ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 261

ตอนที่ 261

ตอนที่ 261 น้ำใจของมนุษย์

หลังจากที่หวาหรุงถูกตอกกลับไปเธอก็ไม่กล้าขึ้นพูดอะไรออกมาอีกเลย ถึงอย่างไรเจียงหยู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย และเธอก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ภายนอกเอามาก ๆ และชอบประจบสอพลอคนที่มีฐานะร่ำรวยกว่าอยู่เสมอ

“ไอหยา น้องห้าเข้าใจฉันผิดแล้ว ยังไม่เข้าใจนิสัยของฉันอีกเหรอ? ฉันจะไม่เป็นห่วงน้องสี่ได้ยังไงกันละ ฉันบอกพูดว่า ถ้า…. ถ้าเป็นมะเร็งขึ้นมาจริง ๆ ความหวังที่จะช่วยให้มีชีวิตรอดต่อไปก็มีไม่เยอะมากนัก ฉันก็แค่สมมุติเท่านั้น เธออย่าเพิ่งร้อนใจสิ”

หวาเหวินชำเลืองตามองไปทางพี่รอง โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ

“เอาละ ทุกคนต่างก็เป็นห่วงอาสี่กันทั้งนั้น…..ในเมื่อยอมที่จะให้เจาะหน้าท้อง ก็ทำเถอะ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจัดการเอง พวกเธอไม่ต้องเกี่ยงกัน พ่อกับแม่ยังพอมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อย อีกอย่างไม่สบายก็ต้องรักษา ถ้าเป็นมะเร็งจริง ๆ เราก็ปล่อยไปไม่ได้ พาเธอไปรักษาที่อเมริกาต่อไป ต่อให้เป็นเพียงโอกาสสุดท้ายพ่อก็จะทำ”

คำพูดของหวาเจิ้นเยว่ทำให้ทุกคนอบอุ่นใจอย่างมาก คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องทำเช่นนี้กันทั้งนั้น

คุณนายของตระกูลหวานั้นเป็นห่วงหวาฟ้านเอามาก ๆ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนเลี้ยงดูลูกคนนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต จึงย่อมอดห่วงลูกสาวไม่ได้ แล้วยิ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเองอีก

เรื่องเงินเป็นหน้าที่ของคุณชายใหญ่ ส่วนเรื่องการดูแล ตอนนี้คนของหวาเหวินเป็นคนดูแลอยู่ ซึ่งดูแลชั่วคราวเท่านั้น

ทุกคนเองก็ไม่มีกระจิตกระใจจะกินข้าวต่อ หลังจากที่ปรึกษาหารือกันแล้วทุกคนก็แยกย้ายกัน

ระหว่างทางกลับบ้าน หวาเหวินรู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย

เจียงหยู่ขับรถมือเดียว ส่วนมืออีกข้างได้ยื่นออกไปแตะไหล่ของหวาเหวิน และตบเบาๆ เพื่อแสดงการปลอบใจ

“อย่ากังวลใจเลย ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกแย่ แต่เธอยังมีฉันอยู่นะ ฉันพร้อมจะเผชิญหน้ากับเธอ”

หวาเหวินยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “ฉันแค่รู้สึกตลก มีเงินตั้งมากตั้งมายจะไปมีประโยชน์อะไร? บ้านที่ไม่ใช่บ้าน ครอบครัวที่ไม่ใช่ครอบครัว เมื่อกี้นายเห็นหวาหรุงพูดไหม น่ารังเกียจสิ้นดี”

“หวาหรุงก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันมักจะเคยได้ยินข่าวมา ดูเหมือนว่าเหล่าหุ้นส่วนต่างก็ไม่พอใจเธอเป็นจำนวนมาก หล่อนแตกต่างจากคนอื่น”

เจียงหยู่เป็นที่มีสติปัญญาดี เวลาปลอบใจคนอื่นจึงไม่พูดอะไรที่มันไร้สาระมากเกินไป แต่มักจะพูดถึงประเด็นหลักโดยตรง

เมื่อถูกเขาปลอบใจ หวาเหวินจึงค่อย ๆ คลายกังวลลงเล็กน้อย และไม่ได้แสดงความโกรธใด ๆ ออกมาอีก

“เจียงหยู่นายเชื่อไหม ว่าถ้าวันนี้คนที่ป่วยคือฉัน พ่อจะไม่มีทางออกเงินค่ารักษาให้ฉันอย่างแน่นอน” หวาเหวินเยาะเย้ยตัวเอง

“ไม่หรอก เธอเองก็เป็นคนในครอบครัว เขาต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”

“ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันเหรอ? ตอนฉันเกิด ฉันมีน้องชายฝาแฝดอีกคนหนึ่ง แต่ด้วยความที่ร่างกายของเขาไม่แข็งแรง จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ฉันเป็นคนเดียวที่รอด ผลสุดท้ายฉันกลับกลายเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทำให้น้องชายเพียงคนเดียวของตระกูลหวาต้องตาย พวกเขาก็เลยทำตัวเหินห่างกับฉันราวกับงูพิษ ถ้าฉันป่วย ก็คงจะขอให้ฉันตายไว ๆ พวกเขาจะได้ฮุบทรัพย์สมบัติที่คุณย่าให้ไว้กับฉัน แต่ไม่ได้เอามารักษาฉันหรอกนะ แต่คงจะพาหนีหายไปเลย”

“พวกเขาไม่ทำแต่ฉันทำ” เจียงหยู่พูด

หวาเหวินก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร

“เหวินเหวิน ตอนนี้สถานะของเธอไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลหวาอีกต่อไปแล้วนะ คนภายนอกจะเห็นว่าเธอเป็นสะใภ้ของตระกูลเจียง ดังนั้น……อย่าพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก ถ้าเธอมีเรื่องอะไร ฉันเจียงหยู่จะเป็นคนแรกที่ปกป้องเธอ”

หวาเหวินไม่ตอบอะไร บางทีในเวลานี้เจียงหยู่อาจจะพูดจริงก็ได้ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนที่มีจิตใจงดงามที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก

แต่หลังจาก 20 ปี 30 ปีละ? ความสวยหมดสิ้นเหลือแต่ความเหี่ยวย่น เขาจะยังเป็นแบบนี้อยู่ไหม? ไม่มีใครรู้?

หลังจากกลับมาถึงเฟิงหวาหลี่แล้ว หวาเหวินก็ได้งีบหลับเล็กน้อย ส่วนเจียงหยู่ก็ขับรถกลับบริษัท

เมื่อหวาเหวินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว ซึ่งเธอถูกปลุกด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์

สายที่โทรเข้ามาคือแซ่จื๋อจ้วน หลังจากที่ความสัมพันธ์ค่อย ๆ ดีขึ้นในครั้งนั้น หวาเหวินก็นำหมายเลขโทรศัพท์ของเขาออกมาจากการติดแบล็คลิสต์ทันที

“หวาเหวิน ฉันมารายงานความคืบหน้า ฉันได้รับข่าวคราวของน้องสาวฉันแล้ว คำทำนายของเธอเป็นความจริง คนของฉินชุงเจี้ยนเจอเบาะแสบางอย่างของน้องสาวแล้ว”

แซ่จื๋อจ้วนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เหมือนกับเด็ก หวาเหวินทำได้แค่ฟังอยู่เงียบๆ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท