิจกลับมาแล้วครับ”
“ว่าไงนะ?!”
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็สีหน้าตกใจทันที
ใครคือคนที่ใหญ่ที่สุดในวาเลียนท์ วิลล่า?
ไม่ใช่หลินรั่วหวี แต่เป็นสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรต่างหาก!
พวกเขาปฏิบัติภารกิจกลับมาแล้ว แม้แต่เจ้าเมืองของเมืองเจียงเฉิงก็ยังต้องมาต้อนรับเขา!
ไหนจะมีคนใหญ่คนโตอีกมากมาย!
เว่ยหมิงจวินหันมองไปยังหลินรั่วหวีทันที“คุณอยากจะเจอหัวหน้าของพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีแล้วนะ”
หลินรั่วหวีลุกขึ้นยืน พยักหน้า“นี่เป็นโอกาสที่ดี”
ที่เขาจัดงานเลี้ยงขึ้นในวาเลียนท์ วิลล่า หนึ่งเหตุผลหลักๆ ก็คือวันนี้เป็นวันที่สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรกลับมานั่นเอง
“ออกไปดูด้วยกันสิ”
พวกหลินเจิ้นสง หลินชิงเสว่ก็ท่าทางอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
พอได้ฟังแบบนั้น ถังเฉากลับรั้งหลินชิงเสว่เอาไว้“ไม่ต้องไปดูหรอก พวกเขาเป็นพวกทหารใหม่ทั้งนั้น พวกเราอยู่ทานข้าวที่นี่เถอะ”
ฉึ่บ!
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็สีหน้าตกใจทันที
ขนาดหลินรั่วหวีกับลั่วเย่นหัว ก็อึ้งตะลึงไปไม่น้อย
พวกหลินเจิ้นสง หลินฉ่ายเวยก็ยิ่งตกใจราวกับเห็นผีเช่นกัน
สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกร เป็นรองสมาชิกดั้งเดิมอย่างเป็นทางการของกองทัพปราณมังกร
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถไปปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนห่างไกลได้ แต่พวกบุคคลอันตรายภายในประเทศก็เป็นพวกเขาที่เป็นคนจัดการ
กลุ่มคนแบบนี้ สำหรับถังเฉาแล้ว เรียกว่า‘ทหารใหม่’อย่างนั้นเหรอ?
“มั่วซั่วไร้สาระ!”เว่ยหมิงจวินพูดอย่างเย้ยหยัน
ก่อนหน้านี้เธอดื่มเหล้าไปตั้งนานแล้ว เพิ่งจะย่อยเหล้าที่ดื่มไปจนหมด ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดปากพูดอะไรมาตลอด
ตอนนี้เธอสร่างเมาแล้ว สิ่งที่ทำก็คือแก้แค้นสิ่งถังเฉาที่ทำไว้กับเธอ
หลินเจิ้นสงก็สีหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน“เสี่ยวเฉา จะพูดมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเขาล้วนแต่เป็นทหารอารักขาที่น่าชื่นชม ไม่ใช่ทหารใหม่อะไรสักหน่อย”
“คำพูดแบบนี้ แอบไปพูดคนเดียวก็พอแล้ว อย่าเอาไปพูดมั่วซั่วข้างนอก เดี๋ยวจะเกิดเรื่องได้”
หลินชิงเสว่ก็พูดขึ้นอย่างจริงจังเช่นกัน
ยังไม่ทันได้ตัดสินผลการต่อสู้กับหลินรั่วหวี หลินชิงเสว่ไม่อยากให้ถังเฉาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน
สำหรับเรื่องนี้ ถังเฉาแค่ยิ้มอย่างนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร
สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกร สำหรับเขาแล้วเป็นแค่พวกทหารใหม่เท่านั้น
ในสมัยที่ไม่มีเรื่องอะไรก็ยังไปฝึกฝนพวกเขาด้วยกันกับเจียงไป๋เสว่
ตอนนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกร ที่เขาสอนในสมัยก่อนก็น่าจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแล้ว
แต่พอเห็นถังเฉา พวกเขาก็ยังคงตะโกนออกมา‘สวัสดีครับครูฝึก’เหมือนเดิม
พวกหลินรั่วหวี เว่ยหมิงจวิน หลินเจิ้นสงพวกเขากะที่จะไปต้อนรับ
เว่ยหมิงจวินหันไปมองถังเฉา“พวกคุณไม่ไปจริงๆเหรอ?”
“ผมไม่ไป”
ถังเฉาพูดอย่างนิ่งๆ
มีที่ไหนที่ครูฝึกไปต้อนรับคนที่ถูกฝึก?
ไม่ใช่เรื่อง!
หลินชิงเสว่ก็ไม่ได้ไปเช่นกัน กำลังป้อนข้าวถังเสี่ยวลี้
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ไปแล้วกัน”
เว่ยหมิงจวินยิ้มอย่างเย้ยหยัน“คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นฮีโร่ที่แม้แต่คนใหญ่คนโตมากมายอยากจะเจอก็ไม่เคยได้เจอ นายไม่รู้เลยว่าตัวเองพลาดอะไรไปแล้ว”
ถังเฉาไม่ได้ตอบกลับอะไร กินอาหารอย่างเดียว
แล้วพวกเขาก็เดินออกไปจากวิลล่า
ทุกคนสีหน้าตื่นเต้น
แม้แต่หลินรั่วหวี ก็ต้องสานสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพปราณมังกรเหมือนกัน
ถึงยังไง ตระกูลหลินก็เป็นตระกูลธรรมดาทั่วไป ภูมิหลังไม่สามารถเทียบเท่าได้กับตระกูลหลวงเก่าแก่ดั้งเดิมแบบตระกูลฉิน ตระกูลถัง และตระกูลเย่พวกนั้นได้
สาเหตุที่ตระกูลฉินเป็นแชมป์ของประชุมแดนเหนือในครั้งนี้ สาเหตุใหญ่ๆ ก็คือตระกูลฉินมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้พิทักษ์แดนตะวันตก มู่ตงเฟิง
การมีสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าพ่อแห่งสนามรบ ประโยชน์มันไม่สามารถจินตนาการได้เลย
ถึงขนาดที่ทั้งสองข้างทาง มีธงติดตามต้นไม้ทุกต้น
รถทุกคันในวิลล่าถูกส่งออกไป ขับแล่นไปเป็นขบวน
ข้างๆมีพรรคพวกจำนวนมากยืนอยู่ก่อนแล้ว
คนที่เป็นผู้นำ ก็คือหวางชื่อ
เขากำลังรออยู่ด้วยสีหน้าท่าทีเข้มงวด
ไม่ไกล มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำกำลังบินตรงมาที่นี่
“ดูตระการตามาก”
เว่ยหมิงจวินมองดู สีหน้าตื่นเต้น
แม้ว่าหลินรั่วหวีจะนิ่งเงียบ แต่เขาก็ไม่สามารถอดกลั้นความตื่นเต้นดีใจของตัวเองเอาไว้ได้
พวกหลินเจิ้นสง หลินฉ่ายเวย หลินจ้าวหยูนก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
ภาพตรงหน้านี้ ชั่วชีวิตหนึ่งก็อาจไม่มีโอกาสได้เห็น!
หลินรั่วหวีพาพวกเขามาอยู่ตรงหน้าของนายพลหวางชื่อ“คุณหวาง ผมคือหลินรั่วหวี มาต้อนรับเหล่าฮีโร่กลับบ้านด้วยกันครับ”
หวางชื่อเคยได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือของหลินรั่วหวีมานานแล้ว มาจากตระกูลหลินแห่งตระกูลหลวงของเยี่ยนจิงเยี่ยนตู ท่าทีมีมารยาทมาก
“ขอบคุณ”
พวกเขามายืนอยู่กลางแถวขบวนต้อนรับแล้ว
ที่ไม่ไกล มีรถขับแล่นมาอีกสองสามคัน
“นั่นมันรถของเจ้าเมืองเมืองเจียงเฉิงนี่นา เจ้าเมืองเมืองเจียงเฉิงมาแล้ว!”
หลินฉ่ายเวยชี้ไปที่รถพวกนั้นพร้อมกับตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงจากรถมาอย่างรีบร้อน ข้างหลังมีชายร่างใหญ่สวมชุดสูทหลายคนเดินตามมาด้วย
“ขนาดคนของสามตระกูลยักษ์ใหญ่ก็มาหรือนี่”
หลินฉ่ายเวยพูดถอนหายใจออกมา
เซี่ยสิงจู๋ ลู่เจียงไห่ หูอีซานก็มากันแล้ว
แต่พวกเขาไม่ได้เห็นพวกหลินเจิ้นสง
ทุกคนต่างเงยหน้ามองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ข้างบน
ซู่ๆๆๆ!
มีลมแรงพัดมา ผมของทุกคนปลิวไสว
เฮลิคอปเตอร์บินลงมา!
สมาชิกสำรองกองทัพปราณมังกร จะลงเครื่องมาแล้ว!