ภายในรถซูเปอร์คาร์สีแดงนั้นมีชายหนุ่มแว่นดำที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกนั่งอยู่ กระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตนั้นยังไม่ได้ติด พอมองลอดเข้าไปก็สามารถมองเห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างสม่ำเสมอ
เห็นได้ชัดว่านี่คือเพลย์บอยที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก
แต่ข้อด้วยที่ถึงแก่ชีวิตของเจียงเฉาคนนี้ก็คือ เขานั้นชื่นชอบในรถหรู แต่ว่าฝีมือการขับรถของเขานั้นไม่ดีเอาซะเลย
โดยเพฉาะเรื่องการจอดรถ ไม่ต้องพูดถึงที่จอดแคบๆ หรอก ต่อให้เป็นที่จอดทั่วไป เขายังต้องใช้เวลาจอดเป็นครึ่งวันเลย
ตอนนี้พอเห็นที่จอดเพียงหนึ่งเดียวถูกแย่งไปแล้ว แถมยังใช้ฝีมือการถอยรถที่ช่ำชองจอดเข้าไปในทีเดียวต่อหน้าเขาอีก เจียงเฉาก็ถอดแว่นดำออก จ้องมองจนตากลมไปแล้ว
พอตั้งสติได้ เขาก็โมโหขึ้นมาทันที
ไอ้รถแท็กซี่เส็งเคร็งนั่น ไม่เพียงแย่ที่จอดเขาไป แถมยังจอดเข้าไปในทีเดียวด้วย
นี่มันเท่ากับตบหน้าเขาเลยไม่ใช่รึไง?
เจียงเฉาลงจากรถด้วยความโกรธเกรี้ยว “นี่ ตาแก่ นี่รถของแกใช่มั้ย?”
ในตอนนี้ หลังจากที่กล่าวขอบคุณกับคนขับแล้ว ถังเฉาก็กำลังจะพาหลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่ลงจากรถ
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง จึงได้หันหลังไปอย่างอัตโนมัติ
แล้วเห็นเจียงเฉากำลังเดินเข้ามาด้วยความโมโห แล้วถีบใส่กระโปรงหลังของรถแท็กซี่ไปทีหนึ่ง
“แม่ง เป็นแค่รถเส็งเคร็งยังกล้ามาจอดอีก รู้รึเปล่าว่าที่นี่มันคือที่ไหน?”
“นี่มันลานใหญ่ของตระกูลหลงแห่งตระกูลหลวงนะ วันนี้เป็นพิธีบรรลุนิติภาวะของหลงเจียเจียเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงเลยนะ รถแท็กซี่เก่าๆ ของแกมันมาจอดที่นี่ได้ด้วยเหรอ นี่ๆ มันทุบรถคันนี้ให้เละเลย!”
เจียงเฉาตะโกนออกมาด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด ไม่นาน ชายฉกรรจ์เคร่งขรึมในชุดดำหลายคนที่อยู่ไม่ไกลก็ได้เดินเข้ามา
พวกเขาต่างก็เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเจียง มาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่เจียงเฉานั้นค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครมาช่วยจอด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทำได้แค่รออยู่ข้างๆ เท่านั้น
ทันใดนั้น คนขับแท็กซี่ก็ได้ลงจากรถด้วยความแตกตื่น
พอได้ยินว่าจะทุบรถเขาให้เละ เขาก็ตกใจจนหน้าซีดเลย
“คะ……คุณชายเจียง ขอโทษครับ ผมแค่มาส่งผู้โดยสารแค่แปบเดียวเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งที่จอดของคุณเลยนะครับ”
“ที่สำคัญ ที่สำคัญ ผมเห็นว่าคุณได้ขับรถออกไปแล้ว นึกว่าคุณจะไปหาที่จอดตรงอื่น……”
คนขับอธิบายด้วยสีหน้าที่ละอายใจ เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ก็ได้ผุดออกมาบนหน้าผากจนเต็มไปหมดแล้ว
เขานั้นเป็นแค่คนที่หาเช้ากินค่ำที่อาศัยอยู่ในเยี่ยนจิงเท่านั้น การที่มามีเรื่องกับคุณชายของตระกูลหลวงแบบนี้ มันก็ไม่มีทางที่จะรอดไปได้แน่นอน
และสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของถังเฉาเข้า สายตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“แกเอาตาข้างไหนดูดห๊ะ ว่าฉันจะขับรถออกไปแล้ว? ถอยจอดไม่ได้มันก็ต้องขับออกไปอีกรอบ แล้วขับเข้ามาใหม่ไม่ใช่รึไง? แกมันก็นะ พอฉันขับออกไป ก็เสียบเข้ามาทันทีเลย!”
เจียงเฉาสีหน้าโกรธเกรี้ยว มั่นใจว่าคนขับคนนี้ได้ดูถูกเขา แถมยังมาโชว์สกิลขับรถต่อหน้าเขาด้วย
“คุณชายเจียงครับ……”
คนขับแท็กซี่สีหน้าค่อนข้างแย่ และพูดอ้อนวอนไม่ยอมหยุด
“นี่แกรู้จักฉันด้วยเหรอ? รู้จักฉันแล้วยังกล้าแย่งที่จอดรถของฉันอีก คงอยู่มานานเกิดไปแล้วสินะ!”
เจียงเฉาเลิกคิ้วขึ้น และโมโหยิ่งกว่าเดิม “ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก รถคันนี้มันขัดหูขัดตาฉัน มันจึงต้องถูกทำลาย!”
“ครับ คุณชาย!”
บอดี้การ์ดทุกคนของตระกูลเจียงหยิบประแจออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปยังรถแท็กซี่ทันที
คนขับรถแท็กซี่คนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบเข้าไปขวางไว้
“อย่านะครับ……”
“รถคันนี้ไม่ใช่ของผม มันเป็นรถของบริษัท ถ้ามันโดนทุบผมก็ต้องรับผิดชอบ ผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปรับผิดชอบหรอกครับ?”
คนขับแท็กซี่ร้อนใจจนเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าฝากไปหมดแล้ว แม้แต่ภาษาพื้นเมืองก็พูดออกมาแล้ว
พอเจียงเฉาฟังจบ สีหน้าก็ดูเหยียดหยามมากยิ่งกว่าเก่า “ที่แท้ก็คนบ้านนอกนี่เอง การที่คนบ้านนอกคนหนึ่งเข้าสู้ชีวิตในเยี่ยนจิงคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่มั้ย?”
“ค่าเช่าบ้านค่าข้าวของเครื่องใช้ในเยี่ยนจิงมันสูงมาก กับรายได้แค่นั้นของพวกแก มันจะไปพอจ่ายได้ยังไง?”
“แต่ว่าคนจนก็คงมีแนวคิดในแบบของคนจนละนะ ในสถานที่แบบนี้ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตของแกคงไม่มีปัญญาได้เข้าไปเหยียบหรอก พวกแกกับที่นี่มันห่างชั้นกันเกินไป! ถ้าเข้าไปข้างในก็มีแต่จะทำให้ที่นี่หม่นหมอง เข้าใจมั้ย?”
เจียงเฉาชี้หน้าด่าทอคนขับเป็นการใหญ่
ส่วนคนขับนั้นไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว ในใจก็เกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่น่าส่งพวกถังเฉาไปในคฤหาสน์เลย
เขาแค่จอดรถตามกฎระเบียบของลานจอด ก็จะถูกทุบรถแล้วเหรอ?
