สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 1-5

ตอนที่ 1-5

บทที่1 กองเสื้อระเกะระกะ
  ในเดือนตุลาคม ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง อากาศหนาวเสียจนความรู้สึกเหมือนกัดเข้ากระดูก
  ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังค่อยๆขับรถอย่างช้าๆตรงเข้าสู่คอนโดสุดหรูในใจกลางเมืองไห่เฉิง
  ที่นี้เป็นคอนโดขอเผยอี้ แฟนเก่าของเธอ
  ตอนนี้บริษัทของตระกูลไป๋กำลังเกิดวิกฤตทางการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน เป็นผลให้ช่วงหลังมานี่แม่ของเธอสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ
  ตอนนี้เธอต้องการเงิน และเธอก็ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้วเธอก็ไม่คิดไม่ออกแล้วว่ามีใครจะพอช่วยเธอได้บ้าง
  ไม่ปล่อยให้จมกับความคิดได้นาน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ต้องรีบตั้งสติกลับมาสู่ความเป็นจริง มือเล็กผลักประตูตรงหน้าและเดินเข้าไปทันที
  อากาศที่โถงทางเดินทั้งอับชื้นและหนาวเหน็บ แต่ภายในห้องกลับรู้สึกอุ่นเสียจนร้อน พื้นห้องเต็มไปด้วยเสื้อผ้ากองระเกะระกะถอดไม่เป็นที่ ทั้งชุดสูทของผู้ชาย รวมไปถึงเสื้อผ้า…ของผู้หญิง
  เสียงครวญครางของหญิงสาวดังจากห้องนอนมาให้ได้ยินในเวลานี้ “คุณชายอี้ คุณทำฉันเจ็บ….”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์สาวเท้าเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือเปิดเข้าไปเผชิญสิ่งที่อยู่ภายในนั้น
  “อ๊ะ… ใครน่ะ!” หญิงสาวบนเตียงเป็นคนแรกที่หันมาตะโกนลั่นอย่างตกใจ มือไม้รีบคว้าหมับผ้านวมข้างตัวมาปิดหน้าอกเปลือยเปล่า
  ช่วงเวลาสำคัญถูกตัดฉับเพราะคนมาใหม่ เผยอี้ถอนหายใจอย่างขัดใจก่อนสีหน้าทะมึนทึงจะเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเมื่อมองไปเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้าประตู “เธอมาได้ยังไง?”
  มองร่างทั้งสองที่เปลือยส่วนบน แม้ไป๋เสว่เอ๋อร์จะรู้สึกสะอิดสะเอียนแต่ก็ฝืนแสร้งระบายยิ้มออกมา “เผยอี้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอนิดหน่อย พอจะมีเวลาว่างไหม?”
  “มีเรื่องจะคุยกับฉัน?”
  เผยอี้ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “คิดไม่ถึงจริงๆว่า คุณหนูไป๋ผู้สูงส่งจะมาหาผมด้วยตัวเอง วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆสินะ”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิกหลังมือตัวเอง เพื่อให้คงสีหน้าท่าทางสงบนิ่งไว้ “เผยอี้ ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณจริงๆ ฉันต้องการยืมเงินคุณสักก้อน อย่างน้อยก็นึกถึงความสัมพันธ์แต่ก่อนของเรา ฉันสัญญาว่าฉันจะคืน…”
  “ความสัมพันธ์แต่ก่อนงั้นเหรอ?”
  เผยอี้หัวเราะลั่นกับเรื่องตลกที่เขาพึ่งได้ยินผ่านหูเมื่อครู่ “คุณหนูไป๋ผู้สูงส่ง นี่คุณความจำเสื่อมไปแล้วเหรอ?แต่ก่อนใครกันนะที่บอกเลิกผมแถมยังพูดอีกด้วยว่าชาตินี้อย่าได้ติดต่อกันอีก ตอนนี้ทำไมถึงโผล่มายืมเงินผมเสียได้? งั้นถ้าผมให้คุณยืมเงิน แล้วคุณจะหาอะไรมาคืนผมงั้นเหรอ? ”
  “ตัวเธอ หรือบริษัทของตระกูลไป๋ที่กำลังล่มจมนั่นล่ะ?”
  “เผยอี้…”
  “พอเถอะ!”
  เผยอี้ตัดบทสนทนา “ตอนนี้ผมยุ่งมาก คุณจะออกไปจากตรงนี้ด้วยตัวเอง หรือถ้าจะเข้ามาร่วมแจมด้วยผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร เปิดประสบการณ์ใหม่พอดี”
  ศักศรีดิ์ที่มีถูกทำลายเสียป่นปี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์มองคนสองคนตรงหน้าสลับไปมา เธอรู้ตัวว่าต่อให้ตอนนี้ยังพล่ามต่อไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายการเลือกที่จะหันกลับออกไปก็เป็นตัวเลือกที่เธอตัดสินใจทำ
  ริมฝีปากบางเม้มแน่นแม้มันจะสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาทอดมองยาวตามถนนที่จราจรยังคงหนาแน่น
  ในเวลาเดียวกัน Maybach สีดำขลับก็ค่อยๆขับมาจอดเทียบท่า
  “คุณชายครับคุณผู้หญิงด้านหน้าดูเหมือนจะเป็นคุณหนูตระกูลไป๋ แฟนของคุณชายรอง”
  “เธอเหรอ?”
  ชายหนุ่มที่กำลังจัดการกับเอกสารอยู่ที่เบาะหลังค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สายตามองตรงไปยังร่างยิ่งสาวที่อยู่ท่ามกลางสายฝนตามคำบอกเล่าที่ดูจะบอบบางกว่าเดิมเมื่อสายฝนทำผมลู่แนบกับใบหน้าซีดเซียวนั่น
  แต่ก่อนเด็กผู้หญิงคนนี้ช่างเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งปราดเปรื่องเสียเหลือล้น แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นดูน่าสงสารเสียเต็มประดาเสียอย่างนั้น
  ดูเหมือนเธอกำลังรวบรวมความกล้าอย่างไงอย่างงั้น ก่อนจะก้าวเข้าไปในการจราจรที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนั่น
  เสียงเบรคดังลั่นแข่งกับเสียงฝนจนแสบแก้วหู
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจเสียจนเผลอล้มลงไปนั่งบนพื้นเย็นเฉียบนั่น
  แน่นอนว่าคนขับรถ Maybach ก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดเขาไม่คิดว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะวิ่งพรวดพราดลงมาบนถนนแบบนี้
  ที่ปัดน้ำฝนยังคงขยับไปมา “ซัว… ซัว” คนขับรถยังคงตกอยู่ในสถานการณ์ช็อค “คุณชายครับ… คุณหนู คุณหนูไป๋…” ชายด้านหลังขมวดคิ้วมุ่น แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ตัดสินใจเปิดประตูรีบลงจากรถไป
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนพื้นถนน ไฟหน้ารถที่ถูกเคลือบด้วยน้ำฝนยังคงส่องตรงมายังตัวเธอแน่นิ่งราวกับกำลังประจานสถานการณ์ยากลำบากที่เธอกำลังประสบอยู่ให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ไม่นานร่มสีดำคันใหญ่ก็ถูกมือปริศนานำมาใช้บังหยาดน้ำฝนไม่ให้กระทบตัวเธอ
  ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปสักพัก ทันทีที่เห็นรองเท้าหนังสีมันขลับกระทบลงกับแอ่งน้ำฝนที่เลอะโคลน มองตามกันขึ้นมาก็พบขาเรียวยาวของชายคนหนึ่ง ก่อนจะมองตามขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
  ก่อนที่เธอจะพบกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย

บทที่2 ฉันขอยกตัวฉันให้คุณ
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ตาแดงก่ำสภาพตอนนี้ราวกับคนที่ไร้วิญญาณมือเย็นเฉียบราวกับคนที่ตายไปแล้วเอื้อมออกมาคว้าหมับเข้ากับกางเกงแสลครีดเรียบเข้ากับชุดสูทอย่างดีนั่น “ช่วยฉันด้วย…”
  เผยลี่เชินมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนน้ำเสียงเย็นเยียบจะเอ่ยตอบกลับไป “นึกไม่ถึงว่าคุณหนูไป๋ผู้สูงส่ง ผู้ที่แข็งแกร่งปราดเปรื่อง จะมานั่งคุกเข่าขอร้องคนอื่นเป็นด้วย”
  เสียงประตูที่ถูกผลักเปิดออกทางด้านหลังตามมาด้วยคนขับรถที่รีบเดินตรงหรี่เข้ามาหา “คุณชายครับ ตรงนี้จอดรถไม่ได้”เผยลี่เชินไม่ได้สนใจ
  ถนนตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงแตรรถรวมไปถึงเสียงก่นด่าของผู้ขับขี่
  ไป๋เสว่เอ๋อร์จับมือที่แสนเย็นเยียบนั่น เสียงพูดแหบแห้งจนราวกับเสียงกระซิบ “คุณไม่จำเป็นต้องเยาะเย้ยฉัน ถ้าคุณช่วยตระกูลไป๋ คุณอยากจะได้อะไรฉันยอมทุกอย่าง เพราะถ้าคุณไม่ช่วยฉันล่ะก็ ตระกูลไป๋ก็คง…”
  หากแต่คำพูดที่จะทำให้เขารีบๆไป ทำไมกลับไม่สามารถเค้นเสียงออกมาได้
  แต่เธอหมดหนทางแล้วจริงๆ แม้แต่ศักดิ์ศรีที่เธอเคยมีก็มลายหายไปสิ้นแล้ว
  เผยลี่เชินหลุดยิ้มมุมปาก ก่อนจะถอดเสื้อสูทโยนส่งๆไปยังร่างหญิงสาวตรงหน้า
  คนบนพื้นยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ จนเจ้าของร่างสูงลงมานั่งยองๆพร้อมนัยน์ตาคมลึกที่ฉายแววราวกับคลื่นทะเลที่กำลังโหมกระหน่ำ “ไหนลองว่ามาสิ ข้อเสนอของเธอน่ะ”
  เขา… ความหมายของเขาคือยอมช่วยเธอแล้วใช่ไหม?
  ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาจ้องมองชายตรงหน้านิ่ง แต่อีกคนกลับไม่มีเวลาล้อเล่นใดๆทั้งสิ้น
  “ฉัน… ฉันขอยกตัวฉันให้คุณ”
  อยู่ๆเผยลี่เชินก็หวนรำลึกไปถึงเมื่อครั้งเจอไป๋เสว่เอ๋อร์ครั้งแรกในงานเลี้ยง เธอคนนี้ทั้งหยิ่งยโส ทั้งยังเอาแต่ใจตัวเองเสียยิ่งกว่าอะไร ความรู้สึกตอนนั้นเขาแค่รู้สึกว่าเธอช่างแตกต่าง คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะมาคบกับเผยอี้ได้… แม้นัยน์ตาจะเผลอมองลึกลงไป แต่ก็ทำเพียงเอ่ยน้ำเสียงเรียบ “ขึ้นรถ”
  หลังจากที่ขึ้นไปนั่งเบาะหลัง เธออดไม่ได้ที่จะลอบมองอีกคนที่นั่งถัดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา “วันนี้ขอบคุณมากนะ”
  เผยลี่เชินเพียงแค่เอนตัวแนบลงไปกับเบาะ “ได้ประโยชน์ทั้งคู่ต่างหาก”
  ได้ประโยชน์ทั้งคู่งั้นเหรอ? ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าไม่ใช่แบบนั้นนะ
  เผยซื่อแท้จริงแล้วเป็นเพียงลูกนอกสมรสของคนตระกูลเผย แต่สิ่งที่อีกคนถูกยอมรับให้เป็นในสายตาคนอื่นก็คือเขาเป็นลูกชายคนโตที่ชอบธรรมของตระกูล ซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวของหนึ่งในยักษ์ใหญ่ทางการค้าที่ดีที่สุดในไห่เฉิง
  ผู้หญิงที่ต้องการมีความสัมพันธ์กับเขาสามารถเปรียบได้ว่าต่อแถวจากตะวันตกไปถึงทางตะวันออกของเมือง แต่ผู้คนกลับไม่เคยได้ยินสิ่งที่เขาจัดการกับผู้หญิงเหล่านั้น
  แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้…
  ความเงียบเกิดขึ้นได้ไม่นาน รถก็เข้ามาจอดเทียบท่าตรงหน้าคฤหาสน์แสนใหญ่ทรงสไตล์ยุโรป
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆลงมาจากรถหลังจากที่รถหยุดจอด อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ฝ่ามือเหงื่อออกอย่างห้ามไม่อยู่
  ร่างสูงสังเกตท่าทางนั่น และดูเหมือนเขาจะรับรู้ความไม่แน่ใจของเธอ “อยากกลับคำแล้วเหรอ?”
