ไม่มีใครคิดว่าฉู่หยังจะพูดตอนสถานการณ์เข้าได้เข้าเข็มแบบนี้
ผู้ที่อยู่ในบริเวณขณะนี้มีแต่ละคนมีฐานะในระดับถ้าไม่รวยมากก็สูงศักดิ์ ฉินเจียนเวยมีราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง ฉินผู่หยางก็อยู่ในระดับแกนนำในตระกูลหลวงตระกูลฉิน ฉินกวนฉียิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นไปได้อย่างสูงที่จะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลฉี หลังจากคืนนี้
และฉู่หยังนั้นหรือ?
ก็เพียงผู้ดีกำมะลอที่ไม่ได้อยู่ในสายตาคนตระกูลฉู่ จะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นปฏิปักษ์กับฉินกวนฉีได้
พูดในอีกนัยว่า เขาเอาอะไรมากล้า?
เอาอะไรที่ไหนมาเป็นพื้นฐาน?
ถ้าจะว่า ก่อนหน้านี้ที่ฉู่หยังไปตะลุยชมรมหมากรุกเป่ยโต่วนั้น นั่นเป็นเพราะฤทธิ์สุรา พาให้เลือดร้อนเดือด มาถึงตอนนี้ ฟื้นจากอาการเมาไปกว่าครึ่ง คงยังกล้าเผชิญหน้าชนกับฉินกวนฉี ยังจะว่า‘ฤทธิ์เหล้าพาไป’ ได้อีกหรือ?
“ฉู่หยัง หรือแกคิดจริง ๆ ว่าเป็นคนของตระกูลฉู่ แล้วข้าจะไม่กล้าลงมือกับแกงั้นหรือ?”
คำพูดฉินกวนฉีเฉียบเยือก สายตาจ้องเขม็งที่ฉู่หยัง แววตาเต็มไปด้วยใจมุ่งฆ่าอย่างไม่ต้องอำพราง
ภายในห้องจองพิเศษ ถูกบรรยากาศทะมึนตึงของการฆ่าอัดเต็ม ไม่แต่เพียงฉินผู่หยางกับฉินเจียนเวยที่อกสั่นขวัญผวา แม้แต่บอดี้การ์ดของฉินกวนฉี ก็ให้รู้สึกตึงเครียดกันไปทั้งตัว
แตกต่างกับพวกลูกท่านหลานคนมั่งมีที่ชอบอาศัยบารมีที่หนุนหลังวางก้ามระรานชาวบ้าน แต่ที่ฉินกวนฉีมีให้เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นั้นมีอีกส่วนหนึ่ง
เขารู้วิชาการต่อสู้!
อีกทั้งเชิงชั้นฝีมือไม่ใช่เบา
ยิ่งว่าเมื่อก่อนหน้านี้เคยทาบรัศมีสู้กับถังเฉาครั้งหนึ่ง ถึงแม้ถังเฉาไม่ได้เอาเป็นจริงเป็นจัง แต่แรงกดดันที่เกิดนั้นก็บดขยี้ความรู้สึกของนักบู๊ไปทั้งส่วนใหญ่ ฉินกวนฉีสามารถยืนหยัดต้านทานอยู่ นั้นหมายถึงพลังแท้จริงของเขาแข็งแกร่งเป็นอยู่มาก
ให้พวกเขาคิดให้ตายยังไง ก็คิดไม่ออกว่าฉู่หยังเอาอะไรมาทำให้กล้าเป็นศัตรูกับฉินกวนฉี
ภายใต้กลิ่นอายของการฆ่า ฉู่หยังก็มีจังหวะกลัวใจขึ้นมาอยู่เพียงชั่วแวบ แต่เขาไม่หดถอย ยังคงสู้หน้าตรง ๆ กับความโกรธเกรี้ยวของฉินกวนฉี
สายตาพานำความโหดดุ กวาดมองคนทั้งหมดในห้องจองพิเศษโดยรอบ สุดท้ายย้อนกลับมาจรดจ้องที่ฉินกวนฉี ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “พวกท่านคงเห็นว่าข้าฉู่หยังคนนี้เป็นเพียงคนบ้าระห่ำไม่มีสมอง พวกเศษสวะที่เป็นแต่กินเหล้าเที่ยวผู้หญิงเล่นการพนันใช่ไหม?”
