บทที่ 24 : ฟินิกส์ที่ปีกหักยังเทียบไก่ไม่ติด
“ไอ้เผย แกดื่มอะไร” กู้หลี่เหลียงยกขวดเหล้าขึ้นมาขวดหนึ่ง
เผยลี่เชินเอ่ยเบา ๆ นั่งลงบนโซฟา “วิสกี้”
เทเหล้าให้เผยลี่เชินแล้ว กู้หลี่เหลียงกันไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณไป๋ คุณหละ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร เผยลี่เชินที่อยู่ข้าง ๆ ตัดสินใจแทนเธอ “น้ำผลไม้”
กู้หลี่เหลียงทำเสียง “หึ” อย่างตั้งใจในลำคอ แล้วสั่งให้บริกรเสิร์ฟน้ำผลไม้มาหนึ่งแก้ว
แค่รายละเอียดเล็ก ๆ จุดหนึ่งก็สามารถทำให้เห็นถึงการดูแลใส่ใจของผู้ชาย คนอื่นที่อยู่ในโต๊ะต่างซุบซิบไป๋เสว่เอ๋อร์
ผู้หญิงสองคนในนั้น เป็นเพื่อนที่เคยเที่ยวเล่นกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทกัน แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังพอจำได้ ตอนนี้ผู้หญิงสองคนนั้นกำลังรวมหัวกันคุยอะไรบางอย่าง
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ยิน แต่ก็คงจะไม่พ้นประเด็นล้มละลายของตระกูลไป๋สินะ
บริกรนำน้ำผลไม้วางไว้ด้านหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอพูดด้วยความมีมารยาท “ขอบคุณค่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เห็นหญิงสาวกระโปรงแดงกำลังจ้องมาที่เธอ
ไป๋เสว่เอ๋อขยับสายตาหนี แต่สักพักเธอพบว่าหญิงสาวคนนั้นมองเธออีกแล้ว
ทำไมเหรอ บนหน้าเธอมีดอกไม้หรือยังไงกัน
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังเหม่อ อยู่ ๆ รู้สึกได้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ขยับเข้ามาหาเธอ
เธอเงยหน้าขึ้น สายตาชนกับแววตาดำเงาของเผยลี่เชิน ภายในแววตานั้นสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่มีมากกว่าปกติ “คืนพรุ่งนี้อยากทานอะไร เดี๋ยวผมจองร้านอาหารล่วงหน้า”
เสียงของเขาไม่ดังและไม่เบา แต่คนที่อยู่รอบ ๆ สามารถได้ยิน ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว รู้สึกงุนงง
ทำไมจู่ ๆ เผยลี่เชินถึงถามเธอว่าพรุ่งนี้อยากกินอะไร แถมน้ำเสียงยังดูมีซัมติง ลำพังเธอมากับเผยลี่เชินก็จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่แล้ว พอเขาพูดแบบนี้ ยิ่งทำให้คนพวกนั้นมองมาด้วยสายตาสงสัยเข้าไปอีก
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังสับสนไม่รู้ว่าจะตอบไปว่ายังไงดี อยู่ดี ๆ เหมือนมีมือจิกเบา ๆ ตรงเอวเธออย่างตั้งใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไปมองเห็นหญิงในเดรสแดงจ้องมองพวกเขาสองคนอย่างตาไม่
กะพริบ หน้าเล็ก ๆ ของเธอบูดเบี้ยวจนไม่เป็นทรง เธอพึ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง…
หรือว่า…เผยลี่เชินกำลังแสดงละครอยู่?
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดปากพูดด้วยความไม่เต็มใจ “คุณตัดสินใจเลยค่ะ”
เผยลี่เชินตอบรับสั้น ๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
สักพัก กู้หลี่เหลียงลากคุณชายเมิ่งและเรียกเผยลี่เชินไปคุยกันด้านนอกอย่างลำพัง ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนโซฟา มองแก้วในมือที่สวยงามด้วยความสนใจ
ผู้หญิงสองคนที่รู้จักกับไป๋เสว่เอ๋อร์คนหนึ่งชื่อฟางเสี่ยวเสี่ยว อีกคนชื่อเฉินม่าน ทั้งสองเห็นเผยลี่เชินลุกไปก็อดไม่ที่จะมองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดด้วยท่าทางเย้ยหยัน “คุณหนูไป๋ ใช้ได้นี่นา”
“ตระกูลไป๋พึ่งจะล้มละลาย เธอก็เกาะคุณชายตระกูลเผยซะแล้ว เก่งจริง ๆ”
ทั้งสองคนสลับกันพูดคนละประโยค ภายในคำพูดเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เม้มปากแน่น สายตามองต่ำ ไม่ได้ต่อกลอนกับพวกหล่อน
เขามากันเยอะ เธอคนเดียวคงสู้เขาไม่ได้ อีกอย่างเรื่องที่ตระกูลไป๋ล้มละลายเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องที่เธอปรากฏตัวมาพร้อมเผยลี่เชินก็คือเรื่องจริงอีก เธอเองก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ ก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้คบกับคุณชายที่สองของตระกูลเผยหรอ ทำไมอยู่ ๆ เปลี่ยนเป้าหมายหละ”
“ก็ใช่หนะสิ คนในวงการเราใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอคบกับเผยอี้ จู่ ๆ เธอหันมาเกาะเผยลี่เชินในพริบตา เมื่อก่อนก็มองไม่รู้เลยว่าเธอเก่งขนาดนี้”
ผู้หญิงสองคนยิ่งพูดยิ่งติดลม ทำให้ผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ หัวเราะคิกคัก
ฟางเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดไม่จา รู้สึกไม่ค่อยสนุก จึงหันไปทางหญิงเดรสแดง “หย่าหาน เถ้าแก่ตระกูลเผยแกอยากจะจับคู่เธอกับเผยลี่เชินไม่ใช่หรอ ตอนนี้อยู่ ๆ มีนางไป๋เสว่เอ๋อร์โผล่มา เธอก็ไม่แคร์หรอ”
ถึงแม้ฟางเสี่ยวเสี่ยวจะพูดไม่คิดแถมไม่กลัวมีเรื่องกับใครอีก แต่พอนางพูดแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้สีหน้าเหอหย่าหานสีหน้าดูแย่เข้าไปอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินถึงจะเข้าใจว่าทำไมเหอหย่าหานถึงมองเธอด้วยสายตาพิฆาตเช่นนั้น ที่แท้เธอมีความสัมพันธ์กับเผยลี่เชินแบบนี้นี่เอง
เถ้าแก่เผยอยากจับคู่ให้เหอหย่าหานกับเผยลี่เชิน และแล้วเผยลี่เชินพาเธอมาเปิดตัว แถมยังจู๋จี๋ต่อหน้าต่อตา ถือว่าเล่นละครให้เหอหย่าหานดูชัด ๆ
ถ้าเป็นเช่นนี้ เผยลี่เชินใช้เธอเป็นเครื่องมือหนะสิ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจหายแว้บ มีความน้อยใจบางอย่างไหลไปทั่วกาย
จู่ ๆ เหอหย่าหานที่นั่งอยู่ตรงข้ามไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปาก “ผู้หญิงแบบไหนที่คู่ควรแก่ลี่เชิน เถ้าแก่เผยรู้อยู่แก่ใจ พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
ดูผิวเผินเหอหย่าหานพูดกับฟางเสี่ยวเสี่ยว แต่ตามความเป็นจริง ที่เธอพูดออกมานั้นเหยียดหยามไป๋เสว่เอ๋อร์จนไม่เหลือค่าใด ๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้า มองไปทางเหอหย่าหาน และเขาก็กำลังมองมาที่เธอ ทั้งสองสบตาประชันกัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึก ๆ ไม่ตึงเครียดเหมือนเหอหย่าหาน เธอกลับยิ้ม ๆ ให้กับฝั่งตรงข้าม ขณะที่ผู้หญิงตรงข้ามแสดงสีหน้าสงสัย เธอขยับสายตาหนี
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้เธอจะมีเรื่องด้วยไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างความเดือดร้อนใด ๆ ถึงแม้เผยลี่เชินจะสามารถช่วยเธอได้ก็ตาม แต่เธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับเขาเยอะ
แต่การที่เธอไม่อยากมีเรื่องกับใครไม่ได้แปลว่าไม่มีคนจะมาเรื่องเธอ
ฟางเสี่ยวเสี่ยวเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดสักคำ เลยลุกขึ้นไปนั่งลงข้าง ๆ เธอ
เธอหยิบเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วครึ่งหนึ่ง ยื่นให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ “เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันมานาน ดื่มด้วยกันหน่อยมั้ย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากปฏิเสธ “ขอโทษนะ ฉันไม่ดื่ม”
ฟางเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะออกมา “ไม่ดื่มงั้นหรอ ฉันจำได้ว่าตอนงานวันเกิดของเผยอี้ เธอก็คอแข็งดีหนิ”
เฉินม่านที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะแทรกเข้ามา “นั่นมันต่อหน้าคุณชายที่สองของตระกูลเผยไง คาดว่าเผยลี่เชินชอบแนวเรียบร้อยใส ๆ ก็เลยเปลี่ยนโหมดแหละมั้ง”
เธอพูดจบ ผู้ชายคนอื่นในโต๊ะหัวเราะตาม
ฟางเสี่ยวเสี่ยวดื่มไปค่อนข้างเยอะ เริ่มมีความกล้าขึ้น เธอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีความคิดที่จะรับแก้วเหล้า เลยยัดแก้วใส่มือเธอ
ไป ๆ มา ๆ เหล้ากระเด็นออกมาจากแก้ว กระเด็นใส่เสื้อผ้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอเปลี่ยนสีหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟางเสี่ยวเสี่ยว ฉันบอกว่าฉันไม่ดื่มไงหละ”
ถึงแม้เธอพยายามเตือนใจตัวเองให้ทำตัวอ่อนน้อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้คนอื่นเหยียบบนหัวได้
ฟางเสี่ยวเสี่ยวเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มขึ้นเสียงตัวเองก็ชักสีหน้าทันที เธอสาดเหล้าที่อยู่ในมือไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “จะหยิ่งอะไรนักหนา แกยังคิดว่าแกเป็นคุณหนูตระกูลไป๋หรือไง ไม่เคยได้ยินหรอฟินิกส์ที่ปีกหักยังเทียบกับไก่ไม่ติดเลย หึ”
คนที่อยู่รอบตัวมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียว ไป๋เสว่เอ๋อร์แค่รู้สึกแก้มของเธอร้อนแผ่ว ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอกัดปากและกำมือแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งตรงไปทางบันได
จู่ ๆ กล้ามอกที่แข็งแรงขวางหน้าเธอไว้ วินาทีต่อไปอ้อมแขนที่อบอุ่นดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เธอเงยหน้าขึ้น มองเห็นหน้าด้านข้างที่เต็มไปด้วยความจริงจังของเผยลี่เชิน เขากำลังมองไปทางฟางเสี่ยวเสี่ยว น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ใครเป็นฟินิกส์ ใครเป็นไก่หรอ?”