ตอนที่ 49: มีคุณอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่กลัว
“ผมขี้แพ้งั้นหรอ” ลู่ชิงอวี่เหมือนได้ยินเรื่องตลกทั้งโมโหทั้งหัวเราะ หักข้อของทั้งสองมือดังก๊อกแก๊ก
เผยลี่เชินขวางไว้หน้าไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างแนบเนียน มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความเยือกเย็น “คุณชายลู่ อย่าทำให้สถานการณ์มันดูแย่ไปกว่านี้เลยครับ ไม่งั้นทุกคนจะดูไม่ดีไปหมดนะครับ”
ลู่ชิงอวี่ยิ้มยะเยือก ความสุขุมและเป็นมิตรในตอนแรกหายไปในพริบตา เผยธาตุแท้ที่ก้าวร้าวเกรี้ยวกราดออกมา “เผยลี่เชิน แกคิดว่าวันนี้แกหลงตัวมาที่นี่ยังจะกลับไปดี ๆ ได้อยู่เหรอ ผู้หญิงก็เอา ที่ดินก็อยากได้ นี่ไม่โลภไปหน่อยหรอวะ”
เผยลี่เชินหัวเราะแห้ง ๆ “ดูเหมือนว่าผมจะประเมินในตัวคุณชายลู่สูงไปหน่อย คิดว่าคุณเป็นลูกผู้ชายที่ศรัทธาในคำพูดซะอีก แต่จะว่าไปผมจะคิดไปเองสินะ”
ลู่ชิงอวี่โดนเขาพูดแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะลั่น “มาลูกผู้ชงผู้ชายอะไรไม่สนใจเว้ย พูดกันตรง ๆ เลยนะ ที่ดินนั่นแกไม่มีทางได้ไปแน่ ส่วนนางนี่แกก็ต้องเอาไปไม่ได้ด้วย”
ลู่ชิงอวี่พูดเสร็จ โบกมือเรียกลูกสมุนร่างยักษ์สองสามคน แล้วคัวเองเดินก้าวไปข้าง ๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นท่าทางเริ่มจะผิดเพี้ยนไป ความหนาวปกคลุมทั่วร่าง ลูกสมุนได้รับคำสั่งแล้วรีบยื่นมือมาทางเธอ ไป๋เสว่เอ่อร์หลบตัวไปข้าง ๆ ต่อมาเผยลี่เชินก้าวมาด้านหน้าแล้วโอบไหล่เธอไว้
ไป๋เสว่เอ๋อร์โดนผู้ชายโอบไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว หลับตาลงด้วยความตกใจ วินาทีต่อไปเสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้นบนหัวเธอ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความลนลาน เห็นเผยลี่เชินกำลังกำข้อมือของลูกสมุนไว้แน่น
เธอยังไม่ทันตั้งสติได้ ก็รู้สึกได้ว่าเผยลี่เชินผลักเธอออกไป เธอถอยหลังไปหลายก้าว เพิ่งจะทรงตัวได้ก็เห็นเขายกขาขึ้นถีบท้องลูกสมุนด้วยความแรง
ท่าทางที่ทรงพลัง แค่มองยังรู้สึกเจ็บแทน การตั้งท่าที่สุดจะเป๊ะเช่นนี้แน่นอนว่าเคยเรียนวิชาการต่อสู้มาก่อน
ตามมาติด ๆ เผยลี่เชินยกมือขึ้นและถอยไปด้านหลังครึ่งก้าว ลูกสมุนเอนตัวไปด้านหน้าแล้วเขารีบยกขาขึ้น ถีบเข้าที่ข้อโค้งของลูกสมุนด้วยความไว
ลูกสมุนขาอ่อนแรงล้มลงบนพื้น เผยลี่เชินใช้สองมือจับหัวของเขาไว้ แล้วมองไปทางคนอื่นถามขึ้นว่า “จะมาอีกมั้ย”
ข้อต่อของมือเขาเริ่มจะขาวซีด กล้ามเนื้อบนหลังแขนปูดขึ้นเป็นเส้น ๆ แสดงให้เห็นถึงพลังภายในตัวเขาพร้อมที่จะระเบิดออกมา แค่เพียงเขาออกแรงอีกนิดก็จะสามารถทำให้ลูกสมุนคอหักทันที
ทุกคนในห้องต่างตะลึงอยู่กับที่ ลู่ชิงอวี่มองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ ไม่พูดไม่จาอยู่นาน
เขาสามารถจัดการกับหนุ่มฉกรรจ์ตัวใหญ่ยักษ์ด้วยตัวเอง จะนับภาษาอะไรกับคนอื่น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่เยื้องเผยลี่เชิน มองไปทางผู้ชายคนนี้หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ในเวลานี้เธอลืมตัวไปว่าเธอยังคงอยู่ในถ้ำเสือ แต่ในสายตามีเพียงผู้ชายคนนี้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งฮอร์โมน
“ลู่ชิงอวี่ ถ้าพูดกันดี ๆ ไม่ได้ ผมไม่มายด์ที่จะใช้วิธีอื่น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในเมืองหนานไห่ก็ตาม แต่ถ้าตราบใดที่มือของเผยซื่ออยากคว้าเอาไว้ ก็ไม่มีคำว่าสายไป”
เขาผลักลูกสมุนไปข้าง ๆ ด้วยความแรง ยกขาถอยไปครึ่งก้าว น้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “พวกเรายอมใช้ทุกวิถีทางที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ถ้าคุณต้องการจะทำแบบนี้ ผมเผยลี่เชินยอมเล่นด้วยจนถึงสุดท้าย”
ก่อนหน้านั้นพวกเขามีข้อจำกัดเพราะอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ไม่อยากให้เรื่องมาถึงสถานการณ์ที่แย่เช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมง่าย ๆ อย่างไร้เหตุผล
เผยลี่เชินหันหน้าไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลัง ยื่นมือไปทางเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ “มานี่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจหายวูบ ยื่นมือไปวางไว้บนมือเขาทันที
ขณะที่โดนมือใหญ่แสนจะอบอุ่นห่อหุ้มเอาไว้ ความหวาดระแวงและกังวลหายไปในพริบตา
เผยลี่เชินดึงเธอมาไว้ข้างกายเบา ๆ หันไปมองลู่ชิงอวี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คุณชายลู่ มีโอกาสเจอกันใหม่ครับ”
สิ้นประโยค เขาหันหลังอย่างเด็ดขาด โอบไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วมุ่งหน้าไปทางหน้าประตู บริกรที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบหลบทางให้พวกเขา
ห้องวีไอพีที่วุ่นวายเสียงดังถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน สายตาทุกคนมองไปพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถ้ามีคนถามไป๋เสว่เอ๋อร์ว่าสิ่งที่บ้าบอที่สุดชีวิตคืออะไร เรื่องที่ผ่านมาไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาคงจะเป็นคำตอบของเธอโดยไม่ต้องสังสัย ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิต
เมื่อขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน ลมเย็นข้างนอกทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น เผยลี่เชินปล่อยตัวเธอ รัศมีแห่งความเย็นชากระจายไปทั่วตัวเขา เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนขับรถเจิงหงให้มารับพวกเขา
สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ราวกับความฝัน แต่ ณ ตอนนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้นึกย้อนกลับไป เธอที่อยู่ในชุดเดรสปาดไหล่สั่นไปทั้งตัวด้วยลมหนาวที่โชยมา
เผยลี่เชินคุยโทรศัพท์เสร็จหันหน้ามาก็เห็นผู้หญิงที่กำลังโอบสองแขนเอาไว้ด้วยความหนาว เขาขมวดคิ้วขึ้นและถอดเสื้อสูทด้านนอกออก โยนให้เธออย่างไม่ปรานี
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นมีของโยนมาทางเธอ รีบรับไว้ตามสัญชาตญาณ เธอตั้งใจดูเพิ่งจะเห็นว่าเป็นเสื้อสูทของผู้ชาย ชะงักไปชั่ววูบแล้วมองไปทางเผยลี่เชิน
เห็นเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวที่ทำให้เห็นรูปร่างของเขาได้อย่างชัดเจน จากเส้นโค้งเว้านั้นก็สามารถรู้ได้ว่ากล้ามเนื้อเป็นมัดใต้ร่มผ้าหนาแน่นขนาดไหน
ถึงว่าเขาสามารถจัดการหนุ่มร่างใหญ่ด้วยตัวคนเดียวอย่างง่ายดาย
เมื่อเผยลี่เชินมองมาทางเธอ เธอถึงตั้งสติได้ ความแดงอมชมพูแพร่กระจายไปใบหน้า
เธอรีบสวมเสื้อสูทไว้บนตัว เสื้อใหญ่มากจนชายเสื้อสามารถคลุมสะโพกเธอมิด บนเสื้อยังมีไออุ่นของเขาที่หลงเหลืออยู่ เธอจับเสื้อไว้แน่น ค่อยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย
เผยลี่เชินเห็นผู้หญิงยื่นมือเล็ก ๆ ไปปัดความยับตรงชายเสื้อ หัวคิ้วเริ่มคลายออกหน่อย แววตาเริ่มกลับสู่ปกติ
ปฏิกิริยาของเธอเกิดความคาดหมายของเขา เพราะเพิ่งจะออกมาจากที่แบบนั้นไม่กี่นาที แต่เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้น ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหละก็ป่านนี้งอแงร้องขอกลับบ้านนานแล้ว
ไม่นานเจิงหงขับรถมา เผยลี่เชินก้าวขาขึ้นรถและไป๋เสว่เอ๋อร์รีบตามขึ้นไป
“กลับโรงแรม”
เผยลี่เชินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ รถเพิ่งจะสตาร์ท เขาหันหน้ามองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ ยักคิ้วถามว่า “ไม่กลัวหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ว่าอยู่แก่ใจว่าเขาจะถามอะไร เธอชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ เธอแอบประมวลคิดอยู่ในใจ ลังเลว่าจะถามหรือไม่
เผยลี่เชินเหมือนเห็นความกังวลทั้งหมดของเธอ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วหยุดสายตาไว้บนหน้าเธอ เอ่ยเบา ๆ “พูด”
ไป๋เสว่เอ๋อร์แอบกำมือแน่น หลบสายตาเขา “…..มีคุณอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รู้สึกกลัว”
เสียงของผู้หญิงไม่ดังมากนัก แต่ราวกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่โยนลงไปกลางน้ำ ผิวน้ำที่นิ่งสงบเป็นระลอกคลื่นทันที หัวใจของเผยลี่เชินไหวสะท้านความรู้สึกที่โถมทะลักเข้ามา มีความรู้สึกชั่ววูบอยากจะดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เขาโน้มตัวเอนไปทางเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์โดนบีบเข้ามุม เงยหน้าสบตาเขาพอดี เผยลี่เชินรู้สึกความร้อนวูบถาโถมเข้ามา
ความจริงแล้วสถานการณ์หวุดหวิดเช่นนี้เขาเจอมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงอยู่ข้างกายเขา เชื่อใจเขา พึ่งพาเขา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก เขาเห็นสายตาเร่าร้อนที่แผ่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอเองก็มีรู้สึกพลุ่กพล่านเช่นกัน
ขณะที่บรรยากาศดุเดือดจนถึงขีดสุด โทรศัพท์ของเผยลี่เชินดังขึ้นมา….