  ร่างบางสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนสายตาจะเปลี่ยนเป็นแน่วแน่แสดงออกชัด “ไม่ ฉันไม่มีทางกลับคำพูด”
  ฝนด้านนอกยังคงกระหน่ำตกลงมาไม่หยุด ไป๋เสว่เอ๋อร์ศีรษะก้มหงุด มือบี้จิกแน่นที่ตามมุมเสื้อที่ตนใส่ก่อนจะเดินตามอีกคนขึ้นไปชั้นสอง
  ร่างสูงที่เดินนำมาหยุดกึกกะทันหัน จนคนเดินตามชนเข้าให้กับหลังกว้าง
  เผยลี่เชินมองอีกคนที่เตี้ยกว่าเขาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ไปอาบน้ำ… ฉันไม่ชอบผู้หญิงสกปรก”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำอย่างง่ายๆไม่ได้พิถีพิถันมากนะ และใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมา
  ในตอนนี้ร่างสูงยืนนิ่งอยู่หน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานพร้อมด้วยแก้วไวน์กำลังดื่มด่ำดูคืนที่ไม่มีที่สิ้นสุดของข้างนอก คนที่พึ่งออกมาไม่ได้พูดอะไรคนตัวเล็กก็เลือกที่จะพาตัวเองออกไปหาอีกคน มือเล็กเอื้อมไปคว้าแก้วไวน์ทรงสูงอีกแก้วที่อยู่ในมือของร่างสูงมาไว้ในมือตัวเอง
  เผยลี่เชินจ้องมาสังเกตท่าทางของอีกคนอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ฝ่ามือที่ค่อยๆยกขึ้นมาปัดผ่านผมสวยให้ทัดเกี่ยวหูเมื่อมันมาเกะกะแถวกระดูกไหปลาร้า ก่อนจะไล่สายตามองตามผิวสวยไล่ลงมาเรื่อยๆ
  “คุณหนูไป๋ ความจริงคุณมีทุนที่ทำให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวคุณอย่างไม่มีข้อแม้เลย” เผยลี่เชินก้มลงเป่าลมหายใจร้อยเอ่ยเสียงแหบแห้งแต่กลับมาเสน่ห์แต่แผ่วเบาที่ใบหูผู้สนทนา
  หญิงสาวคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นบุพการี ไวน์แสนหอมหวานถูกเติมอีกครั้งก่อนไป๋เสว่เอ๋อร์จะพาตัวเองเขยิบเข้าไปพร้อมทั้งปลายเท้าที่เขย่งขึ้นเพื่อยื่นใบหน้าไปมอบจุมพิตให้กับชายที่อยู่ตรงหน้า
  ต่างฝ่ายต่างจมลงไปในห้วงลึกของค่ำคืนที่หยาดฝนหล่นทั่วฟ้า นอกจากวิวด้านนอกทั้งห้องก็แปรเปลี่ยนเป็นทิว
  ทัศน์ที่สวยงาม

บทที่3 ถูกนักข่าวแอบถ่ายภาพ
  ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างทั่ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกตัวเสียแล้ว
  ผู้ชายด้านข้างยังคงหลับไม่รู้สึกตัว ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปมองเพียงเล็กน้อย… คนที่ไม่ได้สติในตอนนี้ช่างไม่เหมือนคนแสนเย็นชาเมื่อตอนกลางวันเลยสักนิด
  เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อคืน เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องมันเข้ามาเยอะเกินกว่าที่เธอจะแบกรับไว้ ทำให้เหตุผลที่เคยมีถูกอารมณ์กลบจนเสียหมด
  ตอนนี้ไล่กวาดสายตามองดูทั่วห้องที่เละไม่เป็นท่าก็อดที่จะรู้สึกใจสั่นๆไม่ได้
  ถอนสายตากลับมาที่เดิม ก่อนที่เธอจะค่อยๆหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างเงียบๆ
  ตั้งใจมองนิ่งที่คนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ตัดสินใจหันร่างทั้งร่างเดินออกไป
  ทันทีที่ประตูถูกงับปิดลง คนที่เอนตัวหลับอยู่บนเตียงก็ลืมตาตื่นขึ้น สายตาที่เผลอไปมองเห็นรอยแดงบนเตียงก็ทำให้ดวงตาหนาหนักอึ้ง
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ทันทีที่ออกมาจากคฤหาสน์ได้ก็รีบเรียกแท็กซี่กลับออกไป
  คนเป็นแม่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สีหน้าตอนนี้ก็ดูไม่ดีนักสภาพตอนนี้เหมือนคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน
  “เสว่เอ๋อร์ หนูไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน เรื่องที่ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง?”
  ช่วงระยะเวลานี้สิ่งที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กลัวที่สุดก็คือคำพูดนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถว่าคุณแม่ของเธอได้ แม่ของเธอก่อนที่จะแต่งงานกับพ่อแทบไม่เคยที่จะต้องทำอะไรเอง มาจนถึงวันนี้ที่ตระกูลไป๋กำลังจะล่มสลาย เป็นใครก็คงรับไม่ได้
  ร่างบางดึงสติกลับมา ควบคุมอารมณ์และยิ้มตอบกลับอีกคนไป “ไม่ต้องห่วงนะคะแม่ หนูมีลู่ทางแล้ว”
  “จริงเหรอลูก?” คุณแม่ไป๋แสดงสีหน้าประหลาดใจ ดวงตาที่เคยอ่อนแรงทอแววเป็นประกาย “เผยอี้รับปากว่าจะช่วยแล้วใช่ไหม?” “เปล่าค่ะแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย”
  “ไม่ใช่เผยอี้หรอกเหรอ? งั้นทางออกที่ลูกว่าคืออะไร? เสว่เอ๋อร์เมื่อคืนลูกไม่ได้ไปอยู่กับเขามาเหรอ รอยที่คอของลูกมัน…”
  คนที่ถูกทักเรื่องรอยจูบมากมายที่ลำคอใจสั่นแทบจะหลุดออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเฉไฉถามเรื่องอื่นขึ้นมาแทน “เมื่อคืนแม่ไม่ได้นอนเลยใช่ไหมคะ? เรื่องพวกนี้ปล่อยหนูเป็นคนจัดการเอง แม่รีบไปพักเถอะค่ะ หนูกินข้าวเช้าเสร็จยังต้องเข้าบริษัทอีก ไว้หนูกลับมาเราค่อยมาคุยกัน”
  “แม่…”
  แม้จะอยากถามให้ชัดเจนแต่ใบหน้าที่ซีดลงไปอย่างถนัดตาของลูกสาวก็ทำให้เธอไม่ได้ถามออกไปทำ คนอายุมากกว่าได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมา “งั้นก็ตามนั้น ลูกขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะไป”
  “โอเคค่ะแม่”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวเท้าขึ้นบันไดได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมอง แม่ของเธอยังคงยื่นนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน อาการนิ่งเงียบอย่างคนไร้สติทำให้เธอต้องเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง “แม่อย่าพึ่งกังวลไปเลยนะคะ ถ้าหากบริษัทจะล้มละลายจริงๆก็ใช่ว่าเราจะไม่เหลืออะไรเลย”
  “แม่รู้ ลูกขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่ไปเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับก่อนจะกลับไปยังห้องของตัวเอง ร่างบางเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดตัวเองเสียหมดจด ก่อนจะกลับมานอนมองเพดานอย่างเหม่อลอย
  คิดไปถึงเผยลี่เชินที่เมื่อคืนจมเตียงไปด้วยกัน การเรียกร้องอย่างบ้าคลั่งนั่น
ทำเอาร่างเธอเผลอสั่นไปชั่วครู่
  การทำให้คนอย่างเผยลี่เชินสนใจ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีหรือไม่ เธอรู้แต่ว่าตอนนี้มันหมดหนทางไปหมดคงเหลือแต่แค่เพียงวิธีนี้ เพราะว่าถูกสัมผัสมาทั้งคืนสุดท้ายก็ทนความเหนื่อยอ่อนที่สั่งสมมาไม่ไหว ไป๋เสว่อเอ๋อร์คิดอะไรต่อได้ไม่นานก็จมลงสู่นิทราไป
  เผลอหลับไปเสียจนตื่นอีกทีก็บ่ายเสียแล้ว เลขาของเธอต้องโทรหาเธอถึงสองสายเพื่อที่จะปลุกเธอออกจากฝันได้
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  “ท่านประธานคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ!”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ราวกับหัวใจถูกบีบรัดแน่น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือฝั่งนู้นมีเรื่องเกิดขึ้นกับพ่อฉัน? ”
  “ไม่ใช่ค่ะ…”
  คนที่ขึ้นชื่อว่าเลขาลังเลไปสักพัก ก่อนสุดท้ายจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ค คือ…คือว่ามีคนแอบถ่ายประธานไป๋แล้วเอารูปไปลงในเน็ตค่ะ”
  สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปก่อนจะหยิบโน๊ตบุ้คมาเปิด มันเป็นรูปเมื่อคืนตอนที่เธอออกมาจากห้องของเผยอี้ ตอนที่ตากฝนที่ถูกแอบถ่ายนั่นเอง
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกั้นอารมณ์โกรธของเธอในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนเธอจะถูกเผยอี้บีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่การที่ข่าวออกมาแบบนี้ก็เหมือนกับกล่าวให้ทุกคนได้รับรู้ว่าตระกูลเผยไม่ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือกับเธอ ในที่สุดตระกูลไป๋ก็เสียคู่ค้ากลุ่มสุดท้ายไปจนได้
  ตระกูลที่โดนทิ้งอย่างโดดเดี่ยวกำลังจะล้มละลาย ใครหน้าไหนจะบ้ามาช่วยกันล่ะ? การขอกู้ยืมธนาคารแน่นอนว่าเรื่องฉาวแบบนี้ก็คงถูกปฏิเสธ
  ข่าวนี้เธอขอคอนเฟิร์มเลยว่าต้องเกี่ยวข้องกับเผยอี้แน่ๆ เธอมั่นใจว่าเขาไม่มีทางไม่รู้
  เรื่องนี้แน่นอนว่ายังนำความเสียหายในชื่อเสียงมาให้ตระกูลเผยแน่ เพราะถ้าหากไม่มีการยอมรับจากตระกูลเผย ข่าวบ้าพวกนี้ไม่มีทางที่จะอยู่ในการค้นหายอดนิยมมาในระยะเวลานานพอดูแบบนี้
  หรือถ้าจะให้พูดให้ถูก ตั้งแต่ที่เผยลี่เชินวางมือ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญก็เป็นได้

บทที่4 ไปหาเผยลี่เชิน
  “ประธานไป๋ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ นักข่าวเรียงสายโทรเข้ามาจนสายจะระเบิดอยู่แล้ว”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์คิ้วขมวดพันกันยุ่ง เสียงที่เอ่ยตอบออกมาแทบจะไม่ได้ยินก่อนจะโยนแท็บเล็ตทิ้งไปข้างตัว “ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว เธอก็ไปจัดการติดต่อกับสื่อที่สนิทกับเราให้ระงับข่าวนี้ไปก่อน โดยเฉพาะพวกบริษัทการตลาดที่มีสื่อในอินเทอร์เน็ต…”
  “แต่ท่านประธาน… คือบริษัท… บริษัทไม่รู้จะเอาเงินจากตรงไหนแล้วนี่สิคะ”
  เสียงสั่นๆของเลขาทำเอาไป๋เสว่อเอ๋อร์หน้าสั่นราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด
  บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหดหู่โดยฉับพลัน เธอนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะเปิดปากออกมาอีกครั้งนึง “งั้นตอนนี้เธอช่วยฉันหาวิธีติดต่อเลขาของเผยลี่เซินที บอกเขาแค่ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับประธานเผย จัดการจองห้องอาหารไว้ด้วย”
  “ท่านประธานเผยเหรอคะ?” เลขาส้งเค้นเสียงอย่างยากลำบาก “ประธานไป๋… เรื่องของคุณกับคุณชายรองของตระกูลเผยพึ่งจะถูกนักข่าวตีข่าวใส่วันนี้ แล้วตอนนี้เรายังจะติดต่อประธานเผยแบบนี้มันจะดีเหรอคะ?”
  ไม่ต้องบอกไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้ว่าเลขาของเธอกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน ตอนนี้ถ้าเปรียบเผยลี่เซินเป็นการพนัน ต่อให้โอกาสมีเพียงแค่หนึ่งในพันเธอก็พร้อมลงพนันนั่นล่ะ
  “ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่ไปทำตามที่ฉันบอกนั่นแหละ”
  “เข้าใจแล้วค่ะ” เลขาส้งตอบกลับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยทิ้งท้ายไว้ “ห้างสรรพสินค้าก็เหมือนสนามรบ ตระกูลเผยที่รักษาชื่อเสียงของตนให้คงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็มีวิธีจัดการของพวกเขา การที่พวกเราจะเอาเนื้อออกมาจากปากของสัตว์ร้ายแน่นอนว่ามันเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องง่าย”
  “ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้”
  ว่าจบก็จัดการวางสาย ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย ผ่านไปไม่รู้กี่สิบนาที โทรศัพท์ได้รับข้อความจากเลขาตัวเองว่าจัดการนัดเวลากับเผยซื่อเรียบร้อย ให้เธอออกไปอีกทีตอนสี่โมงเย็น
  ไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนชุดเป็นชุดที่สง่างามกว่าเดิม เปลี่ยนกลับไปสู่อดีตอันรุ่งโรจน์สมกับเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป๋ ตั้งแต่เครื่องแต่งหน้าจนถึงเครื่องประดับ มองตั้งแต่หัวจรดเท้ายังไม่เห็นข้อบกพร่องจากผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด
  ไม่นานก็มาถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทเผยซื่อ เลขาของเผยลี่เซินเหมือนมารอเธอที่ทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว “คุณหนูไป๋ ประธานเผยตอนนี้ติดประชุมอยู่ ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง อย่างไรรบกวนรอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มเติมติดต่อดิฉันได้ตลอดเลย ”
  “โอเค รบกวนด้วยนะ”
  เลขาของเผยลี่เซินหาน้ำชามาให้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ขออะไรเพิ่มเติมก็ขอตัวออกไป
  ……
  ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงในที่สุดประตูห้องรับแขกก็ถูกเปิดขึ้น
  ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดีหน่อยที่เป็นเผยลี่เชินเดินใกล้เข้ามา
  ทันทีที่สบตากับนัยน์ตาสีเข้มนั่น ร่างบางก็ขยับอย่างอยู่ไม่สุขเพียงชั่วครู่
  เผยลี่เซินหัวเราะเบาๆก่อนจะนั่งลงบนโซฟาด้านข้าง “ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณหนูไป๋จะจากไปแบบไม่ร่ำลา และหลังจากนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วเสียอีก”
  คนถูกกล่าวถึงเผลอหน้าแดงเมื่อคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน ไป๋เสว่อเอ๋อร์มองเฉไฉออกไปอย่างเกร็งๆก่อนจะรีบๆเอ่ยธุระของเธอออกมา เพราะเธอก็ไม่ได้อยากจะถ่วงเวลาสาวความยืดให้มากความ “ประธานเผย ฉันต้องการเงินสักก้อน”
  เผยลี่เซินขยับขาขึ้นมาไขว่ห้าง “ได้ไหมนะ?”
  เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “ประธานเผย คุณคงรู้แล้วเกี่ยวกับพวกความเห็นบนเน็ตวันนี้ ฉันคงไม่ต้องพูดมากเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นของตระกูลไป๋ แต่ก่อนเพราะว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเผยอี้ เผยซื่อคอยให้การสนับสนุนธนาคารเลยตกลงเรื่องการเลื่อนชำระหนี้ แต่ในตอนนี้ข่าวนี้กระจายไปทั่วในอินเทอร์เน็ต เรื่องนี้มันจะทำให้ทั้งฉันและไป๋ซื่อเหมือนถูกจ่อมีดรอเชือดตอนนี้ฉันต้องการเงินมากจริงๆ… แล้วเมื่อคืน…คุณก็รับปากว่าจะช่วยฉันแล้ว”
  ว่าถึงตรงนี้เธอก็หยุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับผู้ชายตรงหน้า “ประธานเผย คุณคงจะไม่คืนคำหรอกใช่ไหม?”
  เผยลี่เซินไม่ได้พูดอะไรออกมา นัยน์ตาสะท้อนเงาของหญิงตรงหน้าที่หน้าเริ่มจะสีซีดลงเรื่อยๆ ใบหน้าของชายหนุ่มยังไร้การคาดเดา
  การแสดงออกของเผยลี่เซินทำเอาไป๋เสว่เอ๋อร์ใจสั่น ความสับสนวุ่นวายกำลังเทเข้ามา

บทที่5 ได้ประโยชน์ทั้งคู่
  ว่าจะพูดอีกสักประโยคแต่ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ขัดขึ้น “เท่าไหร่?”
  “ร้อยห้าสิบล้าน”
  “ก็ไม่เยอะมาก” มุมปากหนายกขึ้น ก่อนจะยิ้มแล้วว่าต่อ “ก็นะ คุณหนูไปให้ราคาตัวเองแค่นี้เองเหรอ?”
  “ฉัน…” ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้ง
  “ร้อยห้าสิบล้านถึงมันจะไม่ได้เยอะอะไรสำหรับผมแต่ให้ฟรีๆก็คงไม่ได้” มือหนาวางมือถือที่เขานำขึ้นมาเล่น ก่อนนัยน์ตาสุกใสจะกลับมาเย็นชาเสียจนยะเยือก
  “อย่างน้อยการที่เมื่อเช้าคุณหนูไป๋จากผมไปโดยไม่ร่ำลา ผมมองไม่เห็นความจริงใจเอาเสียเลยกับวิธีนี้…”
  คนตัวสูงยิ้มหยัน “ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าพวกในตระกูลไป๋จะเป็นแบบนี้กันทั้งหมดไหมแบบนี้ผมคงต้องมานั่งตัดสินใจใหม่แล้วล่ะว่าควรจะให้คุณยืมเงินหรือเปล่า”
  แน่นอนว่าเลขาของเธอได้เตือนเธอแล้วว่าการที่พวกเราจะเอาเนื้อออกมาจากปากของสัตว์ร้าย ถ้าพลาดก็จะกลายเป็นอาหารของมันซะเอง ที่แม้แต่กระดูกก็คงจะไม่เหลือ
  สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มอ่อนลงเสียจนซีด แม้แต่สีของการไหลเวียนของเลือดก็ไม่โผล่มาให้เห็น คงมีแต่ริมฝีปากแห้งที่ยังพอมีรอยแดงไว้ให้เห็น
  ไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับนัยน์ตาคมแสนเย็นเยียบนั่น “ก็อย่างที่คุณว่า ประธานเผยก็อุตส่าห์พูดชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าฉันคงไม่ควรรบกวนต่อ การตัดสินใจของประธานเผยแน่นอนว่าต้องมีเหตุผล พวกเราก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เรื่องเมื่อวานก็แน่นอนว่าได้ประโยชน์ทั้งคู่”
  พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าตัวเองและหันหลังจะกลับออกจากห้องนี้ไป
  เพียงแค่เท้าก้าวเข้าเขตประตูพร้อมจะก้าวออก เสียงราบเรียบด้านหลังของชายหนุ่มก็ขัดเธอไว้ “โดนไปแค่นี้ก็รับไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าสำหรับคุณหนูไป๋ ไป๋ซื่อก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไรมากมายนัก”
  ปลายเท้าหยุดแน่นิ่ง มือข้างลำตัวกำแน่น
  เมื่อจัดการอารมณ์ของตัวเองได้แล้วก็หันกลับไปเผชิญหน้า ใช้สายตานิ่งเรียบข่มขวัญและกล่าวกับชายด้านในอย่างเรียบเฉย “คงไม่รบกวนประธานเผยแล้วดีกว่าค่ะ”
  ทันทีที่ว่าจบก็จัดการเดินออกไปทันที
  ประตูห้องรับแขกปิดได้ไม่นานก็ถูกเปิดกว้างอีกครั้ง เลขาของเผยลี่เซินในมือเต็มไปด้วยเอกสารรีบก้าวเข้ามาหา “ประธานเผย… คุณชายรองไปติดต่อกับสื่อหลายสำนัก ให้จัดการกับพวกความคิดเห็นที่เกี่ยวกับคุณหนูไป๋ทั้งหมด ท่านประธานว่าพวกเราควรจะไปทักทายพวกเขาหน่อยดีไหมคะ? ”
  เผยลี่เชินมองถ้วยชาลายครามสีขาวที่ยังคงมีสีลิปของหญิงสาวคนเมื่อครู่ติดอยู่
  ดวงตาอ่อนแรงไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยตอบกลับเสียงเบา “เรื่องนี้ให้เขาไปจัดการกันเอง”
  “รับทราบค่ะ”
  เลขาผงกหัวจะละจากไป แต่สุดท้ายเธอก็หยุดก้าวเท้าคล้ายกับลังเล ก่อนจะตัดสินใจพูดกับเจ้านายของเธอ “ประธานคะ คุณชายรองดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณหนูไป๋แล้วไม่เหมือนกับที่คนนอกลงข่าว เหมือนกับคุณชายรองตั้งใจปล่อยข่าวนี้ออกมา ท่านว่ามันจะ…”
  ตอนแรกเธอก็คิดว่าจะใช้นักข่าวเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเต้นมาตามตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่าท้ายที่สุดแล้วนั้น…
  เผยลี่เชินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง นิ้วเรียวขยับเนคไทกระตุกเล็กน้อยจัดให้เข้าที่ “เผยอี้ไม่สนใจหรอก”
  ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกมาจากตึกสำนักงานใหญ่ของเผยซื่อ ท้องฟ้าดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเร็วกว่าเวลาเดิม คิดไม่ถึงว่ายังจะมีพวกนักข่าวหลบอยู่ เพราะพอเห็นเธอไม่ทันไรก็รีบพุ่งเข้ามาหาแสงแฟลชจากกล้องก็สาดใส่เข้าหาเธออย่างรัวๆ
  “คุณหนูไป๋ เรื่องที่คุณเลิกกับคุณชายคนรองของตระกูลเผยเป็นเรื่องจริงหรือไม่? แล้วก็เรื่องที่ว่ามีคนบอกว่าตระกูลไป๋กำลังเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินอย่างขั้นสุด และดูเหมือนจะล้มละลายในไม่ช้า เรื่องนี้จริงใช่ไหมครับ?”
  “ใช่ๆ คุณหนูไป๋ เมื่อเร็วๆนี้ไป๋ซือขายหุ้นในราคาที่ถูกมาก มันหมายถึงว่ากำลังจะล้มละลายแล้วจริงๆใช่ไหมคะ? ”
  “……”
  เสียงแต่ละคนรัวคำถามพูดพล่ามเสียจนเธอฟังไม่ถูกขมวดคิ้วมุ่น มือก็ผลักกล้องบางตัวที่เผลอมาโดนหน้าเธอเข้าให้ ก่อนจะตอบคำถามหลักๆไปด้วยเสียงเรียบนิ่งตัดบทไป “ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็รบกวนขอให้ทุกคนอย่าพูดมั่วไปเรื่อย ฉันกับคุณชายรองของตระกูลเผยเลิกกันตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว และที่เลิกก็ไม่ใช่เพราะปัญหาของบริษัทพวกเราสองคน ช่วงนี้ไป๋ซือประสบกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คงใช้เวลาแก้ไขไม่นาน ฉันหวังว่าพวกคุณคงไม่ข่าวลือมั่วๆ ในขณะเดียวกันก็หวังว่าพวกคุณจะให้ความมั่นใจเชื่อใจแก่ไป๋ซือเช่นเดียวกัน ”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท