“ถังเฉา…”
เสียงของหลินชิงเสว่แหลมสูงขึ้นถึงขีดสุด สะท้อนก้องอยู่ในสถานีตำรวจอยู่นานไม่จางหายไปราวกับโดนคว้านเอาหัวใจออกไป
ทุกคนที่ยังคงอยู่ในสถานีตำรวจได้ยินเสียงร้องตะโกน ในใจก็จมดิ่งลงทันใด รีบพุ่งเข้าไป
“ทำไมหรือ! เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ทว่าชั่วพริบตาที่มองเห็นถังเฉาที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งอยู่ในห้องคุมขังแล้ว สมองของทุกคนก็เดือดพล่าน
โลกนี้เปลี่ยนเป็นเงียบสงบในนาทีนี้
เวลาหยุดเดิน
ดวงตาของทุกคนล้วนแต่มองไปที่เงาร่างที่อยู่ในห้องคุมขังตาไม่กะพริบ ความสั่นสะเทือนด้วยความไม่อยากจะเชื่อในดวงตาเพิ่มขึ้น
“นี่… นี่…”
พวกของหูอีซานพุ่งเข้าไปดู สายตาเปลี่ยนเป็นไร้จิตวิญญาณ
ถังเฉานั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในห้องคุมขัง ร่างกาย… ร่างกายจับตัวแข็งเป็นน้ำค้างแข็งบาง ๆ
ในห้องยังคงมีลมหนาวพัดอยู่ อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง
บึ้ม!
จิตใจของทุกคนระเบิดโทสะขึ้นมาดังสะเทือนเลื่อนลั่น ในสมองมีความคิดเดียวก็คือ ‘เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!’
“ถังเฉา!”
เจียงไป๋เสว่ตอบสนองเป็นคนแรก กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาหนึ่งครั้ง พุ่งเข้าไปข้างในทันที
วิ่งถี่ ๆ เท้าของเธอย่ำหนัก ๆ อยู่บนพื้น ทั้งร่างกระโดดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็ถีบเข้าไปที่ห้องกระจกอย่างโหดเหี้ยม
เพล้ง!
ทันใดนั้นกระจกทั้งบานก็ถูกถีบจนกลายเป็นเศษละเอียด
กริ๊ก ๆ ๆ!
ห้องที่เกาะตัวเป็นน้ำแข็งอยู่เต็มแตกเป็นรูใหญ่ ๆ รูหนึ่งในทันที ทันใดนั้นอากาศหนาวด้านในก็พรั่งพรูออกมา
ทันใดนั้นทุกคนก็ล้วนรู้สึกหนาวไปทั้งกายและใจเหมือนกับถูกแช่แข็งไปทั้งตัว สั่นสะท้าน
แม้ว่าจะเป็นเจียงไป๋เสว่เอง ร่างกายก็สั่นสะท้าน ไอหนาวที่ทรงพลังพัดจนเธอเดินได้อย่างยากลำบาก
หลินชิงเสว่กับลั่วเย่นหัวเองก็ยิ่งยากที่จะเข้าใกล้ที่นั่นได้
“ยังไม่รีบหยุดอีก!”
เจียงไป๋เสว่หันกลับไปตวาดด้วยความเดือดดาลครั้งหนึ่ง
หยางหลิงเซียวตอบโต้กลับไปได้ก่อน ตบเข้าไปบนใบหน้าของหนิงซ่านหู่อย่างโหดร้ายหนึ่งที แล้วก็เหยียบลงบนข้อมือของเขาอย่างโหดเหี้ยมอีกทีหนึ่ง
ได้ยินเพียงเสียงดังกร๊อบ ข้อมือของหนิงซ่านหู่ปรากฏความโค้งงอที่ไม่เป็นรูปร่าง
“เอามา!”
หยางหลิงเซียวแย่งรีโมทคอนโทรลอันหนึ่งมาจากในมือของเขา รีบกดปุ่มหยุดทันที
ทันใดนั้นไอหนาวในห้องคุมขังก็ไม่มีแล้ว
แต่ว่า เนื่องจากว่าด้านในปล่อยไอหนาวมานานมากแล้ว อุณหภูมิยังคงอยู่ที่ประมาณติดลบ
“ถังเฉา!”
“คุณถัง!”
ทุกคนล้วนแต่มีจิตใจกระวนกระวาย พุ่งเข้าไปย้ายถังเฉาที่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งตั้งนานแล้วออกมา
“ถังเฉา… ถังเฉา… คุณตื่นสิ คุณตื่นสิคะ…”
ด้านหลังมีเสียงผู้หญิงตะโกนเสียงแหบพร่าขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
หลินชิงเสว่ในตอนนี้อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไป ไม่มีความเยือกเย็นและความหยิ่งยโสเหมือนในตอนปกติ แต่ดวงตากลับถลึงจนลูกตาแทบหลุดออกมา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงวิ่งเข้ามาถึงตัวถังเฉาเหมือนกับหญิงบ้าคนหนึ่ง กอดเขาเอาไว้แน่น
เธอร้องไห้จนหัวใจแทบแตกสลาย ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน… แม้แต่ร่างกายของเธอก็สั่นเทิ้มอย่างหนัก
ลั่วเย่นหัวกับหลินรั่วหวีมองอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ ในสายตามีอารมณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้พุ่งขึ้นมา
ลูกสาวของพวกเขาเข้มแข็งมาก
ตอนเด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บ เลือดตกยางออกก็ไม่เคยร้องไห้ออกมาก
มีเรื่องที่สามารถทำให้เธอพังทลายอยู่น้อยมาก… มีเพียงตอนที่ลูกสาวของเธอคลอดออกมากับตอนหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้นที่ได้ร้องไห้โฮยกใหญ่
แต่ว่าตอนนี้มองเห็นถังเฉาที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง เธอกลับร้องไห้เป็นเผาเต่า
ทั้งสถานที่นั้นมีเพียงเสียงร้องไห้ของหลินชิงเสว่คนเดียว คนอื่น ๆ… ล้วนแต่พากันสูญเสียความสามารถในการพูดไปแล้ว
เธอกอดร่างกายของถังเฉาเอาไว้แน่น พยายามที่จะใช้ร่างกายของตัวเองมาละลายน้ำแข็งชั้น ๆ ที่อยู่บนร่างกายของเขา
แต่ว่าน้ำแข็งชั้นนั้นแข็งมาก แล้วอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์จะละลายได้อย่างไร?
น้ำตาของหลินชิงเสว่ไหลลงไปตามก้อนน้ำแข็ง
ใบหน้าของเขาใกล้มาก สามารถมองเห็นอวัยวะบนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน กิริยาท่าทางของเขา… ถึงขั้นที่ยังรักษาสภาพท่าทางก่อนที่จะถูกน้ำแข็งแช่แข็งเอาไว้ ไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนั้น เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่าตอนนี้ กลับถูกน้ำแข็งแช่แข็งเอาไว้ในก้อนน้ำแข็ง กลายเป็นศพที่หนาวยะเยือกศพหนึ่ง
เจียงไป๋เสว่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองน้ำแข็งบนร่างของถังเฉาอย่างแข็งทื่อ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งเฮือก บนใบหน้าเป็นรังสีสังหารเทียมฟ้า
ในตอนที่จะลงมือนั้นเอง สีหน้าของเจียงไป๋เสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที พอสำนึกได้ก็หันกลับไปมองถังเฉาครั้งหนึ่ง
ภายใต้ก้อนน้ำแข็ง ถังเฉายังคงลืมตาอยู่ ไม่ได้ทำลายน้ำแข็งออกมาเหมือนในสภาพแบบที่มีเพียงแต่ในภาพยนตร์หรือในการ์ตูน
แต่เจียงไป๋เสว่กลับเหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง รังสีสังหารบนร่างกายเปลี่ยนไปเป็นอ่อนบางในชั่วพริบตา
ในตอนที่กลิ่นอายเปลี่ยนแปลงในตอนนี้นี่เอง ทำให้หลงไป่ชวนและหลินรั่วหวีล้วนแต่เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย
จากนั้นพลังในดวงตาก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้
แต่ก็ไม่มีใครพูดกับหลินชิงเสว่อย่างแจ่มแจ้ง
บางทีอาจจะเพราะร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว หลินชิงเสว่ค่อย ๆ เงียบลง คลายจากถังเฉา ค่อย ๆ หันกลับไป ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นในชั่วพริบตา
“แกฆ่าถังเฉา”
เปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของเธอ เดินไปทางหนิงซ่านหู่ทีละก้าว ๆ
รังสีสังหารที่แข็งแกร่งนั่น คาดไม่ถึงว่าจะข่มขู่จนสีหน้าของหัวหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ใช่… ไม่ใช่นะ…”
หนิงซ่านหู่เร่งอธิบาย แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วกลับอย่างไรก็พูดไม่ออก
ทำแล้วก็คือทำแล้ว ผลลัพธ์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“แกฆ่าถังเฉา…”
เสียงของหลินชิงเสว่แหบพร่าหาใดเปรียบ กลับแฝงไว้ด้วยรังสีสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ขวับ!
ทันใดนั้นเธอก็แย่งเอาปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวของคนที่อยู่ข้าง ๆ คนหนึ่งมาด้วยความมือไวตาไว จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืน จ่อไปที่ศีรษะของหนิงซ่านหู่
บึ้ม!
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
หนิงซ่านหู่ก็ยิ่งตกใจจนวิญญาณหลุด ถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง เอ่ยขอให้ยกโทษ
“คุณหลิน… ผมผิดไปแล้ว… ขอโทษครับ ขอร้องคุณล่ะ… ปล่อยผมไปเถอะ!”
“ปล่อยแกไป?”
ใบหน้าของหลินชิงเสว่เต็มไปด้วยความคลั่ง สายตาปรากฏแววเดือดดาล “ปล่อยแกไป แล้วใครจะมาชดใช้ความไม่เป็นธรรมแทนถังเฉา!”
สีหน้าของหลินรั่วหวีและลั่วเย่นหัวเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก รีบห้ามปรามหลินชิงเสว่
“ชิงเสว่ หยุด!”
ลั่วเย่นหัวตวาดอย่างเดือดดาลว่า “ต่อให้เขามีความผิด ก็ไม่ควรให้เธอมาฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง… แม่รู้ว่าตอนนี้เธอเสียใจมาก และก็โกรธมาก แม่เองก็โกรธมาก แต่ว่า… เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“ปล่อยหนู… หนูจะฆ่ามัน…”
หลินชิงเสว่ดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่ปืนที่อยู่ในมือร่วงลงส่งเสียงขานรับ
ทันใดนั้น น้ำตาของเธอที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะหยุดไหลก็ทะลักออกมาราวกับทำนบพัง
เจียงไป๋เสว่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่งพลางเอ่ยว่า “คุณลั่วพูดถูก ไม่ควรจะให้คุณหลินฆ่าเขาด้วยมือของตัวเอง”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว หนิงซ่านหู่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย
ทว่าประโยคถัดมาของเจียงไป๋เสว่ก็ทำให้เขาตกใจจนแทบตาย
“ฉันเป็นเพื่อนร่วมรบของถังเฉา ความแค้นของเขา ฉันจะสะสางเอง”
เจียงไป๋เสว่ตวาดเสียงดัง “หยางหลิงเซียว!”
“ครับ!”
หยางหลิงเซียวคำรามเสียงดังเดินหน้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็แดงก่ำเช่นเดียวกัน เส้นเอ็นบนหน้าผากปูดโปนขึ้นมาหลายเส้น เดือดดาลจนถึงขีดสุด
ถ้าหากไม่ใช่ว่ายังไม่ถ่ายทอดคำสั่ง เขาก็คิดจะระเบิดสมองของหนิงซ่านหู่ในนัดเดียวตั้งนานแล้ว
“จับตัวเขาไปจนถึงสนามรบ สืบค้นให้หมดทุกด้าน! ถ้าหากจำเป็น…”
“ประหาร!!!”
เสียงที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารของเจียงไป๋เสว่สะท้อนทั่วทั้งห้องคุมขัง
“ครับ!”
หยางหลิงเซียวรับคำสั่ง จากนั้นก็มองไปยังหนิงซ่านหู่ มือใหญ่ ๆ โบกหนึ่งที
“พากลับไป!”
ท่ามกลางเสียงร้องอย่างน่าเวทนานี้ หนิงซ่านหู่ถูกพาตัวไปแล้ว กองทัพใหญ่เองก็สลายไปดุจกระแสน้ำ
หวางเจี๋ยยืนสั่นไปทั้งตัวอยู่ในมุม ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่หัวหน้าก็ถูกจับไปแล้ว แล้วหัวหน้าใหญ่เล็ก ๆ คนหนึ่งอย่างเขาจะไม่ยิ่งไปกว่านั้นหรือ?
สายตาของทุกคนตกอยู่บนร่างกายของเขาอย่างที่คิดเอาไว้
แรงกดดันม้วนตัวเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน หวางเจี๋ยรู้สึกเพียงวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
แต่ว่าเจียงไป๋เสว่กลับไม่ได้ลงมือกับหวางเจี๋ย เพียงแค่ไตร่ตรองอยู่นานแล้วเอ่ยว่า “บอกฉันมาว่าใครสั่งให้คุณทำแบบนี้?”
ในเมื่อถังเฉาอยากจะเล่นใหญ่ เช่นนั้นเธอก็จะต้องคว้าเอามือมืดที่อยู่เบื้องหลังออกมาอย่างแน่นอน
เรื่องทั้งหมดเธอเองก็ได้ยินมานิด ๆ หน่อย ๆ หวางเจี๋ยหัวหน้าใหญ่คนนี้เองก็เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ดังนั้นจะโทษเขาก็ไม่ได้
และหนิงซ่านหู่หัวหน้าคนสุดท้าย ก็คือคนออกคำสั่งคนสุดท้าย
แต่ว่าคดีนี้ทำให้ใครพึงพอใจ หวางเจี๋ยจะต้องรู้แน่ ๆ
พวกของลั่วเย่นหัวและหลินรั่วหวีก็หูผึ่ง ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
สำหรับพวกเขาแล้ว มือมืดที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในครั้งนี้ถึงขั้นที่สามารถจะชี้ชะตาสถานภาพของเยี่ยนจิงได้
“เป็นเย่… เย่จงซือแห่งตระกูลเย่ครับ!”
