ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 101

ตอนที่ 101

ตอนที่ 101 สวนมหาลัยที่ครึกครื้น

หวาเหวินพยักหน้า “อื้อ ฉันชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์”

“ฮ่าฮ่า วิชาประวัติศาสตร์น่าเบื่อจะตายไป ฉันจะบอกเธอให้นะ…..อาจารย์ของพวกเรามีแต่คนแก่ๆทั้งนั้น ใช้ปากเดียวพูดกับคนเป็นร้อยได้อย่างสบายๆ น่าเบื่อจะตายชัก……คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเธอจะมาเรียนที่นี่ทำไม ไปเรียนภาควิชาปรัชญาไม่ดีกว่าเหรอ? เป็นนักวิชาการก็ได้ ไม่ก็สาขาบัญชี มีแต่หนุ่มหล่อสาวสวยทั้งนั้น……ชั้นเรามีแต่ไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์”

เมื่อพูดแบบนี้ หวาเหวินกลับหัวเราะออกมา จากนั้นก็ก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร

เด็กผู้หญิงอ้วนที่มีชื่อว่าซุนจิ้งคนนั้นได้มองมาทางเด็กใหม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม

จากนั้นก็เธอมา “เข้าเรียนแล้วยังจะใส่หมวก แถมยังปล่อยผมสยายอีกด้วย ดูไม่เหมือนกับนักศึกษาเลยสักนิด ทำแบบนี้ไม่ดีรู้ป่ะ? ไม่เคารพอาจารย์……..”

หวาเหวินเงียบไปราว ๆ สองสามวินาที……

ก่อนจะตัดสินใจถอดหมวกออกโดยไม่พูดอะไร

จากนั้นก็มัดผมไปด้านหลัง…..

สุดท้าย ทุกคนในห้องต่างก็ตะลึงงันไปในทันที…….

หน้าตาระดับนี้…….พวกเขาต่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

เดิมทีพวกเขาต่างคิดว่าที่เธอสวมทั้งหมวกและปล่อยผมให้สยายแบบนี้ ก็เพื่อปกปิดรอยแผลเป็นหรือรอยตำหนิที่มีมาตั้งแต่กำเนิดโดยที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นก็ได้?

หรือไม่ก็น่าเกลียดขั้นสุดอะไรแบบนั้น?

ใครจะไปรู้ว่าเป็นนางฟ้าที่น่าตกตะลึงขนาดนี้

“แบบนี้ได้ไหม?” หวาเหวินกวาดตามองไปทางผู้หญิงอ้วนคนนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย

“เธอ….เธอน่าจะไปเรียนสาขาวิชาร้องเพลงไม่ก็สาขาภาพยนตร์นะ ไม่น่ามาเรียนที่นี่กับพวกเราเลย…..”

ซุนจิ้งคนนั้นก็ตกตึงในความสวยของหวาเหวินไม่แพ้กัน และพูดในสิ่งที่ทุกคนอยากจะพูดออกมา

ความสวยแบบนี้ ไม่น่ามาเรียนวิชาประวัติศาสตร์เลย เสียดายของที่มีเปล่าๆ

แต่……

หวาเหวินกลับตอบไปว่า “ทุกคนมีความปรารถนาในตัวเอง ฉันชอบสาขาวิชาประวัติศาสตร์ มีปัญหาไหม?”

“ไม่…..ไม่มี” ซุนจิ้งที่เทียบเท่าออร่าของหวาเหวินไม่ได้คนนั้น ก็พูดตะกุกตะกักกลับไปยังที่นั่งของตัวเองทันที

หลังจากนั้น ไม่ว่าจะเรียนวิชาอะไร เหล่าผู้ชายก็มักจะชอบมองไปทางเทพธิดาที่นั่งอยู่หลังห้องสุดคนนั้นเสมอๆ

ขนาดเด็กผู้หญิงก็อดที่จะหันกลับมามองหลายครั้งไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะเธอสวยดั่งเทพธิดาจริง ๆ

ดูเหมือนว่าสาขาวิชาประวัติศาสตร์ในหลายสิบปีมานี้จะไม่ค่อยมีนักศึกษาหญิงที่โดดเด่นแบบนี้มาก่อน ดังนั้นไม่นานข่าวเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนนักศึกษาชายที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองต่างก็เริ่มทยอยกันมามุงดูภาควิชาประวัติศาสตร์……..

สุดท้ายก็พัฒนาการไปเป็นกลุ่มแฟนคลับไปโดยปริยาย

ในขณะที่หวาเหวินกำลังนั่งฟังเพลงไปพลาง อ่านหนังสือไปพลางนั้น

ตรงระเบียงทางเดินด้านนอก ก็เริ่มแออัดเบียดเสียดไปด้วยผู้คน ทั้งหมดล้วนเป็นนักศึกษาจากสาขาอื่นที่ต้องการมาดูสาวสวยที่มีเชื่อเสียงคนนั้น

เพื่อขัดขวางการแอบถ่าย หวาเหวินจึงหยิบหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนึ่งขึ้นมาปิดหน้า

ผลลัพธ์เหมือนยิ่งปิดก็ยิ่งแอบถ่ายมากขึ้น…….

ภายในสนามบาส

บรรดาผู้ชายที่กำลังเล่นบาทกว่า 10 คน เหงื่อชุ่มไปทั่วตัวราวกับฝนตก

หลังจากจบครึ่งแรก ทุกคนก็มานั่งพักกันในสนามบาส

ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าคงจะมีแต่พวกเราภายในมหาลัยละมั้งที่ไม่ไปมุงดูสาวสวยประจำสาขาประวัติศาสตร์เนี่ย”

“ไปสาขาประวัติศาสตร์ทำไม?” หยวนซ่าวอึ้งงันไป

หยวนซ่าว อายุ 23 ปี เป็นนักศึกษาสาขาบัญชีปีสาม เป็นเดือนมหาลัย

เพราะหน้าตาโดยรวมละม้ายคล้ายคลึงกับอู๋ อี้ฝานและหลี่ อี้เฟิง บวกกับฝีมือการเล่นบาสที่เก่งกาจ ดังนั้นจึงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆนับพัน

จนกระทั่งมีแมวมองอยากให้เขามาเซ็นสัญญา รับประกันว่าต้องได้เงินเป็นกอรปเป็นกำหลังจากเปิดตัวอย่างแน่นอน

“ชิ นายไม่มีทางไม่รู้อย่างแน่นอนป่ะ? ว่ามีเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์เข้ามาเรียนในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ว่ากันว่าผู้หญิงคนนั้น…..สวยมากเลยทีเดียว ……. เป็นคนพูดน้อย นิสัยนิ่งๆ ไม่มีเพื่อน มักจะไปไหนมาไหนคนเดียว เหมือนกับเซียวเหล่งนึ่งที่ส่งตรงมาจากสำนักสุสานโบราณเลย เมื่อมีข่าวกระจายออกไป คนที่ไปมุงดูเธอก็มีจำนวนมากขึ้นดั่งภูเขาดั่งมหาสมุทรเลยทีเดียว จนทำให้ระเบียงทางเดินสาขาวิชาประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยคนเบียดเสียดกัน มีแต่พวกเราที่เล่นบาสอยู่ที่นี่เท่านั้นที่ยังไม่ไปดู ว่าแต่ …..เราไม่ดูกันหน่อยไหม?”

หยวนซ่าวดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง ก่อนส่ายหน้า “ไม่สน”

“หน้าสวยระดับเทพ นายไม่อยากเห็นเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นยังคงถามต่อ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท