เถี่ยนิ้วใช้พละกำลังทั้งหมดในการจู่โจมหมัดนี้ แต่กลับถูกถังเฉากันเอาไว้อย่างง่ายดาย
นี่มันก็มากพอที่จะทำให้เถี่ยนิ้วถึงกับตกใจแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจู่โจมสวนกลับของถังเฉา……ข้อศอกกับหัวเข่ายกขึ้นมาพร้อมกัน เร็วจนแทบจะมองไม่ทัน
เถี่ยนิ้วคิดที่จะหลบ แต่รังสีอำมหิตที่แสนร้ายแรง ทำให้เขาขยับไม่ได้
จิตสังหารนี้ ไม่ใช่แผ่ออกมาจากถังเฉา แต่เป็นจิตสังหารที่แทรกซึมผ่านเข้ามาระหว่างกระบวนท่า
การที่ผู้แข็งแกร่งถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่เพียงแค่ตัวของเขามีจิตสังหารเท่านั้น แต่เพราะว่า มีจิตสังหารแทรกซึมผ่านเข้าไปในทุกกระบวนท่าของเขา
ภายใต้จิตสังหารนี้ เถี่ยนิ้วเหมือนกับจอกแหนที่ลอยอยู่กลางสายลม จะขยับก็ขยับไม่ได้
เขาทำได้แค่รอศอกศอกนี้จู่โจมเข้ามาที่ตัวเท่านั้น
“ถึงยังไงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถูกครูฝึกอบรมฝึกฝนมาก่อน!”
เถี่ยนิ้วคิดในใจ หลับตาลง
แต่ผ่านไปนานสองนาน ที่ร่างกายก็ไม่มีเสียงโจมตีดังขึ้นมาสักที
ถึงขนาดที่ไม่มีเสียงเลยแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ
ราวกับว่าเวลาหยุดอยู่ตรงนี้
เถี่ยนิ้วลืมตาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นาทีที่ลืมตาขึ้น เหงื่อตามตัวของเขาก็ไหลออกมา
ถังเฉามือหนึ่งกุมหมัดของเขาเอาไว้ ศอกอีกข้างก็อยู่ในจุดที่ใกล้กับใบหน้าของเขาเพียงไม่กี่มิลลิเมตร
ส่วนหัวเข่า ก็เกือบจะแทงเข้ามาที่ซี่โครงของเขา
เถี่ยนิ้วแข็งทื่อไปทั้งตัว เหงื่อไหลหยดลงทันที
ไม่ว่าจะเป็นศอก หรือว่าเข่า ถ้าเกิดแทงเข้ามาล่ะก็ เขาไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
ถึงขนาดที่ จากกำลังของครูฝึกแล้ว ถ้าหัวเข่านี้แทงเข้ามา ซีกโครงซีกนี้จะต้องหักด้วยเช่นกัน!
ลูกศิษย์ของเถี่ยนิ้วก็อึ้งตะลึงไป
ต่างคนต่างตาโตอ้าปากค้าง สีหน้าช็อคตกใจ
“ถ้าอยู่ในสงครามล่ะก็ ตอนนี้นายตายไปจริงๆแล้ว”
ถังเฉาปล่อยเถี่ยนิ้วออก กลับไปนั่งที่เดิม ก่อนจะดื่มเหล้าอย่างนิ่งๆ
ในตอนนี้เถี่ยนิ้วเหงื่อไหลอาบเต็มหน้า ถึงขนาดที่ร่างกายถึงกับสั่นเล็กน้อย
ใช่แล้ว ถ้าเกิดอยู่ในสงครามจริงๆ ตอนนี้เขาคงตายไปเรียบร้อยแล้ว
ในเวลานี้ ในหัวของทุกคนก็มีคำพูดก่อนหน้านี้ของถังเฉาดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันสู้ไม่เป็น
จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวและหัวใจอย่างไม่มีเหตุผล
ถังเฉาไม่ได้โกหกจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เสแสร้งด้วย
เขาสู้ไม่เป็นจริงๆ
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนี้ก็เข้าใจได้ว่า ฉันต่อสู้ไม่เป็น ฉันฆ่าคนเป็นอย่างเดียว
“ขอบ ขอบคุณสำหรับการชี้แหนะของครูฝึกครับ”
เถี่ยนิ้วกลืนน้ำลงอย่างแรงหนึ่งที ไม่นานก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ถังเฉาโบกมือ ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
ลูกน้องของเถี่ยนิ้ว ก็มองถังเฉาด้วยสายตาเคารพชื่นชม
นี่ก็คือครูฝึกของครูฝึก นี่ก็คือเจ้ามังกรอย่างนั้นเหรอ?
เก่งกาจเกินไปแล้ว!
เถี่ยนิ้วกะที่จะออกไป แต่ถังเฉายิ้มพร้อมกับตะโกนเรียกไว้“ไม่กินอะไรกันสักหน่อยเหรอ?”
เถี่ยนิ้วพูดยิ้มๆ“ครูฝึก ถึงยังไงท่านก็อยู่ที่เมืองเจียงเฉิง เจอกันเมื่อไรก็ได้ วันนี้ยังฝึกกันไม่เสร็จเลยด้วย!”
เหล่าบรรดาลูกศิษย์ก็ไม่สบอารมณ์ทันที
“ครูฝึก บอกว่าวันนี้จะให้พวกเราหยุดหนึ่งวันไม่ใช่หรือไง?”
“หุบปากไปให้หมด!”
เถี่ยนิ้วตะคอกด้วยความโมโห“ยกเลิกวันหยุด ทุกคน ไปฝึกให้หมด!”
ถังเฉายิ้ม ถูกกระตุ้นเข้าแล้วสินะ!
ข้างนอกวิลล่า
ผู้คนรออยู่ข้างนอกนานแล้ว
แถมเสียงในห้องหรูหราก็เงียบหายไปแล้วด้วย
เว่ยหมิงจวินยิ้ม“น่าจะเสร็จแล้วล่ะ สามีของเธอไม่ไหวแล้วแน่ๆ”
“ไม่มีทาง คุณอย่ามาพูดอะไรมั่วซั่วนะ!”
หลินชิงเสว่ใบหน้าโมโห แต่สีหน้ากลับซีดขาว
“พูดมั่วหรือไม่มั่ว เข้าไปดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง?”
เว่ยหมิงจวินยิ้มเยาะเย้ย ราวกับว่าเห็นภาพที่ถังเฉานอนกองอยู่ที่พื้นด้วยบาดแผลเต็มตัว
คิดจะไปสู้กับสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกร รนหาที่ตายให้ตัวเองชัดๆ
หลินฉ่ายเวยกับหลินเจิ้นสงก็มองหลินชิงเสว่ด้วยความกระวนกระวายใจเช่นกัน“เสี่ยวเฉาจะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม?”
“ไม่มีทางหรอก ฉันไม่เชื่อ……”
หลินชิงเสว่อุ้มถังเสี่ยวลี้พุ่งเข้าไปทันที
ปัง!
พอประตูเปิด เถี่ยนิ้วก็ยืนอยู่ตรงประตูราวกับเทพเฝ้าประตู มองเธออย่างดุร้าย
“ว้าย!”
หลินชิงเสว่ตกใจ เซล้มลงไปกับพื้น
พอเห็นเถี่ยนิ้วขวางอยู่ตรงประตู พวกเว่ยหมิงจวินก็หยุดฝีเท้าลง สายตาที่ดูน่าเกรงขามนี้
จิตสังหารที่ใบหน้าของเถี่ยนิ้ว ทำให้ทุกคนตกใจกลัว
หลินฉ่ายเวยพยุงหลินชิงเสว่ขึ้นมา ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล“พี่หลิน ถังเฉาจะไม่ถูกเล่นงานจริงๆใช่ไหม?”