“……”
เงียบไม่มีเสียงตอบ มันเป็นเรื่องที่พวกเขายอมรับกันอยู่ในใจ
เขาจัดว่าเป็นพวกลูกผู้ดี
ถ้าจะจัดเรียงลำดับสิบลูกผู้ดีในเมืองซื่อจิ่ว แน่นอนว่าฉู่หยังต้องติดมีในบัญชีรายชื่อ
“พวกท่านต้องเข้าใจเป็นอย่างนี้แน่นอน บางครั้งข้าก็คิดว่าเป็นอย่างนี้เหมือนกัน แต่ว่า อย่ามัวดูถูกคนใดคนหนึ่งนั้นตลอดไป คนระดับยิ่งใหญ่ไปตายอยู่ในมือพวกคนกระจอก ก็มีไม่น้อยนะ”
ฉู่หยังพูดไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ฉินผู่หยางกับฉินเจียนเวยมีสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อม ๆ กัน เพราะจากภายในตาของฉู่หยัง พวกเขามองเห็นความเหี้ยมโหดที่เข้มข้น—-มีแต่ในคนจำพวกเดนตายเท่านั้น ที่จะมีความเหี้ยมโหดแบบนี้ให้เห็นได้
พวกเขาคิดไม่ตกเลยว่า มันเพราะเหตุอะไร ที่ทำให้คนประเภทผู้ดีกำมะลอหามั่วกินรอวันตาย จะส่อแววตาโหดดุของพวกเดนตายแบบนี้ได้
ถังเฉานั่งบนโซฟาด้วยสายตาสงบเรียบ มองดูเวลา ใกล้ฟ้าสว่างแล้ว
“ใช่เหรอ?”
ฉินกวนฉีกลับไม่คิดที่จะปล่อยฉู่หยังไปแค่นี้
คืนนี้ มีเรื่องเหนือคาดคิดมากเกินพอแล้ว เขาโดนทำให้โกรธพอแล้ว
คืนนี้ เป็นวันที่เขาขึ้นสู่ตำแหน่งเป็นจ้าว เขามีท่าทีว่าจะต้องย่ำไปบนกองซากกระดูกศพผู้คนเพื่อก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่ง
“ด้วยบารมีของท่าน คืนนี้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด รอดออกไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว”
ฉินกวนฉี ชี้หน้าฉู่หยัง แผ่นกระจกสะท้อนแสงเยือกบาดตา พูดเสียงเหยียด ๆ “แกต้องตายเป็นคนแรก”
บรึม!
คำนี้พูดออกไป ฉินผู่หยางกับฉินเจียนเวยมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างลึก ๆ
“ฉินกวนฉี นี่คุณกำลังเล่นกับไฟ”
ฉินเจียนเวยทำหน้าเย็นเยือก พูดเตือนออกไป
“คุณรู้สึกกลัวใช่ไหม?”
ฉินกวนฉีพินิจพิศชมใบหน้าภายใต้ผ้าโปร่งที่คลุมอยู่ หัวเราะแล้วพูด “ผมเคยเปิดโอกาสคุณให้โอนอ่อนตามผม แต่คุณกลับเลือกที่จะตามคนอื่น”
ฉินเจียนเวยรู้ดี ที่เขาพูดถึงคือเรื่องที่ตัวหล่อนไปติดตามถังเฉา ไปเป็นคนบ้าดนตรี แต่หล่อนก็ยังอยู่ในอาการคงเดิม “ฉันติดตามคุณถังเฉา เป็นเพราะฉันชื่นชมเขา เขาเหนือกว่าคุณอีกเป็นร้อยเท่า!”
“……”
คำพูดนี้ทิ่มแทงใส่ฉินกวนฉีอย่างสุดลึก แววตาสาดประกายโหดออกมา “พอแล้ว!ในเมื่อเธอหลงใหลเขาขนาดนี้ ก็ให้ตายไปพร้อมกับเขานี่แหละ”
“คนรุ่นหลังจะได้จำกันถึงชื่อคนบ้าดนตรี เธอก็จะได้มีชื่อเสียงสืบต่อเป็นนิรันดร์”
ติดตามมาหลังจากคำพูดนี้จบ พลังดุจถล่มภูเขาโหมคลื่นทะเลถั่งโถมเหมือนน้ำป่าพุ่งใส่ฉินเจียนเวย
ฉินเจียนเวยหน้าเผือดซีดลงเล็กน้อย ตัดใจปิดตาลง
พละกำลังฉินกวนฉี สูงเหนือกว่าเธอมากมาย เธอไม่มีทางจะไปเทียบชั้นเขาได้
ฉินผู่หยางขาด้วนทั้งสองข้าง ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินกวนฉี พูดกันได้เลยว่า ถ้าฉินกวนฉีจะลงมือด้วยตัวเอง ผู้ที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด ไม่มีใครสามารถขวางต้านเขาได้เลย
“คุยจบกันหรือยัง?จบแล้วก็รีบ ๆ เริ่มกันเถอะ ข้ากำลังรออยากจะไปนอนเอากลับคืนสักหน่อยนะ”
บรรยากาศที่กำลังตึงเครียดในสถานการณ์แบบนี้ กลับมีเสียงหาวนอนดังอย่างไม่รู้กาลเทศะออกมา
ถังเฉาโบกมือไปมา พูดอย่างสุดแสนรำคาญ
ไม่รู้ได้ว่าจะเป็นด้วยจิตหลอนหรือเปล่า ถังเฉาเพียงโบกมือไปมาเบา ๆ พลังจากฉินกวนฉีสลายหายไปในพริบตา
ฉินกวนฉีจ้องเขม็งไปที่ถังเฉา “คุณก็จะลงมือด้วยหรือ?”
คนทั้งหมดล้วนหวังรอให้ถังเฉาลงมือ แต่ทว่า ถังเฉาหัวเราะ โบกมือไปมา “คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมมานี่ก็เพียงหวังจะมาเล่นหมากรุกด้วยสักตาสองตา ไม่ยุ่งเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”
ส้วบ!
พอได้พูดคำนี้ออกไป คนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ฉินกวนฉีชะงักเล็กน้อย เขายังคิดว่าที่ถังเฉามาที่นี่ ก็ด้วยเรื่องจะคอยช่วยฉินผู่หยาง
ฉินผู่หยางก็ร้อนใจขึ้นมา “ถังเฉา!คุณถัง คุณ…..”
ถังเฉากวาดตามองเขาอย่างเรียบ ๆ ยิ้มว่า “ข้อตกลงในพันธกรณีระหว่างเรายังไม่ขาด แต่ผมเชื่อมั่นในตัวคุณว่าจะสามารถใช้ฝีมือตัวเองเอาชนะพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของคุณได้ ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ!”
“……”
ใบหน้าของฉินผู่หยางออกอาการกระตุก เขาถ้ายังมีความสามารถพอ จะไปผูกพันธกรณีกับแกทำไมกัน?
ไม่มีใครคิดถึงเลยว่าถังเฉาจะมาเปลี่ยนท่าทีโดยกะทันหัน แสดงตัวว่าไม่ได้คิดจะสอดมือ แม้กระทั่งฉินเจียนเวยก็คิดไม่ออกว่าถังเฉาหมายถึงยังไง
“ฮา ๆ ๆ ๆ……….”
