ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

ตอนที่ 7 ท่าทีของตระกูลเจียง

เจ้าบ่าวสามารถหามาแทนกันได้ แต่เรื่องอื่นๆก็ยังคงต้องเป็นหน้าที่ของตระกูลแซ่ที่ต้องจัดการ

เจียงหยู่ก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร ดังนั้นหลังจากที่ตกลงกับหวาเหวินได้แล้วเขาก็ไปจัดการเรื่องอื่นๆต่อ

เขาสั่งให้คนมารับหวาเหวินกลับไปที่บ้านก่อน

เดิมทีเจียงหยู่ก็ไม่ค่อยได้กลับไปอยู่ที่บ้านบ่อยนัก ส่วนมากเขาจะพักอยู่ที่คอนโดใกล้บริษัท

แต่ที่นั่นก็ไม่ใช่บ้าน คิดไปคิดมายังไงเสียก็ต้องพาภรรยาที่ได้มาอย่างกะทันหันกลับไปที่บ้านก่อน

ในห้องรับรองของโรงแรม

พ่อแม่ของเจียงหยู่จ้องมองลูกชายตัวดีกลับมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

เจียงหยู่ปลดเนกไทลงแล้วยิ้ม

“พ่อ แม่ ยินดีด้วยพวกท่านมีลูกสะใภ้แล้ว”

พูดจบทั้งสองคนต่างตกใจไปตามๆกัน

“เหลวไหล เหลวไหลจริงๆ” เจียงจู่เหวินจ้องไปที่ลูกชายเขาคิดว่าเรื่องนี้มันกะทันหันเกินไปและมันไม่ถูกต้อง

คุณนายเจียงเองก็สีหน้าโกรธไม่แพ้กัน “นี่มันเรื่องอะไรกัน นี่คืองานแต่งของตระกูลแซ่และตระกูลหวา ทำไมบ้านเราถึงถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

“ลูกรู้จักกับหวาเหวินมาก่อนหรือเปล่า”

เจียงจู่เหวินเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง และยังทำงานธุรกิจมานานหลายปี เขารู้สึกว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไปและมันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล

เจียงหยู่นั่งอยู่บนโซฟาเอามือประสานกันไว้ที่ตักมองดูผู้เป็นพ่อแล้วส่ายหัวไปมา

“งั้นวันนี้คือครั้งแรกที่พวกเธอเห็นหน้ากัน” เจียงจู่เหวินถาม

เจียงหยู่พยักหน้า

“เหลวไหลเจอกันครั้งแรกลูกยังไม่รู้จักอะไรเธอเลยก็ตกปากรับคำแต่งงานกับเธอเหลวไหลสิ้นดี เอาแบบนี้แล้วกันยังไงก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ลูกกลับไปอธิบายกับตระกูลแซ่และตระกูลหวาว่าเพื่อปกป้องหน้าตาชื่อเสียงของพวกเขา ลูกไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ลูกผู้ชายจะไม่แย่งคนรักของคนอื่น ให้พวกเราไปจัดการเรื่องของตัวเองเอาเอง”

“ได้ยินไหม ความหมายของแม่ก็เหมือนกับพ่อของลูก รีบถอยออกมา ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไป แม่เห็นในข่าวกำลังพูดถึงกันอยู่ แม่ส่งคนไปติดต่ออธิบายกับนักข่าวแล้ว ตระกูลเจียงของเราไม่เคยมีเรื่องเสียหาย ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่นจนต้องเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย” คุณนายเจียงเห็นด้วยกับสามี

กับนักข่าวก็ดี กับตระกูลแซ่ตระกูลหวาก็ดี ต้องไปอธิบายสักหน่อย

ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาเพียงแต่รักษาหน้าตาของทั้งสองตระกูล แต่เขากับหวาเหวินไม่ได้เป็นอะไรกัน และเขาจะไม่ยอมรับงานแต่งนี้

แต่ เจียงหยู่ไม่ได้คิดแบบนี้

เขาฟังความเห็นของพ่อกับแม่จบ พูดออกมาประโยคเดียวว่า “พ่อแม่ผมจะแต่งกับเธอ พวกเราคุยกันแล้วพรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรส”

คำพูดนี้มีพลังมากพอที่จะทำให้คุณนายเจียงเป็นลมได้

ได้ยินลูกชายพูดออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ไปอธิบายยังจะแต่งงานจริงๆกับหวาเหวินอีก แล้วยังจะไปจดทะเบียนสมรสอีก

คุณนายเจียงรีบลุกขึ้นมาจับมือลูกชายเอาไว้แล้วพูดว่า “เจียงหยู่ลูกอย่าได้พูดเหลวไหล ลูกเป็นใคร งานแต่งจะจัดแบบนี้ได้อย่างไร ลูกรู้ไหมหวาเหวินหนังสือก็ไม่เคยเรียน อยู่กินเจสวดมนต์กับย่ามาตั้งแต่เล็กที่เขาจงชุ่ย เธอคือลูกที่พ่อแม่ไม่รัก อนาคตก็คงไม่ได้รับอะไรจากตระกูลหวาเลย หล่นเป็นเพียงหมากที่พวกเขาเอามาแลกเปลี่ยนเท่านั้น นี่ไม่เท่าไหร่ เธอคือคนที่แซ่จื๋อจ้วนทิ้ง ลูกลองคิดดูว่าแซ่จื๋อจ้วนเป็นคนแบบไหน คนที่ฉลาดแบบนั้นทำไมถึงทิ้งคนรักไปง่ายๆ ก็เพราะไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ไง พูดอีกก็คือ ดูถูกหวาเหวิน คนที่ถูกตระกูลแซ่ดูถูกดูแคลนแบบนี้ ไม่เหมาะสมกับลูกชายแม่หรอก”

เจียงหยู่มีทั้งอำนาจบารมี พูดง่ายๆคืออยู่ใต้คนๆเดียวแต่อยู่สูงกว่าคนเป็นหมื่นคน เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเจียง

คนที่สูงส่งแบบนี้ จะมาแต่งงานกับคนที่ถูกทิ้งอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท