ทันใดนั้นเอง ถังเหยียนหยุดฝีเท้าลงทันที
“ไอ้นกอมตะ คิดไม่ถึงว่าแกจะเป็นนกอมตะจริงๆ หลายปีขนาดนี้แล้ว ไม่คิดว่าแกยังกล้ามาสร้างเรื่องที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยของพวกเราอีก”
ผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมแดง ในมือถือหอกหนึ่งเล่ม สายตาเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ทรงพลังรุนแรงอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่า ระเบิดเมื่อตะกี้นี้ก็เขานี่แหละเป็นคนทำ
“เหอะๆ นี่มันนักโทษของราชวงศ์ต้าเซี่ยไม่ใช่เหรอ? แกหนีออกมาได้ยังไง เล่นซะฉันหาตัวแทบแย่”
พอพูดแบบนี้ ถังเหยียนจึงตอบสนองกลับมา ไอ้นกอมตะคนนี้ดูเหมือนจะมาเพื่อจัดการตัวเอง
ถึงยังไงที่ที่เขาอยู่ ก็เป็นที่ที่ตัวเองถูกกักขังเอาไว้ก่อนหน้านี้ เสียงระเบิดนั่นก็ดังออกมาจากในถ้ำ หรือพูดได้ว่าไอ้นกอมตะเพิ่งจะใส่ระเบิดจำนวนมากเข้าไปข้างในถ้ำนั่นเอง
“แกอยากจะฆ่าฉัน? แกไม่เรียกพวกเพื่อนอะไรนั่นของแกมาก่อนเหรอ?”
พูดจบ ไอ้นกอมตะก็แค่สบถอย่างเย้ยหยันออกมาหนึ่งที จากนั้นก็ยกหอกขึ้นมาพุ่งกระโจนมายังถังเหยียน
“ไอ้สารเลว แกถูกขังอยู่ในถ้ำมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะจะแข็งแกร่งเหมือนกับเมื่อก่อน”
ไอ้นกอมตะตะโกนออกมาเสียงดัง จากนั้นหอกในมือก็ราวกับมังกรพุ่งแทงตรงมายังถังเหยียน กระหน่ำแทงอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป ไม่มีทางรับไหวแน่นอน โดนไปไม่กี่ทีก็รูพรุนกลายเป็นรังแตนไปแล้ว
แต่ถังเหยียนกลับสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายบิดไปมาอย่างคล่องแคล่ว หลบการโจมตีของไอ้นกอมตะอย่างสบายๆ ส่วนไอ้นกอมตะก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้พลังของถังเหยียนก็ไม่ลดลงไปเลย แต่กลับยิ่งเพิ่มมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ
“เป็นไปได้ยังไง? แกอยู่ในถ้ำมาหลายปีขนาดนี้ หรือว่าแกฝึกฝนร่างกายในถ้ำอย่างนั้นเหรอ? ทำไมพลังของแกถึงแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้?”
ตอนนี้ถังเหยียนแค่ยิ้มนิ่งๆ มองไอ้นกอมตะที่อยู่ตรงหน้า
“เหอะ ถ้าหว่างเหลี่ยงอยากจะฆ่าฉันล่ะก็ แกก็ให้เขามาด้วยตัวเอง แค่พลังของแก ไม่มีทางทำให้ฉันบาดเจ็บได้หรอก อีกอย่างลูกชายของฉันก็ใกล้จะมาถึงแล้วด้วย พลังของลูกชายฉันแข็งแกร่งกว่าแกตั้งหลายร้อยเท่าพันเท่า”
“ถ้าเขาเห็นว่าแกอยู่ที่นี่ แล้วพวกเราสองคนร่วมมือกัน ถึงตอนนั้นต่อให้แกเป็นนกอมตะ ก็ต้องตายด้วยเงื้อมมือของฉันอยู่ดี”
ถังเหยียนเพิ่งจะออกมาจากคุก เลยไม่อยากเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้อีก ก็เลยใช้น้ำเสียงพูดข่มขู่ให้ไอ้นกอมตะหนีไป ส่วนไอ้นกอมตะก็เข้าใจสถานการณ์ดี รู้ว่าถ้ายังยื้อเวลาต่อไป ตัวเองจะต้องถูกถังเหยียนฆ่าแน่นอน ก็เลยทำได้แค่หนีไป
“พ่อ เมื่อตะกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดระเบิดที่ใหญ่โตรุนแรงขนาดนี้ขึ้นมาได้?”
ถังเฉาเพิ่งจะตามมาถึง ก็เห็นพ่อของตัวเองยืนอยู่ข้างนอกถ้ำ ส่วนในถ้ำยังมีกลุ่มควันลอยตลบอบอวลเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าระเบิดเมื่อตะกี้นี้ก็ดังออกมาจากในนี้นี่แหละ
ถังเหยียนไม่ได้มีสีหน้าท่าทีขี้เล่นไม่จริงจังเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว สายตาหนักอึ้ง หันมองถังเฉาที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ลูก สงครามของพวกเราสองคนแล้วก็เหล่าอำนาจใหญ่โตมากมายจะเริ่มขึ้นแล้ว อาจจะอันตรายมาก ลูกหนีออกไปจากราชวงศ์ต้าเซี่ยนี่ก่อนเถอะ”
“พาแม่ของลูกไป รอพ่อของลูกจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วจะไปรับพวกลูกเอง”
เห็นได้ชัดว่า ถังเหยียนคิดอยากที่จะจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จ แต่หลังจากที่ถังเฉาได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทางที่ตกใจมากมายอะไร กลับหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยซ้ำ
“ว่ากันว่าเวลาพ่อแม่สั่งสอนลูก จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ นั่นก็คือช่วงเวลาที่ลูกดื้อรั้น แต่ผมกำลังจะบอกพ่อ ว่าผมก็อยากจะลองความรู้สึกแบบนั้นดูเหมือนกัน ถ้าจะหนีก็พาแม่ไปด้วย ผมไม่มีทางจากไปไหนแน่นอน”
คำพูดของถังเฉา ทำให้ถังเหยียนหมดคำจะพูดตอบ พอเห็นท่าทางที่แน่วแน่แบบนี้ของถังเฉาแล้ว ถังเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“พูดมั่วอะไรน่ะ? ลูกเป็นลูกของพ่อ เป็นลูกชายของพ่อ เหมือนกับพ่อทุกอย่าง ช่วยไม่ได้ พ่อรู้ว่าลูกไม่มีทางหนีไปแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ลูกก็อยู่สู้ด้วยกันกับพ่อที่นี่ก็แล้วกัน แต่อาจจะอันตรายหน่อยนะ ลูกจะต้องฟังคำสั่งของพ่อ เตรียมตัวหนีทุกเมื่อ”
ถังเฉาพยักหน้าอย่างเด็ดขาด ถึงยังไงจนถึงตอนนี้การที่ได้มาสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพ่อของตัวเองนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ถังเฉาโหยหาปรารถนามากๆแล้ว
พอเรื่องนี้ผ่านไป ถังเหยียนก็พาถังเฉาลงจากภูเขา ดูไม่เหมือนกับพ่อลูกที่เพิ่งจะพบกันเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูเหมือนเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว เหมือนพรรคพวกพี่น้องที่คุยกันอย่างถูกคอสุดๆ
ลงมาจากเขา พอถังเยว่เหมยกับถังเยว่หวาเห็นทั้งสองคน ก็พูดถามขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“เกิดอะไรขึ้น บนเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเกิดระเบิดที่ใหญ่ขนาดนั้นได้?”
ถังเหยียนหันมองถังเฉาที่อยู่ข้างๆหนึ่งที จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่แยแสสนใจ
“ไม่มีอะไร ก็แค่งูหลามยักษ์ตัวนั้นเผลอลื่นตกเขามาน่ะ ก็เลยเกิดเสียงระเบิดมหึมาขึ้น จริงๆแล้วก็แค่ศพตกลงมาจากหน้าผาเท่านั้นเอง”
แม้ว่าคำแก้ตัวของเขาจะดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องเท่าไรนัก แต่กลับทำให้ถังเยว่หวาไม่สงสัยอะไรต่อ ถึงยังไงสามีภรรยาอยู่ด้วยกันมานาน ถังเหยียนไม่อยากพูด ถังเยว่หวาก็จะไม่ถามล่วงเกินต่อ
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรากลับตระกูลถังกันเถอะ ไปหาพวกญาติๆที่พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากเหล่านั้นกัน ดูว่าตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างแล้ว”
จริงๆแล้วระหว่างทางกลับ ในใจของถังเยว่หวามีความคิดหนึ่งอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือรีบกลับไปเจอถังเชียนเชียนให้โดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ ถังเยว่เหมยก็แนะนำถังเชียนเชียนให้กับถังเยว่หวา แถมรู้พลังความสามารถของถังเชียนเชียนด้วยว่าเป็นของสายพระจันทร์ ความสามารถเหมาะสมที่จะมาสืบทอดสายพระจันทร์ของตระกูลตัวเองพอดี
พอเข้ามาในตระกูลถัง ถังเยว่หวาก็คาดหวังว่าคนที่จะออกมารับตัวเองนั้นก็คือถังเชียนเชียน แต่ความจริงนั้นไม่เหมือนฝัน คนที่ออกมาไม่ใช่ถังเชียนเชียน แต่เป็นถังซานฉ่ายที่เป็นผู้นำตระกูลแทน
“พี่ชายพี่สาว ไม่ได้เจอกันนาน ช่วงนี้สบายดีไหม?”
แม้ว่าจะพูดจาไร้สาระ แต่ถึงยังไงช่วงเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของถังเฉาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากๆ แต่พอคำพูดนี้ออกมา ก็อธิบายแล้วว่าจุดยืนของถังซานฉ่ายในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อต้านพ่อแม่ของถังเฉาอีกต่อไปแล้ว
“ถังซานฉ่าย ช่วงนี้ฉันก็ใช้ชีวิตไม่เลวเท่าไร ได้ยินมาว่าตระกูลถังสูญเสียความรุ่งโรจน์ในอดีตไปแล้ว ดูท่าตระกูลถังคงต้องรื้อฟื้นแปลงโฉมใหม่แล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกคนอื่นกลั่นแกล้งจนหมดสภาพแน่ๆ”
น้ำเสียงเชื่องช้าสุดๆ แต่ให้ความรู้สึกที่ดูสูงส่งยืนอยู่เหนือทุกคน แต่ความรู้สึกที่สูงส่งแบบนี้ ไม่ได้ทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่เห็นชอบ แต่กลับรู้สึกว่าบุคลิกท่าทางแบบนี้ เหมาะสมคู่ควรแล้วที่จะออกมาจากตัวของถังเยว่หวา
“นี่มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราทำได้แค่ทำตามคำสั่งของหญิงนักบุญ ถ้าไม่สามารถฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีตของตระกูลถังกลับมาได้ ซานฉ่ายก็จะได้รับโทษฐานใหญ่หลวง แต่ถ้าสามารถฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับมาได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรับฟังคำสั่งของพี่แน่นอน”
ความตั้งใจแน่วแน่ชัดเจนมาก ถังซานฉ่ายอยากที่จะให้ถังเยว่หวามาควบคุมสถานการณ์ไว้ ส่วน ถังเยว่หวาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร