บทที่ 107 เธอเตรียมการมาแล้ว
คุณป้าสังเกตเห็นก่อนว่าใบหน้าของพ่อลั่วมั่นนั้นไม่ดี จึงตะโกนและรีบวิ่งเข้ามา
“พี่ใหญ่ เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ดูสิ ร่างกายของพี่ย่ำแย่มาตลอด และพี่ก็ยังทำงานหนักอีก”
เสียงทะเลาะกันค่อยๆ บรรเทาลง และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ทุกคนก็ต่างมองหน้ากัน แล้วก็หันไปพูดอย่างเห็นอกเห็นใจกับพ่อลั่วมั่น และเบียดลั่วมั่นออกไปด้านนอก
คุณน้าที่ปากไวที่สุดพูดขึ้น “เส้าจิ่ง ยังไม่ช่วยพยุงคุณลุงขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนอีก ลุงของลูกที่เลี้ยงดูทุกคนนั้นไม่ง่ายเลย หลังจากนี้ลูกจะต้องกตัญญูเขาให้เหมือนกับพ่อแท้ๆ เลยนะ”
ชายหนุ่มรูปหล่อข้างๆ ที่อายุมากกว่าลั่วมั่นเล็กน้อยพยักหน้า ทำท่าทางราวกับคำพูดของแม่ของเขานั้นถูกต้องทุกอย่าง ก่อนจะยื่นมือออกมาเพื่อช่วยพยุง
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณป้า คุณลุง และเหล่าน้าๆ ก็รีบเบียดกันเข้าไป และช่วยพูดแทนลูกชายลูกสาวของตัวเอง และยังพูดให้แต่ละคนแบ่งกันกตัญญู แทนที่จะสนใจสภาพร่างกายของคนป่วยอีก
“ให้เส้าจิ่งพยุงนะคะ”
“อะไรกัน จิ่งจิ่งเป็นผู้หญิง รู้จักดูแลคน……”
แม่ลั่วมั่นรีบพูดขึ้น “หยุดยื้อไปมาได้แล้ว…… ”
“พอได้แล้ว!” ลั่วมั่นยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าอึมครึม และตะโกนออกไป
“พวกคุณจะพอกันได้หรือยังคะ ปล่อยพ่อฉันเดี๋ยวนี้!”
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นหยุดนิ่งทันที
ญาติผู้น้องสองสามคนต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวกับสายตาที่มองมาของลั่วมั่น และไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจอีก ลั่วมั่นนั้นเผด็จการมาก และเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก
“คุณน้า คุณวางแผนที่จะหย่ากับสามีชาวต่างชาติและไม่มีอะไรให้พึ่งพาแล้วหรือคะ? ถึงได้คอยจ้องจะแย่งชิงบริษัทลั่วซื่อไม่ปล่อยแบบนี้? เมื่อสามปีก่อนที่บริษัทลั่วซื่อขาดเงินทุนและเกือบจะต้องปิดตัวลง ทำไมคุณถึงไม่ออกมาบอกว่าคุณต้องการรับช่วงต่อล่ะคะ?”
ใบหน้าของคุณน้าทั้งแดงและซีด ก่อนจะพูดเสียงแข็ง
“เธอพูดอะไรน่ะ? ในตอนนั้นฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ และอีกอย่างฉันไม่ได้มองบริษัทเล็กๆ ของพวกเธอหรอกนะ? แค่ฉันมองว่าเส้าจิ่งนั้นเก่งและมีความสามารถ และพอจะช่วยพวกเธอได้บ้าง อย่ามาทำเป็นมองไม่เห็นความตั้งใจของคนอื่นสิ! อย่าว่าแต่เส้าจิ่งลูกของฉันเลยจิ่งจิ่ง คนรุ่นหลังนี้ ต่างก็คิดอยากจะช่วยบริษัทลั่วซื่อกันทุกคน ลูกสาวที่ช่วยอะไรไม่ได้อย่างเธอ ยังไม่รู้สึกละอายเลยเหรอที่พูดออกมา!”
เหล่าญาติผู้ใหญ่ต่างพากันพูดไปมา
ลั่วมั่นกำหมัดแน่น และพูดอย่างเย็นชาว่า
“ถ้าลูกของพวกคุณดีขนาดนั้น ทำไมพวกคุณไม่ให้พวกเขาก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเองเลยล่ะคะ จะจ้องแต่จะเอาบริษัทลั่วซื่อทำไมกัน? ตอนนี้สุขภาพพ่อของฉันยังดีอยู่ แต่ถึงจะเป็นอะไร ก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน ตระกูลลั่วยังมีคนอีก คงใช้ไม่ถึงความหวังดีของพวกคุณหรอกค่ะ!”
“ทำไมเธอถึงพูดจาอย่างนี้? พวกเราเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอนะ” คุณน้าขมวดคิ้ว “พวกเธอ แต่งงานกับตระกูลเฟิงแล้วปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือไง? เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
“สิ่งที่พวกคุณพูดก็ไม่ได้ฟังดูดีไปกว่ากันหรอกนะคะ” ลั่วมั่นกัดฟัน
ในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม นอกจากพ่อและแม่ที่มีอายุของเธอแล้ว ลั่วมั่นแทบจะไม่มีใครอยู่ข้างเธอด้วยเลย กับการเผชิญหน้ากับเหล่าลุงป้าน้าอาที่หวังผลประโยชน์นี้ ทุกคนต่างพร้อมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ ว่าทำไมตอนคุยโทรศัพท์แม่ถึงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากให้เธอกลับมา
บริษัทลั่วซื่อกำลังตกอยู่ในอันตราย เหล่าญาติผู้ใหญ่ที่ถือหุ้นและไม่รู้จักพอนี้ กำลังวางแผนที่จะยึดอำนาจ!
“เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว รีบกินข้าวเถอะ” แม่ลั่วมั่นพูดตัดบทสนทนา และจับลั่วมั่นไว้
แต่คุณน้ากลับไม่ยอมง่ายๆ ฉีกหน้ากันซะขนาดนี้แล้ว ยังจะระงับอารมณ์อะไรอีก
“พี่คะ พูดตามตรงนะ ฉันรู้ว่าตอนนี้บริษัทลั่วซื่อมีปัญหาเรื่องเงินทุน สามีของฉันสามารถช่วยพวกพี่ได้ ถ้าลูกสาวสุดที่รักของพี่สามารถเอาเงินจากบ้านสามีของเธอได้ ทุกวันนี้พี่เขยก็คงไม่ต้องเครียดจนป่วยแบบนี้หรอกใช่ไหมคะ?”
หัวใจของลั่วมั่นสั่นสะท้าน
เครือข่ายเงินทุนของบริษัทลั่วซื่อเป็นความลับ คุณน้ารู้ได้อย่างไร?
แสดงว่าเธอเตรียมการมาแล้ว