ฉับพลันนั้นฉินกวนฉีหัวเราะออกมาลั่น พูดกับถังเฉาว่า “ดี เพียงถ้าคุณไม่ลงมือ ผมก็จะปล่อยให้คุณออกจากที่นี่ไปได้ และขอรับปากคุณไว้เลยว่า หลังจากนี้ต่อไป ตระกูลฉินแห่งตระกูลหลวงกับคุณเป็นมิตรกันสืบทอดกันไปทุกชั่วคน จะไม่เป็นศัตรูต่อกันตลอดไป”
“ช่างดีจัง”
ถังเฉาหัวเราะกวน ๆ ในน้ำเต้ามียาอะไรขาย แบบว่าเก็บอำอะไรไว้ในใจไม่ยอมบอก
ฉินกวนฉีหันไปมองฉินผู่หยางอีก ชี้ไปที่ฉู่หยังแล้วพูดว่า “ไอ้น้องชาย แกช่างทำให้ข้าผิดหวังมากจริง ๆ ข้ามีศักดิ์เป็นพี่ชายแก มีหรือจะคิดทำร้ายแก?แต่ในเมื่อแกไม่เชื่อใจในตัวข้า ข้าก็จำเป็นต้องตัดใจลงมือกับแกเสียแล้ว——ดูเห็นไอ้คนนี้ไหม?รูปแบบการตายของมัน ก็จะเป็นรูปแบบการตายของแก!”
บรึม!
เสี้ยววินาทีต่อมา ตัวร่างของฉินกวนฉีหายวับไปจากที่เดิม เหมือนภูตปีศาจปรากฏอยู่ข้างหน้าฉู่หยัง
พร้อมกันทั้งห้านิ้ว กลายเหมือนมีดคมรวมเล่ม กำลังจะทิ่มทะลุคอของฉู่หยาง
ในชั่วพริบตานั้น ฉู่หยางได้กลิ่นเข้มข้นของความตาย
แต่ทว่า เขายังคงไม่ได้ถอย
เพราะเขารู้อยู่แจ่มแจ้ง ในเมื่อเขาออกหน้าแล้ว คนคนนั้นจะต้องปกป้องเขาได้อย่างแน่นอน
ฟิ้ว!
ขณะที่ฝ่ามือของฉินกวนฉีกำลังจะเสียบทะลุคอฉู่หยัง ถังเฉาคว้าส่งเดชได้เม็ดขาวบนกระดานหมากรุกมา ดีดนิ้วออกไป
หมากขาวเม็ดนั้นกลายเหมือนดั่งลูกกระสุนปืน เสียงแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่ฉินกวนฉี
ฉินกวนฉีเหมือนเจอจังเข้ากับศัตรูตัวฉกาจ ชักมือกลับดื้อ ๆ พร้อมออกแรงสะบัดหน้าหลบ
ขวับ!
เม็ดหมากรุกสีขาวเช็ดผ่านแก้มฉินกวนฉี กรีดเห็นเป็นรอยแผลเลือดออกซิบ
เลือดแดงสดทะลักออกมา อย่างรวดเร็ว มีเลือดเปื้อนไปครึ่งหน้าฉินกวนฉี
ทั้งห้องพิเศษตกอยู่ในสภาวะนิ่งสนิท แต่ละคนงงเซ่อ
พอดึงสติกลับมาได้ ฉินกวนฉีหันขวับมองไปที่ถังเฉา ตะคอกใส่ว่า “ไหนแกว่าจะไม่ลงมือไม่ใช่หรือ?”
ถังเฉารีบยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำหน้าเหลอหลา “ผมเปล่าลงมือนะ ตะกี้ที่ทำนั้นมันคนอื่น คุณลืมไปแล้วหรือไงว่ามีใครยืนอยู่หลังเจ้าหมอนี่!”
บรึม!
พอคำพูดนี้ออกไป ทุกคนในบริเวณให้รู้สึกอื้ออึงในสมองขึ้นมา
ตอนที่ฉู่หยังลุยอาละวาดวงชมรมหมากรุกเป่ยโต่วนั้น ได้เคยพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเขา คือเจ้ามังกรจากงานประชุมแดนเหนือ