หวางเจี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
ขวับ!
ได้ยินอย่างนั้นสายตาของเจียงไป๋เสว่ก็เข้มงวดขึ้นทันที แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินชื่อเสียงของเย่จงซือมาก่อน
ต่อไปก็เล่าที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดออกมารอบหนึ่ง ในนั้นรวมถึงท่าทีของรัฐบาลของพวกเขาด้วย
ฟังมาถึงตรงนี้แล้ว เจียงไป๋เสว่ก็เดือดดาลในทันที
สีหน้าของหลงไป่ชวนเข้มครึ้ม
ดวงตาของลั่วเย่นหัวปรากฏความหนาวเหน็บ
แม้แต่หลินรั่วหวีเองก็ยังขมวดคิ้วน้อย ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด วิธีการของพวกเขาแม้แต่พ่อตาที่ต่อต้านถังเฉามาโดยตลอดคนหนึ่งก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
พอหลินชิงเสว่ได้ฟังก็โซเซ ร่างกายล้มลงไปด้านหลังตรง ๆ ทันที
“เย่หรูอี้ เย่จงซือ คนหนึ่งยินดีสู้ อีกคนหนึ่งยินดีถูกกระทำ ทั้งสองคนก่อกวนจนทั้งเยี่ยนจิงมืดฟ้ามัวดินไปหมด…”
หลินรั่วหวีทอดถอนใจออกมา จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ครั้งหนึ่ง
“ส่งคุณหนูกลับตระกูลหลิน”
ลั่วเย่นหัวกลับขัดขวางเอาไว้ “เธออยู่ในตระกูลหลินไม่มีความสุขขนาดนั้น คุณยังจะให้เธอกลับตระกูลหลินอีกหรือ?”
“…”
หลินรั่วหวียังคิดจะพูดอะไรอีก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่มืดครึ้มและดุดันของลั่วเย่นหัวแล้ว ก็หยุดไปดื้อ ๆ
“แล้วแต่คุณ ตามใจคุณเลย”
“วิญญาณกลับบ้านเกิด ‘ศพ’ของถังเฉาฉันจะพากลับไปกองทัพปราณมังกรล่ะ”
สายตาของเจียงไป๋เสว่กับหลงไป่ชวนสบกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมือ จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาสองคนทันที แบกถังเฉาขึ้นไปบนรถจี๊ปคันหนึ่งทันที
สี่ตระกูลหลวงที่ยิ่งใหญ่จากไปอย่างรวดเร็วทันที
พวกของหูอีซานที่ยังยืนอยู่ข้างนอกใบหน้าเด๋อด๋า ถึงแม้ว่าคนจะจากไปแล้ว แต่ว่าพวกเขายังมีลางสังหรณ์ล่วงหน้าว่าเมฆครึ้มที่ปกคลุมอยู่บนน่านฟ้าของเยี่ยนจิงยังคงไม่จางหายไป
กลับยิ่งเลวร้ายลงเพราะการตายของถังเฉา
ในตอนนี้เป็นเวลาตีสอง
ห่างจากตอนรุ่งสาง
ยังอีกสี่ชั่วโมง
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ถอนทัพทหาร ยิ่งดูเหมือนจะเรียกกำลังทหารมาอย่างต่อเนื่องภายในสี่ชั่วโมงนี้ เตรียมพร้อมที่จะแก้แค้นรอบถัดไป
เก้าตระกูลหลวงใหญ่ในเยี่ยนตูต่างฝ่ายต่างรักษาสมดุลมานานครึ่งศตวรรษ และการตายของถังเฉาก็ทำลายสมดุลนี้ในที่สุด
มีคนแก้แค้น มีคนวางเฉย และก็มีคน… ที่ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก!
“ข่าวล่าสุด ถังเฉาตายแล้ว”
คฤหาสน์ในบางแห่งในเยี่ยนจิง ถังหลินโทรศัพท์หาเย่จงซืออย่างตื่นเต้น
“อย่างนั้นหรือ”
เย่จงซือได้ฟังข่าวนี้แล้วก็ไม่เพียงแต่ไม่ได้ดีอกดีใจ กลับกันสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
วางสายแล้ว เขารำพันอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ตายแล้ว… ตายแล้ว?!”
ดูเหมือนจะสำนึกได้ถึงบางอย่าง สีหน้าของเย่จงซือเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เอ่อท้นขึ้นมาในใจ