คนขับแท็กซี่ดวงตาแดงก่ำ จนน้ำตาเริ่มไหลออกมาแล้ว
เขาไม่กล้าโมโห และไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคุณชายของตระกูลหลวงแห่งเยี่ยนตู
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แววตาของหลินชิงเสว่ก็แสดงความโกรธออกมา
ก่อนที่เธอจะได้พูดตำหนิไป ถังเฉาก็ได้ส่ายหน้าก่อน “คุณกับไป๋เสว่เข้าไปในตระกูลหลงแห่งตระกูลหลวงก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมจัดการที่นี่เอง”
หลินชิงเสว่หันมองเจียงเฉาด้วยสายตาที่หงุดหงิดไปทีหนึ่ง “วันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูลหลง คุณอย่าทำให้มันหนักเกินไปนะคะ”
หลินชิงเสว่ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจียงเฉาจะทำอะไรกับถังเฉา แต่เธอกลับกังวลว่าถังเฉานั้นจะไปทำอะไรเจียงเฉาเข้าต่างหาก
ถังเฉายิ้มๆ “คุณไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าควรทำยังไง”
หลังจากที่รับปากอย่างแน่วแน่แล้ว หลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่ถึงไปออกจากลานจอดรถไป
ตอนนี้จึงเหลือแค่ถังเฉาคนเดียว แววตาของเขาจึงได้เคร่งขรึมลงไป
บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปเหมือนคนขับแท็กซี่คนนี้ จึงเกลียดพวกคนร่ำคนรวยที่ชอบรักแกคนธรรมดาที่ไม่มีทางสู้เป็นที่สุด
“ก็แค่แย่งที่จอดรถขอคุณเท่านั้น แล้วคุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
“อีกอย่าง คุณต่างหากที่จอดรถไม่เป็น จนไม่สามารถจอดเข้าไปในช่องนี้ได้ แล้วจะให้ไปโทษใครได้?”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้น ถังเฉาคว้าข้อมือของบอดี้การ์ดคนหนึ่งดังขวับ
แคร็ง!
ประแจในมือเขาหล่นลงไปจนเกิดเสียงดัง กระแทกเข้าไปที่เท้าของเขา เจ็บจนเขาต้องร้องออกมา
ลานจอดรถตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เจียงเฉานั้นจ้องจนดวงตากลมโต
“นะ นี่แกพูดถึงฉันยังไงนะ?” เขาสงสัยว่าตัวเองนั้นฟังผิดไปรึเปล่า
เทคนิคการจอดรถของตัวเองนั้นไม่ดีจริงๆ แต่ก็ไม่เคยมีใครมาพูดตรงๆ ต่อหน้าเขามาก่อนเลย!
ถังเฉาจึงพูดทวนไปอีกรอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ผมบอกว่าคุณมันจอดไม่เป็น ต่อให้ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมง คุณก็ไม่มีทางจอดได้เด็ดขาด!”
“แม่งเอ๊ย!”
“นี่ไอ้หนู แกตายแน่! ที่กล้ามาดูถูกคุณชายเจียงแบบนี้!”
“แถมแกยังกล้าใช้กำลังด้วย?”
พอถังเฉาพูดจบ บอดี้การ์ดของเจียงเฉาก็ถึงกับช็อก แล้วพากันด่าทอออกมา
ส่วนเจียงเฉานั้น ก็โกรธจนหน้าเขียวไปแล้ว
ยังไม่เคยมีใครบอกว่าเขาจอดรถได้แย่ นี่มันเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ
คนขับแท็กซี่ก็ตกใจจนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม เขารีบถึงถังเฉาแล้วพูดไปว่า “นี่น้องชาย นายอย่าไปยุคุณชายเจียงให้โกรธมากกว่านี้เลยนะ เราสู้เขาไม่ได้หรอก”
เจียงเฉาตอนนี้ก็ดึงสติกลับมาได้แล้ว และกำลังจ้องเขม็งมาที่ถังเฉา “นี่ไอ้หนู วันนี้แกอย่าได้หวังที่จะได้เดินออกไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เลย!”
ต่อให้ที่นี่จะเป็นอาณาจักรของตระกูลหลง เขาก็จะทำให้ถังเฉาได้ชดใช้ด้วยเลือด
ถังเฉายังคงไม่สนใจ มองไปที่คนขับรถ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณลุงครับ คุณรีบไปตอนนี้เลย รถคันนี้ จะไม่ถูกทำลายแล้วครับ”
“ใช่ใช่ใช่ แต่ว่านาย……”
คนขับแท็กซี่จ้องมองถังเฉาด้วยความสงสัยอีกครั้ง พร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวล
ถังเฉายิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงผม อย่าว่าแต่คุณชายที่ต่ำต้อยของตระกูลเจียงอย่างเขาเลย ต่อให้บุคคลสำคัญของตระกูลเจียงมาเอง ยังทำอะไรผมไม่ได้เลยครับ”
ซู่!
พอคำพูดนี้ถูกพูดออกมา เจียงเฉาก็เดือดดาลขึ้นมาทันที
“ไอ้หนู กล้ามาดูถูกตระกูลเจียงของฉัน แกมันรนหาที่ตายแล้ว!”
ส่วนคนขับแท็กซี่นั้น ก็ช็อกไปเลย ได้แต่จ้องมองถังเฉาด้วยความอึ้ง
ถังเฉาในตอนนี้ การแต่งตัวนั้นค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งมากๆ
แค่พลังอำนาจที่ถูกส่งออกมานั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจียงเฉาจะสามารถก้าวผ่านได้แล้ว
หรือว่า ตัวเองจะได้ให้บริการคนใหญ่คนโตเข้าแล้ว?
เห็นแค่ถังเฉายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณลุงครับ คุณเป็นคนที่จิตใจดี ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการให้เราเดินน้อยลง คุณก็ไม่ต้องมาผิดใจกับใคร แค่เหตุผลนี้ ผมก็ไม่ยอมมองดูคุณถูกคนอื่นรักแกอยู่เฉยๆ แล้วครับ”
หลังหายจากความอึ้ง คนขับแท็กซี่ก็ทำหน้าซาบซึ้ง
“ขอบคุณครับ งั้น ผมไปก่อนนะครับ!”
คนขับแท็กซี่นั้นรู้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นแค่คนธรรมดา ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปก็มีแต่จะสร้างปัญหา หลังจากที่กล่าวขอบคุณแล้วก็รีบขับรถชิ่งไปทันที
“แม่งเอ๊ย หยุดนะ!”
เจียงเฉานั้นตะโกนด่าทอออกมาคำหนึ่ง แต่ก็ทำได้แค่มองดูรถแท็กซี่ที่ขับไปไกลแล้วเท่านั้น
หันหน้ากลับมา สายตาที่เจียงเฉาจ้องมองถังเฉานั้นมีแต่ความโหดเหี้ยม
“ไอ้หนู ในเมื่อแกอยากเป็นคนรับเคราะห์แทน งั้นก็ดี ถ้าวันนี้แกไม่ถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างสาหัส คำว่าเจียงของฉันก็ต้องเขียนกลับหัวแล้ว!”
ถังเฉาส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา “หรือผมผู้ผิดไปรึไง ถ้าคุณสามารถจอดรถเข้าไปได้ ผมก็จะยอมขอโทษคุณ เป็นไง?”
“……”
เจียงเฉานั้นรู้สึกใจหายทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าถังเฉานั้นกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
ที่จอดรถที่แคบขนาดนี้ ต่อให้ใช้เวลาทั้งวัน เขาก็ไม่มีทาจอดได้แน่นอน!
ถังเฉายิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ในเมื่อไม่มีฝีมือในการจอดรถ ก็ไม่ต้องขับรถหรูแบบนี้ หัดเดินเท้าบ้าง จะได้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย แบบนี้มันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“กูจะขับรถอะไร แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย?”
เจียงเฉานั้นโกรธจนจมูกเบี้ยวแล้ว แต่ต่อจากนั้น เขาก็ใจเย็นลง หรี่ตาพิจารณาถึงเฉา แล้วถามไปว่า “นี่ไอ้หนู แกชื่ออะไร? ฉันจำได้ว่า ตอนที่ลงมาจากรถยังมีผู้หญิงอยู่อีกสองคน แล้วพวกเธอไปไหนแล้ว?”
เมื่อกี้ความสนใจของเจียงเฉานั้นมุ่งไปที่คนขับแท็กซี่หมดแล้ว จึงไม่เห็นสองสาวอย่างหลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่
“พวกเธอ……”
ถังเฉากำลังจะตอบ เจียงเฉาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาก็ดูเหยียดหยามทันที
“ฉันเข้าใจแล้ว ไอ้หนู แกคงคาร์พูลมากับสาวน้อยสองคนเมื่อกี้ใช่มั้ย? แกเองก็มาร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงเหมือนกันสินะ?”
คาร์พูลเหรอ?
ถังเฉาอึ้งไปแปบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความจนใจ
“ประมาณนั้นมั้ง”
เจียงเฉาก็เข้าสู่โหมดเคร่งขรึมทันที
ที่นี่คือตระกูลหลง คนที่สามารถมาร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงได้นั้น ถ้าไม่ใช่เศรษฐีก็ต้องเป็นคนระดับสูง การไปมีเรื่องกับคนพวกนี้ มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเท่าไหร่นัก
ถังเฉาก็มองเจียงเฉาด้วยความตกใจเหมือนกัน เมื่อกี้ยังโกรธจะเป็นจะตายอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าในวินาทีต่อมาก็สามารถทำให้ความเดือดดาลในใจนั้นสงบลงได้ เห็นได้ชัดว่าไตร่ตรองถึงผลของสิ่งที่จะได้รับกับเสียไปแล้ว
จากจุดนี้ก็สามารถเห็นได้ว่า ขอแค่เป็นสมาชิกของตระกูลหลวงแห่งเยี่ยนตู ไม่ว่าตำแหน่งที่อยู่ในตระกูลนั้นจะสูงต่ำแค่ไหน ก็จะมีมุมมองในระดับหนึ่ง
เจียงเฉาส่งสัญญาณมือ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังก็หยุดเท้าทันที แต่ก็ยังจ้องมองถังเฉาปานจะกลืนกินอยู่ดี
ถังเฉาได้หรี่ตาลง รอการตอบสนองของเจียงเฉา
เห็นเขาเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับถังเฉาอย่างกะทันหันว่า “ในเมื่อแกมาร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลง แกก็ต้องมีบัตรเชิญแน่นอน งั้นเอามันออกมาให้ฉันดูหน่อย”
แววตาของถังเฉาค่อยๆ เย็นชาลง
เขากับหลินชิงเสว่และเจียงไป๋เสว่นั้นต้องการมาพบท่านเจ้ามังกรอยู่แล้ว และบังเอิญมาตรงกับงานพิธีบรรลุนิติภาวะครบอายุสิบแปดของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงพอดี จึงไม่มีบัตรเชิญอะไรนั่นเลย
พอเห็นถังเฉาไม่พูดอะไร เจียงเฉาก็มั่นใจแล้วว่าถังเฉานั้นไม่มีบัตรเชิญ แล้วมุมปากของเขาก็แย้มขึ้นด้วยความไม่ชอบใจทันที
ไม่มีบัตรเชิญ แต่ยังกล้ามาที่ตระกูลหลงอีก นี่มันใจกล้าเกินไปแล้ว
เจียงเฉาตั้งใจจะยืมมือของตระกูลหลง สั่งสอนถังเฉาซะให้เข็ด
ถังเฉานั้นรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาแล้วจริงๆ
แต่เขาไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง แต่เขากำลังเป็นห่วงหลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่ต่างหาก
พวกเธอไม่มีบัตรเชิญ ถ้าถูกจับได้ละก็……
กริ้งกริ้งกริ้ง!
ในตอนนั้นเอง เสียงเตือนภัยในคฤหาสน์ของตระกูลหลงก็ได้ดังขึ้น
ทั่วทั้งคฤหาสน์กำลังมีการประกาศถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ประกาศ ประกาศ ตอนนี้มีผู้บุกรุกสองคนต้องการเข้าไปอย่างพลการ……”