บทที่ 30: ทำความผิดมหันต์
สวี่เยว่หรูยืนอยู่ข้าง ๆ เผยลี่เชิน เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังสวมกอดบอกลากับหนุ่มต่างชาติทั้งสูงทั้งหล่อสองคน แอบเบ้ปากเบา ๆ
“อ้างทำงานยั่วผู้ชาย…”
เผยลี่เชินได้ยิน เมินหน้าไปด้านข้าง พูดเบา ๆ “กลับบริษัท”
พวกเขาเองก็กินข้าวกับลูกค้าที่นี่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้เจอไป๋เสว่เอ๋อร์กับตัวแทนเยอรมันที่นี่
รายการเยอรมันนี่เขาไม่ได้แตะ ก็เลยไม่มีเหตุผลที่เขาต้องไปทักทายพวกเขา ข้อความที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งมาเขาอ่านแล้ว ส่วนฟางหรงเทียนส่งข้อความก่อนหน้านั้น เขาก็รับทราบ
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือไป๋เสว่เอ๋อร์มีความสามารถมากกว่าที่คิด เป็นทั้งเลขาของเขาแต่ยังสามารถไปเป็นล่ามช่วยแก้สถานการณ์อีก
ก่อนหน้านั้น เขาดูถูกเธอเกินไปสินะ…
…….
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมาที่บริษัท แต่พึ่งกลับมาออฟฟิศได้ไม่นาน จู่ ๆ สวี่เยว่หรูเข้ามาหา
“อุ๊ย ล่ามไป๋ของเรากลับมาแล้วหนิ”
สวี่เยว่หรูมาด้วยท่าทางแปลก ๆ ความประชดประชันมาเต็ม ไป๋เสว่เอ๋อร์มองหน้าเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า “ล่ามไป๋อะไรหละ เลขาสวี่เธอแกล้งฉันอีกแล้วนะ”
“แกล้งหรอ ฉันจะไปกล้าแกล้งเธอได้ไง เป็นได้ทั้งล่ามเบอร์หนึ่งของรองประธานฟาง แถมยังยั่วหนุ่มเยอรมันได้สบายใจ สิทธิพิเศษแบบนี้ไม่ใช่ใคร ๆ ก็ได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังจัดของอยู่ชะงักกลางคัน เงยหน้ามองสวี่เยว่หรู แต่ยังคงยิ้มอยู่ “เลขาสวี่อย่าพูดมั่วนะ ฉันแค่งานเฉย ๆ หน่า”
สวี่เยว่หรูชักสีหน้า “ฉันและประธานเผยเห็นหน้าประตูโรงแรมหมดแล้ว เธอยังไม่ยอมรับหรอยะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร
สวี่เยว่หรูบอกว่าเธอกับเผยลี่เชินเห็นเธอหน้าประตูโรงแรม หรือว่าจะเป็นจังหวะที่ Rolf กอดเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งตัวได้กำลังจะเอ่ยปาก สวี่เยว่หรูกลอกตาขึ้นบนแล้วพูดว่า “นกสองหัว”
เธอทิ้งท้ายคำนี้แล้วเดินออกจากประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ
Rolf กอดเธอแค่แสดงความขอบคุณเฉย ๆ ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนที่สวี่เยว่หรูพูด ยังไงเขาก็เป็นหัวหน้าเธอ เขาให้เธอไปเป็นล่ามนี่ก็ขออนุญาตเผยลี่เชิน เธอเองก็ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธ
แต่สุดท้ายเธอกลับเสียทั้งแรงแถมยังไม่ได้การยอมรับอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์อดทนเอาไว้ แต่เธอไม่คิดเลยว่าโชคร้ายจะเยือนเร็วขนาดนี้
เพิ่งจะเริ่มเข้าช่วงทำงานช่วงบ่าย อันโหรวต่อสายตรงโทรมา “เลขาไป๋ รีบมาออฟฟิศรองประธานฟางด่วนที่สุด”
อันโหรวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ไม่มีความอ่อนโยนตอนโทรมาตอนเช้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจกับน้ำเสียงนั้น ยังไม่ทันได้ถามถึงสาเหตุฝ่ายตรงข้ามก็วางสายไปแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ไม่นิ่ง รีบลุกขึ้นพุ่งตัวไปออฟฟิศของฟางหรงเทียน
ประตูห้องเปิดอ้างไว้ เสียงฟางหรงเทียนสนั่นลั่นก้องอยู่ข้างในห้อง “คุณเอาของสำคัญขนาดนั้นให้เธอได้ไง เธอพึ่งจะมาบริษัทไม่กี่วันเอง อันโหรวเอ้ยอันโหรว สมงสมองไม่ได้เอามาหรือไง”
เสียงด่าที่ออกมาจากห้องทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจมาก เธอมีลางสังหรณ์บางอย่าง ค่อย ๆ เดินช้าลง
ตอนที่เธอเดินมาที่หน้าประตู เห็นฟางหรงเทียนที่กำลังเกรี้ยวกราดและอันโหรวที่ก้มหน้าโค้งตัวหันหลังให้ประตู
พอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ ฟางหรงเทียนเงียบทันที จ้องเขม็นมาทางเธอเหมือนแทบจะกระชากคอเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปข้างหน้า มือเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ “ทำไมหรอคะรองประธานฟาง”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก” ฟางหรงเทียนโกรธจนตาแดงก่ำ ความโกรธแค้นพุ่งใส่เธอเข้าอย่างไม่หยุด
ไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ก้มหน้าขมวดคิ้ว ในสมองทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มจนไปถึงห้องประชุม ไปจนถึงทานเข้าร่วมกับตัวแทนเยอรมัน เธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีการผิดพลาดอะไร
นอกจากว่า….จะเป็นเอกสารที่เธอให้กับ Rolf โดยถือวิสาสะ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งนึกขึ้นได้ทันที หันไปมองอันโหรวรอบกายด้วยสีหน้ากังวล ถามด้วยเสียงต่ำ “เลขาฟาง หรือจะเป็นเพราะเอกสารนั้น”
อันโหรวท่าทางเงอะงะ พยักหน้าเบา ๆ “นั่นเป็นราคาตีตลาดสุดท้ายของผลิตภัณฑ์สมบูรณ์ของเรา ตามหลักแล้ว ถ้าเขาอยากจะดูใบกำหนดราคา เรามักจะเปลี่ยนแปลงตัวเลข กดราคาให้เขาดู เพื่อให้ราคาชิ้นส่วนในราคาต่ำสุด แต่คุณเอาราคาที่เรากำหนดจริง ๆ ให้เขาดู เขาจะรู้ว่าส่วนต่างกำไรของเราได้เท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมให้ราคาพิเศษเราอีก”
หมายความว่าเธอเปิดไพ่ใบสุดท้ายของตัวเองให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ ถ้าเป็นอย่างงี้ ฝั่งตรงข้ามจะไม่ยอมลดราคา หมายความว่าการเจรจามาทั้งวันนี้ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดปากแน่น รู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์ ก้มหัวลง พูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “รองประธานฟาง หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ควรเอาใบกำหนดราคา”
“ขอโทษ?” ฟางเรงเทียนเดินมาข้างหน้า ด้วยความดุดัน “คุณรู้มั้ยแค่คำว่าขอโทษของคุณ ทำให้หุ้นบริษัทต้องตกไปกี่จุดไม่รู้ ไป๋เสว่เอ๋อร์เธอรับผิดชอบได้หรอ”
เธอรับผิดไม่ได้ การกระทำเล็ก ๆ ของเธอ ทำให้ความพยายามของฟางหรงเทียนปลิวไปตามสายลม หันหลังให้กับกำไรที่บริษัทกำลังจะได้ เธอจะรับผิดชอบได้อย่างไร
“ขอโทษค่ะ…” ทุก ๆ คำพูดดูไร้ความหมายไปหมด สุดท้ายแล้วมีเพียงสามคำนี้ที่ออกจากปากได้
ฟางหรงเทียนพูดต่อ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ในเมื่อคุณทำผิดภายใต้ผม ก็ต้องทำตามวิธีจัดการของผม อันโหรว ไปจัดการซะ ส่วนจะจัดการแบบไหน ต้องรอให้ตัวแทนจากเยอรมันเสนอราคาสุดท้ายอีกที”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าทั้งหน้าแดงก่ำ เธอเดินต่อจากอันโหรวด้วยความกังวลใจ
เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอแน่นอน เธอควรจะโทรถามอันโหรว หรือไม่ควรเอาเอกสารให้ Rolf ตอนนั้น เธออาจจะไม่ยืนอยู่ในจุดนี้ก็ได้
อันโหรวพาเธอไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำโรงอาหารพนักงาน เอ่ยปากเบา ๆ “เลขาไป๋ ก่อนหน้านั้นรองประธานฟางกำหนดกฎว่าถ้ากระทำความผิดที่ค่อนข้างหนัก ก็ต้องทำความสะอาดห้องน้ำโรงอาหารพนักงาน นอกจากเวลางานปกติ นอกจากนั้นถ้าเขาไม่ได้สั่งก็ห้ามหยุด”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปทางอันโหรวด้วยท่าทางรู้สึกผิด “ฉันรู้แล้ว ขอโทษนะเลขาอัน ครั้งนี้เลยต้องลากเธอลงมาด้วย”
อันโหรวยิ้มให้เธอ ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่น ชี้ไปทางห้องเครื่องมือ หันหลังเดินจากไป
การลงโทษของฟางหรงเทียนโหดร้ายจริง ๆ ให้เธอทำความสะอาดห้องน้ำในที่ที่คนเยอะที่สุด ถือว่าเป็นการเหยียดหยามอย่างมาก
เผยลี่เชินยืนอยู่หน้าทางเข้าโรงอาหาร มองผู้หญิงเข้าไปในห้องน้ำ ขมวดคิ้วเป็นกอง
เมื่อตอนกลางวันเขายังรู้สึกว่าตัวเองดูถูกผู้หญิงคนนี้ พอดูอีกที เขาประเมินเธอสูงไปหน่อย…