ตอนที่ 92 ลอบทำร้ายไม่สำเร็จ
ขณะพูดนวาระก็ยกมือขึ้น เพื่อจะตบจันวิภา แต่ถูกนรา
วิชญ์หยุดไว้ก่อน
“อะไรกัน? ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จ ตอนนี้ยังจะตบเขาต่อ หน้าฉันเหรอ?” น้ำเสียงของนราวิชญ์เย็นชาสุดสุด ราวกับว่า อีกสักพักอาจจะฆ่านวาระทันทีเลยก็เป็นได้
นวาระส่ายหน้าเสแสร้งทำไม่รู้เรื่องพูด: “ทำร้าย? ฉัน ทำร้ายใคร เธอเดินไม่ดูทางเอง แล้วมาโทษฉันได้ยังไง?”
นราวิชญ์หัวเราะเยาะออกมาอย่างทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่เริ่มจนจบฉันมองเธออยู่ว่าเธอเป็นคนผลักจันวิภา เธอ ทำผิด ไม่ใช่ว่าสมควรจะถูกตบหรอกเหรอ? แล้วตอนนี้ยังคิด จะตบกลับอีกเหรอ ฉันเห็นเธอโดนตบ แล้วเธอก็ยังเป็นผู้ หญิงอยู่ฉันก็เลยไม่ลงมือ ทางที่ดีเธอควรขอโทษจันวิภาตีกว่า นะ”
“ขอโทษงั้นเหรอ? แกอยากให้ฉันขอโทษนางสำส่อนนี้เห รอ? ชายชู้อย่างแกนี่ถือว่าเหมาะสมดีนะ หึๆ” ปากของนวาระ พูดไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น พยายามเหมือนจะปาเกลือเข้าที่ แผลในใจของจันวิภา แล้วยังท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของนรา วิชญ์อีก
ทนได้แต่จะไม่ทนแล้ว นราวิชญ์เดินไปข้างหน้า ตบเข้าที่ ใบนห้าของนวาระหนึ่งที่ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาตบผู้หญิง!
นวาระเจ็บปวดเสียจนจนหน้างอขึ้นมาทันที ชี้ไปทางทั้ง สองคนแล้วพูดขึ้น: “จะบอกพวกแกนะ ตอนนี้ฉันเป็นผู้หญิงที่สุ มิตรรักมากที่สุด เป็นเมียของเขาในอนาคต พวกแกสักวันยังไง ต้องโดนสุมิตรลงโทษ ชายโฉดหญิงชั่ว พวกแกหนีไม่รอดแน่”
นวาระอาศัยความหลงมัวเมาของสุมิตร เลยยกฐานะนี้ขึ้น
มาข่ม
นราวิชญ์ไม่ใช่คนที่จะถูกอำนาจมาคุกคามได้ง่าย เขาไม่ สนใจที่จะฟังคำพูดไร้สาระของนวาระต่อไป เดินเข้าไปถีบ นวาระลงบันไดทันที
ขณะที่นวาระกำลังโอดครวญอยู่ ร่างกายของเธอเพิ่งจะ หายเจ็บตัวดี ตอนนี้กลับหกล้มเจ็บไปทั้งตัวอีก แค่จะปีนขึ้น มายังจะปีนไม่ไหวเลย
“จันวิภา พวกเราไปกันเถอะ อยู่ไกลจากนางบ้านี้หน่อยก็ ดี” นราวิชญ์เพียงแค่ชายตามองอย่างเย็นขา แล้วดึงจันวิภา เดินจากไป
นวาระล้มไปที่พื้น พยายามสุดแรงเกาะกำแพงพยุงตัวยืน ขึ้น มองเห็นเงาของจันวิภาและนราวิชญ์ ก็กัดฟันแน่นอย่าง เคียดแค้น
แต่สายตาโกรธแค้นไม่สามารถทำอะไรนราวิชญ์และจัน วิภาทั้งสองคนได้ได้แต่ทำให้ใจของตัวเองกระสับกระส่ายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ในที่สุดนวาระก็ลุกยืนขึ้นมาได้ แต่เพราะขาพลิก จึงยืนได้ ไม่มั่นคง ดวงตาก็มืดลง ล้มลงไปที่พื้น แล้วสลบไปทั้งอย่างงั้น
นราวิชญ์พยุงจันวิภากลับห้องพักไป เขารู้สึกว่าร่างกาย ของจันวิภายังคงสั่นเทาอยู่เล็กน้อย
จันวิภากำลังสั่นอยู่ เธอไม่เคยคิดว่าโลกแห่งความจริงนี้ จะมีคนที่เลวร้ายอย่างนี้อยู่ เธอไม่เคยคิดจะแย่งตำแหน่งนาย หญิงกับนวาระเลย และก็ยังไม่เคยคิดจะลอบทำร้ายเธอเลย แต่ นวาระกลับเจ้าเล่ห์ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเข้ามาทำร้ายเธอ แล้ว ยังคิดจะลอบฆ่าเด็กที่อยู่ในท้องของเธออีก!
นราวิชญ์ทนไม่ไหวกับสภาพของจันวิภาในตอนนี้ จึงหยุด
เดินลง
จันวิภานิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงจะรู้สึกถึงความผิดปกติของนรา
วิชญ์ เลยหยุดก้าวเดินแล้วเอ่ยถามขึ้น: “เป็นอะไรเหรอพี่นรา วิชญ์?” นราวิชญ์จับมือของจันวิภา แล้วพูดอย่างตั้งใจจริง: “จัน
วิภาไปกับฉันเถอะ ถ้าเธอยังอยู่กับสุมิตรล่ะก็ ไม่ถูกสุมิตร
ทำร้ายก็ต้องโดนนางบ้านวาระฆ่าแน่ ไปกับฉันเถอะนะ!”
จันวิภาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง น้ำตาก็ไหลออกมาทั้งอย่างงั้น เธอฝืนยิ้มอย่างเจ็บปวดแล้วพูดขึ้น: “ขอบคุณนะพี่นราวิชญ์ แต่ ต้องขอโทษด้วยฉันตอบรับคำขอของพี่ไม่ได้ ฉันไปไม่ได้….ฉัน ไปไม่ได้..”
นราวิชญ์รั้งจันวิภาที่อยู่ข้างหน้าของตนเองเอาไว้ เขาพูด ขึ้นอย่างอ่อนโยน: “จันวิภา มองตาฉัน เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็น ห่วงเธอขนาดไหน? เธอเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่จะเจ็บปวดไม่ใช่ แค่เด็กและเธอ แล้วยังมีฉันอีกคน ฉันก็เจ็บปวดเหมือนกันเมื่อ เห็นเธอเป็นแบบนี้ ฉันเจ็บไปทั้งตัวและหัวใจแล้วเธอรู้ไหม?”
จันวิภาน้ำตาไหลรินมองที่นัยน์ตาของนราวิชญ์ นัยน์ตาสี ดำคู่นั้น มีเงาของเธอสะท้อนกลับมา มีความเจ็บปวดของเขา ราวกับนัยน์ตาของเขามีเพียงเขาและเธอเท่านั้น และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้
หัวใจของจันวิภาเริ่มเต้นขึ้น จึงรีบเบนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าที่จะมอง เธอปรารถนาให้มีคนมาดีกับเธอ แต่มันไม่ควร ที่จะเป็นเช่นนี้
นราวิชญ์จับหน้าของจันวิภา ให้เธอดูตัวเอง แล้วยิ้มอย่าง เจ็บปวดพูด: “เธอรู้ไหม? จันวิภา ตอนที่เธอถูกนางบ้านั่นผลัก ลงไปฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน? ความรู้สึกนั้น เหมือนกับเสีย ของสำคัญเลย เธอเข้าใจไหม?”
จันวิภาเข้าใจแน่นอน เพราะในตอนนั้นเธอคิดถึงลูกใน ท้องของเธอ ในใจก็เย็นวาบขึ้น ต่อมาจึงรู้สึกอึดอัดใจ
แต่ แล้วมันจะยังไงต่อไปล่ะ?
มะลิวัลย์ชายเธอให้กับสุมิตร ทำให้เธอต้องเป็นภรรยา ของเขา สุมิตรเอาเรื่องของพ่อมาขู่เธอ เธอไม่มีสิทธิ์จะต่อต้าน ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…
ถ้าได้ติดต่อนราวิชญ์เร็วกว่านี้สักไม่กี่ปี หรือ ไม่กี่เดือน ผลลัพธ์มันคงจะแตกต่างกันออกไป..
น่าเสียดาย ตอนนี้คิดมากไปก็ไร้ค่า
จันวิภาหลับตาลง ไม่ยอมที่จะประสานตากับนราวิชญ์เพื่อ ไม่สัมผัสอารมณ์ที่ลึกซึ้งนั้น เธอกลัวจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดใน ใจของเขา แล้วก็กลัวว่าตัวเองยอมรับความจริงไม่ได้แล้วเดิน ไปกับนราวิชญ์
จันวิภาส่ายหน้าอย่างแรงแล้วพูดขึ้น: “ฉันรู้พี่นราวิชญ์ เรื่องทั้งหมดฉันรู้แล้ว แต่ฉันไปกับพี่ไม่ได้ ฉันตั้งใจว่าจะตัดสิน ใจอย่างนี้จริงๆ ไม่ใช่รีบตัดสินใจ พี่เข้าใจฉันเถอะนะ!”
นัยน์ตาของนราวิชญ์เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ราวกับถูก ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาชั้นหนึ่ง ช่วงเวลานี้มีแต่ความโศก
เศร้า
“จันวิภา เธอโง่ โง่จริงๆ..ทำไมต้องทำกับตัวเองแบบนี้ ล่ะ…” นราวิชญ์สบถกับตัวเอง ใจเจ็บปวดสุดขีด
จันวิภาหายใจลึกลึกหนึ่งที ยิ้มแล้วพูด: “ฉันไม่เป็นอะไร หรอก แต่พี่เนี่ย พี่นราวิชญ์ พี่ทำกับนวาระไว้เยอะเลย เดี๋ยวสุ มิตรต้องมารบกวนพี่แน่ พี่รีบกลับไปจะดีกว่านะ!”
นราวิชญ์กังวลใจ ในใจคิดเด็กโง่คนนี้คนถึงแต่คนอื่น หา รู้ไม่ว่าตัวเธอเองนี่แหละที่ได้รับความเจ็บปวดที่สุดใน สถานการณ์ตอนนี้
มองเห็นจันวิภาฝืนยิ้ม นราวิชญ์ยิ่งเจ็บใจกว่าเดิม แล้วก็ ถึงจุดที่ทนไม่ไหว ดึงจันวิภาเข้ามาที่อ้อมอก
จันวิภารู้เพียงว่าในอกของเธอแน่น ทั้งตัวอยู่ในอ้อมอก อันแสนอบอุ่นของนราวิชญ์ ไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดไปได้
นานแล้วนะที่ไม่ได้รับความอบอุ่นแบบนี้ อ้อมกอดของ นราวิชญ์ช่างแตกต่างกับความป่าเถื่อนของสุมิตรอย่างสิ้นเชิง ราวกับแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์วนอยู่รอบกายของจันวิภา ทำให้ใจของเธอสั่นไหวอยู่เล็กน้อย