“ฮ่าๆๆ……”
เว่ยหมิงจวินหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้“ขยะแบบนั้น ต่อให้มีศิลปะการต่อสู้เล็กๆน้อยๆบ้างก็เถอะ แต่จะไปเทียบกับสมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรได้ยังไง? ถูกซัดจนน่วมแน่นอน!”
ในตอนนี้เว่ยหมิงจวินไม่เสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปแล้ว พ่นคำพูดเยาะเย้ยออกมาตรงๆ
สีหน้าท่าทีของเถี่ยนิ้ว บ่งบอกทุกอย่างแล้ว
บรรดาผู้คนถอยออก เถี่ยนิ้วพาพรรคพวกจากไป
“ถังเฉา นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าทำเองก็ต้องรับเอง? ฮ่าๆๆ……”
เว่ยหมิงจวินผลักประตูเข้าไปทันที
แต่สิ่งที่เห็น กลับเป็นถังเฉาที่สภาพอยู่ดีไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาดื่มเหล้าอย่างสงบนิ่ง ใบหน้ายิ้มอย่างขี้เล่น มองเว่ยหมิงจวิน
เสียงหัวเราะของเว่ยมิงจวินหยุดลงทันที สีหน้าที่จ้องมองถังเฉาราวกับเห็นผี
“นาย นาย ทำไมนายถึงไม่เป็นอะไรเลย? พวกเขามาสั่งสอนนายไม่ใช่หรือไง?”
ถังเฉาพยักหน้าอย่างนิ่งๆ“ก็สั่งสอนไปชุดหนึ่งแล้ว แต่แค่ มันตรงกันข้ามกับที่คุณคิดก็เท่านั้น”
เว่ยหมิงจวินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“หมายความว่ายังไง?”
ถังเฉาก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไร ให้เว่ยหมิงจวินคิดเอาเอง
เว่ยหมิงจวินคิดอย่างจริงๆจังๆ ตรงกันข้ามกับที่ตัวเองคิด หรือว่าคนที่ถูกสั่งสอน จะเป็นเถี่ยนิ้วอย่างนั้นเหรอ?
“อย่ามาเสแสร้งดีกว่า”
เว่ยหมิงจวินพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“นายจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ยังไง ฉันว่านายอ่อนแอเกินไปมากกว่ามั้ง พวกเขาก็เลยไม่มีแม้แต่ความสนใจที่จะลงมือกับนายด้วยซ้ำ”
พวกเขาสามารถยอมรับเหตุผลนี้ได้
พวกเขาเป็นใคร?
สมาชิกสำรองของกองทัพปราณมังกรเชียวนะ!
จะให้มองพวกเขาแบบคนธรรมดาทั่วไปได้ยังไง?
แน่นอนว่าปล่อยถังเฉามาแล้วไม่ว่าจะพูดยังไง การที่ถังเฉาไม่เป็นอะไร หลินชิงเสว่ก็ดีใจที่สุดแล้ว
เธอมาอยู่ตรงหน้าของถังเฉา พูดกับเขาอย่างจริงจัง“ต่อไปอย่าพูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ คุณแต่งงานแล้ว เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ฉันมาสอนอีกเหรอ?”
หลินชิงเสว่น้ำเสียงขุ่นเคือง ถังเฉารู้ว่าเธอเป็นห่วงตนเอง ก็ไม่ได้พูดอธิบายไป แต่พยักหน้ายิ้มๆ“ครับ”
เพราะว่าระหว่างถังเฉากับหลินรั่วหวีมีศึกต่อสู้ชี้ความเป็นความตาย ทำให้อาหารมื้อค่ำก็จบไปทั้งค้างคาแบบนี้
พวกเขาทยอยกันออกจากวาเลียนท์ วิลล่า
หลังจากที่รถของพวกเขาขับออกจากวิลล่า บนถนนก็มีรถเบนซ์สีดำจอดอยู่หนึ่งคัน
ในรถนอกจากคนขับแล้ว ยังมีคนอีกสองคนนั่งอยู่ด้วย
ทั้งสองคนสวมเสื้อคลุมสีดำ มองเห็นหน้าไม่ชัด
ตั้งแต่เช้า พวกเขาคอยตามจับตาดูทุกสิ่งทุกอย่างในนี้อย่างใกล้ชิด
“กลับกันเถอะ ดูต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ผู้ชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาหนึ่งประโยคอย่างนิ่งๆ
“ไปไหนครับ?”
คนขับรถพูดถามขึ้น
ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังครุ่นคิด ก่อนจะบอกตำแหน่ง“โรงแรมเทียนกง”
คนขับรถเหยียบคันเร่งทันที ขับมุ่งตรงไปยังโรงแรมเทียนกง
ชายคนนั้นเอนหัวไปที่เก้าอี้ที่นั่งข้างคนขับ สีหน้าโศกเศร้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังยิ้มนิ่งๆ“มองดูคนในครอบครัวของคุณรับประทานอาหารกันจากไกลๆ อารมณ์ความรู้สึกของคุณเป็นยังไงบ้าง”
“หลินโป๋หลาย?”
“……”
ชายเสื้อคลุมสีดำที่นั่งข้างคนขับถอดเสื้อคลุมออก คือหลินโป๋หลายที่หายสาบสูญไปนานนั่นเอง
“บางทีพวกเขาอาจจะล้มเลิกที่จะตามหาผมแล้วก็ได้?”
หลินโป๋หลายยิ้มนิ่งๆ มองวิวทิวทัศน์สองข้างทาง พูดพึมพำ
ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังรูปร่างสูงใหญ่กว่าหลินโป๋หลาย ดูมีพลังแข็งแกร่งกว่าด้วย
แถม เสียงของเขาก็แหบแห้ง เหมือนกับเสียงที่อัดจากเทปสมัยก่อน
“พวกเขาไม่ได้ล้มเลิกในการตามหาคุณ แต่ตอนนี้มันมีการจัดประชุมแดนเหนือ คุณมีค่าน้อยกว่าการประชุมแดนเหนือนั่นเอง”
“เข้าใจไหม ว่าโลกใบนี้มันก็คือตาชั่งหนึ่งอัน คุณค่าในการใช้ชีวิตของแต่ละคนต้องเพิ่มมากขึ้น คนที่ไม่มีค่าก็ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
เสียงของผู้ชายดูโศกเศร้าไม่น้อย แต่ที่มากกว่าก็คือน้ำเสียงขุ่นเคืองคับแค้นใจ
ในตาของหลินโป๋หลายแฝงไปด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่นานก็กลับมานิ่งสงบ
“คุณหมายความว่า ผมอยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม?”
ผู้ชายยิ้มนิ่งๆ“ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ตัวเองต้องเป็นคนค้นหาเอาเอง แม้แต่ผม ก็กำลังตามหาว่าความหมายในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองคืออะไรเหมือนกัน”
หลินโป๋หลายมองชายสวมชุดคลุมที่เหมือนกับค้างคาวด้วยความตกใจ
เขาเป็นคนที่ช่วยตนเองให้รอดพ้นจากเฟิ่งหวง
ช่วงที่ผ่านมาอยู่กับเขาตลอด แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรตนเองเลย ดูท่าคงจะไม่ได้จะคิดจะฆ่าตนเองหรอก
“พวกคุณไม่ฆ่าผม แล้วก็ไม่ปล่อยผมไปเหมือนกัน คิดอะไรอยู่กันแน่?”
หลินโป๋หลายมองผู้ชายพร้อมกับถามอย่างระแวง
ผู้ชายยิ้มนิ่งๆ“พอถึงโรงแรมเทียนกง คุณก็จะรู้เอง”
รถแล่นด้วยแบตเตอร์รี่ ไม่นานก็มาถึงยังโรงแรมเทียนกง
ผู้ชายคนนั้นพูดกับหลินโป๋หลาย“คุณขึ้นไปข้างบนก่อน เพ้นท์เฮ้าส์2801”
“แล้วคุณล่ะ?”
หลินโป๋หลายถาม
สวมเสื้อคลุมสีดำอยู่ด้วย แน่นอนว่าไม่สามารถเดินเชิดหน้าเชิดตาบนถนนได้อยู่แล้ว
หลินโป๋หลายขึ้นลิฟต์ของเพ้นท์เฮ้าส์ไปทันที กดกระดิ่งประตูห้องหมายเลข2801
ติ๊งต่อง!
ไม่นาน ประตูก็เปิดออก มีผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าสีม่วงยืนอยู่ข้างใน
“สวัสดี……”
หลินโป๋หลายกำลังจะพูดทักทาย พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเจนแล้ว เสียงพูดของเขาก็หยุดชะงักลง สีหน้าเหลือเชื่อ
“หรูอี้ คุณเองเหรอ?”
“หลินโป๋หลาย?”
เย่หรูอี้ก็สีหน้าตกใจเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าคนที่จะมาเจรจาต่อรองจะเป็นหลินโป๋หลาย
“หรูอี้ เป็นคุณจริงๆด้วย ช่วงหลายวันมานี้ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา……”
หลินโป๋หลายสีหน้าตื่นเต้น พูดพลางจะเดินเข้าไป
แต่เดิมหลินโป๋หลายชอบเย่หรูอี้ น่าเสียดายที่เย่หรูอี้หมั้นกับถังหลินแห่งตระกูลหลินแล้ว หลินโป๋หลายก็ทำได้แค่ยอมแพ้ไป
วันเวลาที่แสนมืดมนที่ถูกชายค้างคาวจับตัวไป ในใจของเขาเอาแต่คิดถึงเย่หรูอี้
ตอนนี้ได้มาเจอเย่หรูอี้ตัวเป็นๆ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง?
“คุณหยุดนะ!”
เย่หรูอี้ตะโกนขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันกลับไปถาม“คนที่คุณพูดถึง คือเขาเหรอ?”
หลินโป๋หลายก็ชำเลืองมองเข้าไปข้างในเหมือนกัน เห็นชายค้างคาวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าเขาขึ้นมาได้ยังไง
ชายค้างคาวพยักหน้าอย่างนิ่งๆ แทบจะดูไม่ออกเลยว่ามีสีหน้าอารมณ์อะไรอยู่
เย่หรูอี้สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ คุณเข้ามาสิ”
หลินโป๋หลายนั่งลงตรงหน้าของเย่หรูอี้ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ชายค้างคาวยิ้มให้กับเย่หรูอี้“ผมรู้ ว่าคุณจะต้องสัญญากับผม เพราะว่าคุณปฏิเสธผมไม่ได้”
เย่หรูอี้ในตาเยือกเย็น“หยุดพูดไร้สาระสักที เรื่องที่คุณให้ฉันทำเสร็จสิ้นไปหมดแล้ว สิ่งที่คุณสัญญากับฉันไว้ ก็จะมาคืนคำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
เย่หรูอี้น้ำเสียงตื่นตัวมาก
ชายค้างคาวยิ้มขึ้นมาทันที“เรียกเธอเข้ามาก่อนสิ”
เย่หรูอี้ตบมือ“ออกมาได้แล้ว”
ห้องข้างในเปิดออก ผู้หญิงที่เย็นชาไร้อารมณ์สวมเสื้อหนังสีดำ กางเกงหนังสีดำเดินออกมา
เฟิ่งหวงนั่นเอง!