จากตระกูลแปดยุคโบราณสู่ราชวงศ์อันยาวนาน ไม่มีใครกล้าข่มขู่ราชวงศ์มาก่อน
ถังเฉาเป็นคนแรกที่กล้าพูดเช่นนี้กับราชองครักษ์ ราชองครักษ์พากันถอยกลับ ไม่กล้าแตะต้องถังเฉาที่อยู่ตรงหน้า
“รีบไสหัวออกไปซะ!”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ราชองครักษ์ทุกคนก็ได้แต่ล่าถอยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ถังเฉา เจ้าคนบาปหนา คอยดูนะ ถ้าแกต่อต้านราชวงศ์ของเรา จะไม่มีทางให้แกได้มีจุดจบที่ดีแน่นอน ถึงตอนนั้นแกอย่ามาร้องไห้ขอความเมตตาล่ะ”
ฟิ้ว!
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป สายตาของถังเฉาก็เย็นชา
เฉกเช่นเสือที่ดุร้าย แยกเขี้ยวอันน่ากลัว สร้างความตกใจให้แก่สมาชิกราชวงศ์ทุกคน หวาดกลัวจนพวกเขาต้องวิ่งหนีไป
“ถังเฉา พ่อกับแม่ต้องขอโทษแกด้วย ถ้าไม่ปลอดภัยจริงๆ แกก็ออกมาจากราชวงศ์ต้าเซี่ยก่อนเถอะ จะจัดการกับสมาชิกราชวงศ์ภายในชั่วข้ามคืนได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเรามีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว”
ถังเหยียนอดเอ่ยปากพูดโน้มน้าวไม่ได้…
ในฐานะพ่อ เขาไม่ยอมให้ลูกชายของตัวเองตกอยู่ในอันตราย
ถังเฉากลับยิ้มและตบไหล่พ่อของเขาเบาๆ
“พ่อครับ ไม่ต้องเป็นห่วง! เรื่องที่ควรรู้ผมก็รู้ทุกอย่างแล้ว ราชวงศ์ต้าเซี่ยเป็นเพียงพวกอีกาจับกลุ่มกัน ไม่จำเป็นต้องออกจากสถานที่แห่งนี้เพราะพวกเขา ส่วนศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเดิมที่ท่านบอก พวกเรามารับมือด้วยกันดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังเหยียนก็ไม่พูดอะไรอีก แค่ทอดถอนใจอยู่ภายใน
ลูกชายโตขึ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่มีพวกเขา ก็จะเป็นชายที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
แต่เขาก็ยังคงเป็นพ่อของถังเฉา
“ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เชื่อในความสามารถของแก กลับเชื่อมั่นมากเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เรื่องนี้มันอันตรายมาก พ่อไม่ต้องการให้แกเข้าไปพัวพันด้วย”
ถังเหยียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
แต่ถังเฉายังคงส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดอย่างเฉยเมย
“พ่อครับ หลายปีมาแล้วที่ผมก้าวมาจนถึงจุดนี้เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว ท่านคิดว่าแค่ท่านพูดมาไม่กี่ประโยคจะสามารถทำลายแผนการที่ผมวางไว้ได้เหรอ? เรื่องนี้ผมต้องทำให้ได้ไม่ว่าท่านจะมีส่วนร่วมหรือไม่ก็ตาม”
เมื่อมองดูแววตาที่แน่วแน่ของถังเฉา ถังเหยียนก็รู้ว่าพูดอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่มีความหมาย ถังเยว่หวาที่อยู่ข้างเขาจึงตบไหล่ถังเหยียนแล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วล่ะ มันก็หลายปีมาแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากแยกจากลูกชายของเราอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินถังเยว่หวาพูดดังนั้น ถังเหยียนก็ยิ้มจางๆ ขึ้นมา
“เขาว่ากันว่าลงสู่สนามรบต้องปรองดองกันดั่งพ่อลูก จับเสือต้องสามัคคีกันดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด ดูท่าทางเราสองคนจะมีโอกาสได้ร่วมรบด้วยกันจริงๆ!”
“ได้ ถ้าอย่างนั้น ผมจะให้ท่านร่วมต่อสู้กับผม พวกนี้มันไม่ใช่มนุษย์”
“แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับราชวงศ์แล้วจะเป็นไร แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับองค์กรที่มีอำนาจแล้วจะเป็นไร”
ทางด้านตระกูลถังกำลังฮึกเหิม แต่ทางด้านราชวงศ์กลับโกรธกริ้วจนกระทืบเท้า
“อะไรนะ? คนในตระกูลถังเหิมเกริมถึงกับสังหารองครักษ์ของฉันเชียวหรือ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่กลัวตายจริงๆ”
สีหน้าของชายชราร่างเล็กเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อได้ยินว่าทหารองครักษ์ของตนถูกสังหาร ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อเลย
“เจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ เขาฆ่าองครักษ์ของฉันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว? พวกแกไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม ใช่พ่อหรือแม่ของเขาที่คอยขัดขวางอยู่ใกล้ๆ หรือไม่?”
องครักษ์หลายคนมองหน้ากัน เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าถังเฉาลงมือเพียงคนเดียวหรือเปล่า
“ผู้อาวุโส เรื่องนี้พวกเราก็ไม่แน่ใจ ท่านก็รู้ ด้วยความสามารถของถังเหยียน แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวจริงๆ พวกเราก็มองไม่เห็น”
“เศษสวะ!”
หลังจากชายชราร่างเล็กได้ยินคำพูดขององครักษ์ สีหน้าของเขาก็ขรึมลง ปรี่เข้าไปตบหน้าองครักษ์คนนั้น
“ถูกคนอื่นทำร้าย แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ จะให้ฉันเลี้ยงพวกแกไว้ทำไม”
เมื่อบรรดาองครักษ์เห็นชายชราร่างเล็กโกรธจัด ก็รีบก้มหน้าลงทันที ชายชราร่างเล็กก็รู้ว่า การทุบตีพวกเขานั้นไร้ความหมาย จึงยกมือขึ้นแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เฉินเหมิ่งไม่ได้ไป ให้พวกแกไปแทน ใช่ไหม?”
บรรดาองครักษ์มองหน้ากัน แล้วพยักหน้าอย่างสุดเหวี่ยง
“ใช่ครับ นายพลเฉินดูเหมือนจะไม่อยากไปที่นั่น เขาส่งพวกเราไปที่นั่น ท่านก็รู้ศักยภาพของพวกเราดี จะคู่ควรเป็นคู่ต่อสู้กับสองผู้อาวุโสตระกูลถังได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าผู้อาวุโสทั้งสองแข็งแกร่งเกินไป ถูกพวกเราจับขังไว้กลางหุบเขาอย่างนั้น จะยังมีชีวิตรอดออกมาได้อย่างไร ความแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมากมายมหาศาลถึงขั้นไหนแล้ว”
เมื่อชายชราร่างเล็กได้ยินสิ่งที่องครักษ์ของตนพูด ก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมผู้ใต้บัญชาของฉันถึงเป็นพวกเศษสวะ? แค่แมลงเล็กๆ ตัวเดียวยังพูดเสียทรงพลังแบบนั้น”
สำหรับชายชราร่างเล็กแล้ว งูเหลือมก็เป็นแค่แมลงเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ถึงอย่างไรชายชราร่างเล็กผู้นี้ก็เป็นคนที่จับงูตัวนี้กลับมาจากข้างนอก วางไว้บนเทือกเขาเพื่อกักขังถังเหยียนไว้
“เอาล่ะ ฉันจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปเอง สำหรับพวกแก ฉันว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”
ว่าแล้ว ชายชราร่างเล็กก็มองพวกเขาอย่างดุร้ายและหายตัวไปต่อหน้าพวกเขา
จากนั้นบรรดาองครักษ์ก็ล้มลงทีละคน
“ในเมื่อพวกแกเป็นองครักษ์ของฉัน ฉันจะส่งให้พวกแกตายอย่างสงบ ตายอย่างรวดเร็วเช่นนี้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ”
ชายชราร่างสูงกว่าข้างๆ เดินเข้ามา ตบไหล่ชายชราร่างเล็กแล้วพูดว่า
“คุณจะโกรธอะไรใหญ่โตถึงเพียงนี้ ก็แค่เศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องร้อนรนขนาดนี้เลย”
“พูดตามตรง ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหว่างเหลี่ยงถึงให้ความสำคัญกับชีวิตของถังเฉามากมายขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายเกินจริงอย่างที่คิดเลย”
ชายชราทั้งสองคิดไปคิดมาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสิ้นเชิง ถึงอย่างไรใครจะเชื่อมโยงคนบาปหนาที่ถูกทอดทิ้งในตอนนั้นเข้ากับเจ้ามังกรต้าเซี่ยได้?
“ถ้าเฉินเหมิ่งไม่ยอมลงมือ ทำไมเราไม่เรียกคนอื่นให้ลงมือแทนล่ะ?”
“ราชวงศ์ต้าเซี่ยของเราอุดมไปด้วยยอดฝีมือ จากสมุดเล่มนี้จะเลือกใครก็ได้ ก็สามารถไปฆ่าเขาได้ตามสบาย”
ชายชราร่างเล็กพูดอย่างอวดดี ว่าแล้วก็หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากเอวของเขา
ในสมุดเล่มเก่าสีส้มแกมเหลืองมีชื่อเขียนอยู่ ข้างๆ ยังมีหมายเลขโทรศัพท์เขียนประกอบอยู่ด้วย
“ล้อเล่นหรือเปล่า จะจัดการกับเจ้าเด็กนี่คุณต้องใช้วิธีการชั่วร้ายขนาดนี้ รู้ไหมคนของเบื้องบนแต่ละคนล้วนเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม หากพวกเขาสังหารตระกูลถังอย่างบ้าคลั่ง คนที่ตายไม่ใช่แค่คนตระกูลถังเพียงคนเดียว แต่เป็นตระกูลถังทั้งหมด”
แม้จะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ทั้งสองก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายขึ้นมาพร้อมกัน