“ใครกัน? บังอาจบุกรุกห้องส่วนตัวของคุณชายใหญ่—-”
เมื่อเห็นว่ามีคนผลักประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชายใหญ่ ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่รอบตัวฉินกวนฉีเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเดือดดาล
เขาเป็นคนจัดหมากรุกของห้องส่วนตัวนี้
แต่ละห้องจะมีคนจัดหมากรุกหนึ่งคน เวลาที่คนชอบหมากรุกมาเล่น ทุกครั้งที่แต่ละเกมจบ เป็นความรับผิดชอบของพวกเขาที่คอยคืนที่ตัวหมาก
งานแสนง่าย แต่เงินเดือนแต่ละเดือนของพวกเขากลับพอๆกับรายได้ครึ่งปีของพนักงานออฟฟิศ
ไม่มีเหตุผลอื่นใด งานของพวกเขาไม่ได้ง่ายเหมือนแค่จัดกระดานหมากรุก พวกเขาต้องรับผิดชอบปรนนิบัติแขกในห้องส่วนตัว
รวมถึงจัดการพวกก่อเรื่องด้วย
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าของฉินกวนฉี เขาย่อมอยากแสดงฝีมือ
หากได้รับความชื่นชมจากคุณชายใหญ่ ถ้าอย่างนั้นการเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนก็ง่ายเหมือนมือหยิบ
“ไสหัวออกไปซะ—-”
หน้าตาเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ผลักฉู่หยางที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่รีรอ
ในฐานะคนจัดกระดานหมากรุก เขาพอมีฝีมือการต่อสู้อยู่บ้าง มั่นใจว่าแค่จัดการกับคนขี้เมาเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนพลิกมือ
เพียะ!
ทว่า เพิ่งจะเดินไปถึงตรงหน้าก็โดนตบหน้าอย่างแรง!
“ขยะมาจากไหนวะ ไสหัวไปไกลๆฉันเลย!”
ฉู่หยางไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ เขาตบไปหนึ่งฉาด คนจัดกระดานหมากรุกผู้น่าสงสารก็โดนตบจนล้มลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ
หลังจากนั้นก็เดินไปหาถังเฉาต่อ วินาทีที่เห็นถังเฉา ใบหน้าของฉู่หยางเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น
“คุณถั—-”
“แม่งเอ๊ย แกกล้าลงมือด้วยหรอ?”
ฉู่หยางกำลังจะเรียกชื่อของถังเฉา คนจัดกระดานหมากรุกก็คลานขึ้นมาอย่างฉุนเฉียวและพุ่งไปหาเขาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ขี้เมา จึงไม่ได้ใช้เต็มแรง คิดไม่ถึงว่าจะโดนอีกฝ่ายตบจนล้มลงกับพื้น
ต้องมาหมดสภาพขนาดนี้ต่อหน้าของฉินกวนฉี เขาต้องเรียกความห้าวหาญกลับมาให้ได้!
ด้วยฝีมือของเขา แค่จัดการขี้เมานั้นเหลือเฟือ
“ไอ้เวรเอ๊ย จะเอาอีกรอบหรอ? ฉันไว้หน้าแกมากไปสินะ”
“บอดี้การ์ด! สั่งสอนมันให้ดี!”
คาดไม่ถึงว่าการกระทำนี้จะเป็นการทำให้ฉู่หยางบันดาลโทสะโดยสมบูรณ์
เขาไม่คิดจะตีกับคนจัดกระดานหมากรุกเองด้วยซ้ำ แต่ออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดของเขาลงมือ
ครานี้คนจัดกระดานหมากรุกอึ้งเป็นไก่ตาแตก
ฝีมือของเขาหากสู้กับคนทั่วไปยังพอไหว แต่ให้สู้กับบอดี้การ์ดเกษียณที่ผ่านศึกมามากมาย เขาเป็นคู่มือซะที่ไหน
ไม่นานนัก ภายในห้องส่วนตัวก็มีเสียงโหยหวนอันเจ็บปวดดังออกมา
เกมหมากรุกในขณะนี้ก็เข้าสู่ช่วงสำคัญ
หมากรุกรวบรวมภูมิปัญญาของต้าเซี่ยมาตลอดห้าพันปีไว้ ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งสำคัญขึ้นทุกก้าว
ในเวลาแบบนี้จึงต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เพื่อให้ฉินกวนฉีพลิกเกมได้i
แต่ตอนนี้ทั้งห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของคนจัดกระดานหมากรุก ฉินกวนฉีไม่สามารถตั้งสมาธิจดจ่อได้เลย
เขาหยิบหมากขึ้นไม่ยอมวางเสียที ถังเฉากลับดูไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเสียงร้องนี้ เขาเอ่ยขึ้นเรียบๆ “ตานายแล้ว ยังไม่รีบเดินหมากอีก”
“…..”
ฉินกวนฉีพยายามสงบจิตสงบใจให้ได้ จับตาดูจุดบอดบนกระดานหมากรุก
“อ๊าก—-”
“หยุดทำร้ายฉันได้แล้ว!”
“คุณชายใหญ่ ช่วยผมด้วยครับ!”
“……”
เสียงโหยหวนสุดอนาถของคนจัดกระดานหมากรุกสะท้อนอยู่ในห้องส่วนตัว สุดท้าย ฉินกวนฉีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
เสียงดังป้าบ เขาลุกขึ้นยืน หมากสีดำในมือก็วางลงในมุมหนึ่ง
ถังเฉายิ้มบางๆ และส่ายหัว ก่อนจะวางหมากสีขาว
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ฉินกวนฉียืนขึ้น ตะคอกด้วยสีหน้าอึมครึม
สายตาของเขามุ่งร้ายถึงขีดสุด จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่เลือนราง
อุณหภูมิของทั้งห้องส่วนตัวลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็ง
ฉินผู่หยางมีสายตาเคร่งเครียดขึ้น เขารู้ว่าพี่ชายคนนี้ของเขาโมโหแล้วจริงๆ
ฉินกวนฉีเป็นคนมีแรงภายใน แต่เขาเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก น้อยนักที่จะโกรธจริงๆ
เรื่องที่สามารถทำให้เขาโกรธได้ นับเป็นเรื่องที่เกินไปได้อย่างแน่นอน
สำหรับเขาแล้ว การรบกวนเขาในตอนที่เขาเล่นหมากรุกเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์!
เขามองฉู่หยางและคนจัดกระดานหมากรุกด้วยสายตามุ่งร้าย และพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม “ขืนพวกนายพูดอีกประโยคเดียว ฉันจะฉีกลิ้นคนนั้นทิ้งซะ!”
จิตสังหารอันแข็งกล้าทำให้บอดี้การ์ดของฉู่หยางหนักใจอย่างพูดไม่ออก โดยเฉพาะคนจัดกระดานหมากรุกที่กลัวจนสั่งไปทั้งตัว ไม่กล้าส่งเสียงอะไรอีก
ห้องส่วนตัวแห่งนี้ถึงได้เงียบสงบลง
แต่ฉู่หยางกลับทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉินกวนฉีพูด เขามองถังเฉาและวิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“คุณถัง เราพบกันอีกแล้วนะครับ ผมคือฉู่หยาง ฉู่หยางแห่งตระกูลฉู่ไงครับ!”
เขาหาที่นั่งลงอย่างดีใจ
“นายอยากตายใช่มั้ย…..”
สายตาของฉินกวนฉีฉายแววอาฆาตไปแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏแววพิฆาต เอ่ยด้วยเสียงเย็นๆ
หารู้ไม่ฉู่หยางตอนเมาจำได้เพียงถังเฉา ไม่ไว้หน้าฉินกวนฉีเลยสักนิด
“ไอ้เวรเอ๊ยหุบปากไปเลย ไม่เห็นหรอว่าฉันคุยกับคุณถังอยู่? คุณชายตระกูลฉินแล้วยังไง รับลูกเตะของเจ้ามังกรได้รึเปล่าล่ะ?”
ฉู่หยางหันไปด่าฉินกวนฉี แถมยังถุยน้ำลายใส่เขาด้วย
“…..”
ภาพแบบนี้ ฉินผู่หยางและฉินเจียนเวยยังไม่อยากจะเชื่อ
แม้กระทั่งตัวฉินกวนฉีเองยังไม่กล้าเชื่อ
คนหนึ่งคือตัวเต็งของผู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป อีกคนหนึ่งคือคุณชายเจ้าสำราญ ฝ่ายแรกกลับโดนฝ่ายหลังด่า
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ฉินผู่หยางก็มองฉู่หยางตาค้าง ไม่รู้ว่าฉู่หยางเอาความกล้ามาจากไหนกันถึงกล้าพูดจาแบบนี้กับฉินกวนฉี
ในขณะที่พวกเขาคิดว่าฉู่หยางต้องตายแน่ๆ ฉินกวนฉีกลับฝืนทนไว้ได้ เพ่งความสนใจไปบนกระดานหมากรุกทั้งหมด
สำหรับเขา ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการเล่นหมากรุก
ถังเฉาส่งยิ้มให้เขา พยักหน้าถือว่าเป็นการทักทาย
ก่อนจะชี้กระดานหมากรุก “ตั้งใจดูเกมไป”
คำสั่งง่ายๆสั้นๆ ทว่าฉู่หยางผู้ดื้อแพ่งกลับทำตามแต่โดยดี เขากระดกน้ำ และจ้องกระดานหมากรุก ดูตั้งใจยิ่งกว่าใครๆ
หน้าตาฉินผู่หยางอึ้งมาก ฉู่หยางเชื่อฟังคำพูดของถังเฉาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ความสัมพันธ์ระหว่างถังเฉาและฉู่หยางสำหรับเขา ยังหยุดอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลง วันที่ฉลองวันเกิดให้เจ้าหญิงน้อยหลงเจียเจีย
ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างฉู่หยางและถังเฉาเรียกได้ว่าดั่งน้ำกับไฟ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับเชื่อฟังถึงเพียงนี้
“เดินหมากสิ”
เมื่อเห็นถังเฉาเอาแต่นั่งมองตัวเองยิ้มๆ ฉินกวนฉีก็หงุดหงิดขึ้นมาในใจ และพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ฉันเดินหมากไปแล้ว ตอนนี้น่าจะตานาย”
ถังเฉายิ้มโดยไม่พูดอะไร และชี้จุดที่ตัวเองวางหมากไปเมื่อกี้
“จริงสิ ลืมบอกไป ตอนนี้รุกฆาตแล้วนะ”
ถังเฉาหยุดไปครู่หนึ่ง เผยรอยยิ้มมีความหมายลึกซึ้งบนใบหน้า
“รุกฆาต?”
เมื่อกี้ฉินกวนฉีไม่ได้มองกระดานหมากรุกเลย ตอนนี้มาดูแล้วจึงเห็นว่าตัวเองถูกรุกฆาตไปแล้ว
หมากของฝ่ายถังเฉาห้อมล้อมมาจากสารทิศ พริบตาเดียวก็โอบหมากดำของฝ่ายฉินกวนฉีไว้
ตู้ม!
ฉินกวนฉีหรี่นัยน์ตาลงทันใด เขาลุกพรวดขึ้น พูดอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมแป๊ปเดียวถึงรุกฆาตได้ล่ะ”
ถังเฉายังคงนั่งอยู่ เพียงแต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
“นายเป็นคนวางหมากเองไมใช่หรอ?”
เขาชี้จุดที่ฉินกวนฉีวางหมากเมื่อกี้ พูดอย่างเย้ยหยัน “ฉันคิดไม่ถึงว่านายจะวางหมากลงตรงนี้ นี่เท่ากับให้โอกาสฉันไม่ใช่หรอ?”
“แล้วก็ขอพูดอะไรหน่อยนะ นายไม่ได้แค่เสียหมากกระดานนี้ แต่เสียทั้งตระกูลฉิน”
ในที่สุด รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นยะเยือก