Grand Canalในเมืองซื่อจิ่ว ได้รับนามว่าเป็นแม่น้ำที่ปกป้องเมืองซื่อจิ่ว
คดเคี้ยวเป็นระยะทางหลายพันไมล์ราวกับมังกรจริงๆ ชาวบ้านเรียกมันว่า “แม่น้ำสายแม่” ที่หล่อเลี้ยงพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รอบๆแม่น้ำ มีร่างสองร่างที่วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
รองเท้าผ้าปากกลมเหมือนบินอยู่บนพื้นหญ้า และทุกครั้งที่เขย่งเท้าเบาๆ บนน้ำก็จะมีระลอกคลื่นเล็กน้อย
เย่จงซือรู้สึกเหมือนตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวในโลกบูโด
กระบวนท่านี้เขาคุ้นเคย —- เมื่อก่อนเคยดูในหนัง บินบนหญ้า
คิดไม่ถึงว่า จะมีคนนำมันออกมาใช้ในโลกจริง
เย่จงซือเองก็เป็นคนที่ฝึกฝนเรื่องการต่อสู้เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เก่งเหมือนปรมาจารย์โม่
น้ำหนักเฉลี่ยของผู้ใหญ่ปกติคือแปดสิบกิโลกรัม และผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงประมาณหกกิโลกรัม น้ำหนักรวมของสองคนนี้เกือบร้อยสี่สิบกิโลกรัม
ด้วยน้ำหนักที่มากเช่นนี้ เขาสามารถประคองตัวและบินอย่างรวดเร็วบนผิวน้ำได้ ในใจเย่จงซือรู้ดี —- อย่าคิดว่ามันง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปี จะไม่มีความแข็งแกร่งดังกล่าวแน่นอน
ปรมาจารย์โม่พาเขาวิ่งมาเกือบ 10 นาทีแล้ว เป็นเวลานานและรวดเร็วเช่นนี้ น่าจะปลอดภัยแล้วมั้ง?
เย่จงซือคิดในใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ปรมาจารย์โม่ ผมคิดว่าพอแล้ว เรามาพักกันไหม?”
เย่โม่ไม่พูดอะไร เพียงแค่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
กลางดึกเงียบสงัด ไม่มีคน แม้แต่ต้นหลิวบนฝั่งก็ยังนิ่ง
เย่โม่พยักหน้า แล้วพาเย่จงซือไปที่ฝั่งเพื่อหยุดวิ่ง
เย่โม่หอบหายใจทันทีที่เท้าแตะพื้น
เพราะว่าเขาแก่แล้ว อีกอย่างยังได้พาอีกคนไว้ด้วย พลังของร่างกายไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม เขามองไปรอบๆอย่างระมัดระวังและมั่นใจว่าถังเฉาตามไม่ทัน จากนั้นเขาก็ค่อยโล่งใจ
เมื่อคิดถึงถังเฉาอีกครั้ง เย่โม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกซู่ ความหวาดกลัวยังหลงเหลืออยู่ในใจ
ถังเฉาหักกระดูกแขนของเขาโดยตรง และมันก็ยังเจ็บอยู่
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุต่ำกว่า 30 ปีคนนี้ มีพลังมาก
แม้แต่ในราชวงศ์ต้าเซี่ย ก็หายากมาก!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอัจฉริยะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ แต่ส่วนใหญ่ถูกกำจัดและเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก
เชื่อว่าคนนี้ก็จะไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจที่บีบรัดของเย่โม่ก็ผ่อนคลายลง
หันกลับไปมองเย่จงซือ “พักที่เมืองซื่อจิ่วหนึ่งวัน เมื่อคุณท่านกลับมา วันพรุ่งนี้ก็สามารถออกเดินทางไปยังบนเขาแล้ว การเดินทางจะใช้เวลาประมาณสามวัน เตรียมพร้อมที่จะทนต่อความยากลำบาก”
“ครับ ปรมาจารย์โม่”
สายตาของเย่จงซือเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยไปเยือนภูเขาแห่งนี้เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก และเขายังคงประทับใจ
มีนกร้องและดอกไม้ที่หอม ซึ่งเป็นโลกใหม่ที่เป็นอิสระ
นอกจากนี้ ผู้คนภายในนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ประวัติของราชวงศ์ต้าเซี่ย ไม่ใช่จะไม่ได้บันทึกไว้
ผลงานชิ้นเอกของเถาหยวนหมิง”บันทึก (หมู่บ้าน) ธารดอกท้อ” บันทึกบรรพบุรุษของราชวงศ์ต้าเซี่ย
“ภูเขามีทางเข้าเล็กๆ ราวกับมีแสงสว่าง จึงจากเรือแล้วเข้าทางปาก ตอนแรกที่เข้าไปมันแคบมาก คนสามารถผ่านเข้าไปได้ หลังจากผ่านไปหลายสิบก้าว ทันใดนั้นก็โปร่งกระจ่าง”
นี่คือชาวประมงพบทางเข้าในราชวงศ์ต้าเซี่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ
แน่นอน หลังจากที่ชาวประมงออกมา เขาไม่สามารถหาทางเข้าไปในราชวงศ์ต้าเซี่ยได้อีกต่อไป
นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ราชวงศ์ต้าเซี่ยถูกแยกออกจากโลกภายนอก
ยิ่งกว่านั้น แม่ของเขาอยู่ข้างใน
เขาและแม่ของเขาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย แต่ดีกับเขามาก เย่จงซือคิดถึงเธอมาก
ขณะที่เขากำลังคิดถึงภาพที่สวยงามนี้ ใบไม้ที่อยู่รอบๆก็ส่งเสียงกรอบแกรบในทันใด
เย่โม่หันไปมองรอบๆโดยอัตโนมัติ
“เหมียว”
แมวป่าตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้ มองดูพวกเขาด้วยดวงตาสีเขียว และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“……”
เย่จงซือสะดุ้งด้วยเหงื่อเย็นเยียบ จากนั้นฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ปรมาจารย์โม่ ท่านเซนซิทีฟเกินไปหรือเปล่า? มันก็แค่แมว”
“ใช่เหรอ……”
เส้นประสาทที่ตึงเครียดของเย่โม่ไม่ผ่อนคลาย สายตาของเขายังคงมองลึก
สายตาที่มองดูแม่น้ำในเมืองซื่อจิ่วดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
เมื่อกี้เขาประหม่าเกินไปหรือเปล่า?
การโจมตีของถังเฉานั้น มีอิทธิพลต่อเขามากเกินไป ถ้ามันอันตรายกว่านี้ แขนของเขาคงหักไปหมดแล้ว
การถูกคนที่แข็งแกร่งจ้องมองมานั้น ช่างน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
หลังจากตกใจ เย่จงซือก็โล่งใจและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ปรมาจารย์โม่ ท่านลืมไปแล้วหรือ ตอนที่เราจากไป พ่อของผมได้ลงมือกับไอ้เด็กนั่นแล้ว”
“แม้ว่าไอ้หมอนั่นมีความสามารถแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพ่อผมได้หรอก!”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ในน้ำเสียงของเย่จงซือเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ ยังมีรอยยิ้มที่โล่งใจบนใบหน้าของเย่โม่ด้วย”คุณพูดถูก”
ความแข็งแกร่งของเย่จงเวิ่น อาจกล่าวได้ว่าเขาเห็นการเติบโตขึ้นมาด้วยตาของเขาเอง
เริ่มต้นจากการที่ด้อยกว่าเขาในตอนแรก เลเวลค่อยๆอัพขึ้นมาเท่ากับเขา และก็แซงหน้าเขาไปในที่สุด
เขาพาเย่จงซือ และเย่จงเวิ่นได้ขวางเขาไว้ ไม่ว่าถึงเฉาจะเก่งกาจแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตามทัน
เย่โม่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เพราะก้าวนี้ ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อทันที
รูม่านตากว้างขึ้น และบนหน้าผากของเขา มีเหงื่อออกก้อนโต
เสื้อผ้าที่อยู่ด้านหลังเปียกด้วยเหงื่อเย็น
“พวกคุณอยากหนีไปไหน?”
เสียงแผ่วเบาราวกับโซ่ที่ทำลายชีวิต ตกลงไปในหูของเย่โม่และเย่จงซือ ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว และดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นในทันที
“……”
เย่จงซือคิดว่าเขามีอาการประสาทหลอน เงยหน้าขึ้นอย่างสั่นเทา
เห็นเงาดำนั่งอยู่บนลำต้นของต้นไม้เหนือพวกเขา มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
เขาปิดลมหายใจออกจากร่างกาย ราวกับผสมกับความมืดรอบตัว หากเขาไม่ส่งเสียง ก็จะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาเลย
“อ๊าก—-”
ขณะที่ดวงตาทั้งสี่สบตากัน เย่จงซือกรีดร้องด้วยความตกใจ และเขาก็ล้มลงกับพื้น
มีแม้กระทั่งของเหลวสีเหลืองล้นระหว่างเป้า
กลัวจนฉี่ราด!
“ไป!”
เย่โม่เหมือนเผชิญกับศัตรูเก่งกาจในทันที กัดฟันแน่น จับเย่จงซือแล้วหนีไป
เมื่อมองดูพวกเขาจากไป ถังเฉามีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเขา
“หนี พวกคุณจะหนีไปไหนได้?”
ซ่า!
ทันทีที่เสียงหายไป ถังเฉาก็หายไปบนลำต้นด้วย
หู้ๆๆ!
เย่โม่พาเย่จงซือหนีไปอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหนีอย่างบ้าคลั่งในวัยชราเช่นนี้
ความกลัวที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้เขารู้สึกมีขนลุกซู่
กลัวแล้ว
กลัวจริงๆ
ก่อนหน้านี้พวกเขายังมั่นใจว่าถังเฉาจะตามไม่ทัน แต่คิดไม่ถึงว่า ในวินาทีต่อมา เขาก็ตามจนทัน
วิญญาณ!
เขาเกือบจะเหมือนกับวิญญาณ!
เย่จงซือถึงกับกลัวจนฉี่ราดโดยตรง สีหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ
ในเมื่อถังเฉาปรากฏขึ้นที่นี่ แสดงว่าพ่อของเขาพ่ายแพ้แล้ว…
เมื่อคิดเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ซีดเผือดมากขึ้นกว่าเดิม
ในสายตาของเขา พ่อของเขาเป็นผู้อยู่ยงคงกระพันเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามมาโดยตลอด และไม่เคยพ่ายแพ้
แพ้แล้วจริงหรือ?
หัวใจของเย่จงซือขนลุกซู่ เมื่อมองดูคืนที่มืดมิด เขารู้สึกถึงความตายจริงๆ
บูม!
ทันใดนั้น เย่โม่ก็ล้มลงกับพื้น ราวกับว่าเขาสูญเสียเท้าหน้าของเขา