ตอนที่ 102 ผิดขนาด
ป้าจางหันกลับมาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์หมดอะไรตายอยาก จึงเอ่ยปากเบาๆ “คุณผู้ชายมีกลิ่นเหล้าติดมาด้วย สงสัยคงไปดื่มมาจึงรู้สึกเหนื่อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้แต่พยักหน้า ไม่พูดอะไรตอบ
ถึงตอนนี้มีคนใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในมือถือกล่องของขวัญมาด้วย จึงถามป้าจาง “ป้าจางดูซิคะ เมื่อกี้คนขับรถกำลังจะนำของขวัญนี้ไปทิ้ง ฉันขวางไว้เสียก่อน คนขับรถบอกว่าคุณผู้ชายให้เอาไปทิ้ง ฉันเห็นมันยังดีอยู่แถมดูเหมือนจะแพงเสียด้วย ไม่ควรนำไปทิ้ง ป้าคิดว่าควรถามคุณผู้ชายอีกทีดีไหมคะ?”
ป้าจางได้ยินดังนี้จึงยื่นมือคว้ากล่องนั้นมาพร้อมเปิดฝากล่องดู “นี่ยังใหม่อยู่เลย คุณผู้ชายจะทิ้งได้อย่างไรกัน?”
แม้ว่าตระกูลเผยจะร่ำรวย แต่ในชีวิตของเผยลี่เชินเป็นคนมัธยัสถ์ สิ่งไหนไม่ควรฟุ่มเฟือยก็จะไม่ฟุ่มเฟือย คนรับใช้อย่างพวกเรารู้นิสัยเจ้านายดี ของชิ้นนี้ไม่ควรถูกนำไปทิ้ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้า ดูชุดในกล่องของขวัญ สายตาของเธอเป็นประกาย มันเป็นชุดสีเขียวเข้ม คุณภาพของเนื้อผ้าบ่งบอกว่าชุดนี้ราคาต้องแพงมาก
ป้าจางค่อยๆ นำชุดกระโปรงออกจากกล่อง ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้เห็นชุดทั้งหมด เป็นชุดกระโปรงหางปลา เข้ากันดีกับสร้อยไข่มุก ชุดกระโปรงเป็นแบบเรียบง่ายและสง่างาม
ป้าจางมองดูชุดกระโปรงที มองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ที แล้วก็อุทานว่า “กระโปรงชุดนี้ขนาดเท่ากับตัวของคุณหนูไป๋เลย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พอได้ยินคิ้วชนกัน สายตาของเธอมองชุดนั้นจากบนลงล่าง คิดคำนวณแล้ว เป็นขนาดที่เธอสามารถสวมใส่ได้จริงๆ
หรือว่าเผยลี่เชินจะซื้อให้เธอ แต่ทำไมเขาถึงให้เจิงหงนำไปทิ้งล่ะ?
หลังจากนิ่งไปสักพัก เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปหาป้าจาง “ป้าจางคะ ช่วยส่งกล่องมาให้ฉันที ฉันจะไปถามเขาเอง”
“อย่างนี้ก็ดีคะ ป้าจะไปอุ่นน้ำแกงให้คุณผู้ชายดื่มแก้เมา” ป้าจางพูดจบก็ส่งกล่องของขวัญให้เธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกกล่องของขวัญขึ้นไปชั้นบน เข้าไปในห้องนอน ได้ยินเสียงน้ำมาจากในห้องอาบน้ำ ไป๋เสว่เอ๋อร์วางกล่องลงจากนั้นก็จัดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อย
ไม่นานเสียงน้ำก็หยุดลง เผยลี่เชินเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ในชุดผ้าขนหนูคาดเอว ท่อนบนเปลือยทำให้เห็นร่างกายที่สมส่วนของเขา ไม่มีไขมันให้เห็น ทุกสัดส่วนดูบึกบึน ไหล่กว้างเอวแคบ
เขาเอาผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดผมที่เปียก พอเดินออกมาก็เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังจัดข้าวของให้เข้าที่ ดวงตาเคร่งขรึมเหลือบไปมองเห็นกล่องของขวัญบนโต๊ะ
สีหน้าเขาเย็นชา “ใครเอากล่องนี้ขึ้นมา?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงจึงหันกลับมาเห็ฯสายตาของเผยลี่เชินมองกล่องของขวัญ เธอลังเลอยู่สักพักจึงเอ่ยปากถาม “ชุดกระโปรงในกล่องนี้ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมถึงทิ้งเสียล่ะคะ?”
ใบหน้าของเผยลี่เชินดูเย็นยะเยือก “ไม่มีเหตุผล”
ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนจะเดาอะไรออกบางอย่าง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมก้าวไปข้างหน้า เงยหน้ามองเผยลี่เชิน “วันนี้คุณไปหาฉันที่บ้านฉันมาใช่ไหม?”
“เปล่า” เผยลี่เชินไม่ได้เหลียงมองหน้าเธอ ใบหน้าเขานิ่งสงบ
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือพร้อมอธิบายให้เขาฟัง “วันนี้แม่เรียกฉันกลับไปกินข้าวที่บ้าน ฉันไม่คิดว่าแม่…..”
เธอเพิ่งจะอธิบายได้ครึ่งเดียว โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ สั่นขึ้นมา มันเป็นมือถือของเผยลี่เชิน เขาจึงหยิบขึ้นมา กวาดตามองว่าเป็นใครโทรมา
“ลู่อี้หลิง” อักษรสามตัวที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งยื่นอยู่ข้างๆ เขาเผอิญไปเห็นชื่อเข้าพอดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นเต้น รีบเงยหน้ามองเผยลี่เชิน
เผยลี่เชินสำรวจสายตาของเธออยู่ประมาณสองวินาที จึงรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไปคุยที่ระเบียง
ขณะนั้นจิตใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว้าวุ่น
ทำไมลู่อี้หลิงถึงโทรหาเผยลี่เชินตอนนี้นะ? ส่วนเขาก็รับโทรศัพท์เธอ
เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำมือแน่นตั้งแต่เมื่อไร พยายามเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังเข้ามา
อีกด้านลู่อี้หลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เผยลี่เชิน ฉันนึกว่าคุณจะไม่รับโทรศัพท์เสียแล้ว”
เผยลี่เชินพูดด้วยนำเสียงเรียบๆ “มีธุระอะไร?”
ลู่อี้หลิงได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นเหมือนเจอภูเขาลูกใหญ่ “ฉันมาถึงเมืองไห่เฉิงแล้ว พรุ่งนี้วันอาทิตย์จึงอยากนัดคุณทานข้าวได้ไหม?
ลังเลอยู่สักพักเผยลี่เชินจึงใช้เสียงสูงขึ้น “ตกลงผมเป็นคนจองร้านอาหารเอง พรุ่งนี้เจอกัน”
เขารู้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์แอบฟังอยู่
ลู่อี้หลิงรู้สึกประหลาดใจ หัวเราะเบาๆ ตอบด้วยเสียงนุ่มนวล “ตกลงพรุ่งนี้เจอกัน”
บทสนทนาจบลง เผยลี่เชินเก็บโทรศัพท์หันกลับมาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วมองมาที่เขาที่กลับหันหลังมา เธอรีบละสายตาไปทางอื่นโดยไว สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
เผยลี่เชินเดินกลับเข้ามาในห้องนอนจ้องมองเธอ พร้อมกับคำถาม “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหน้า ตอนแรกคิดว่าจะอธิบายให้เข้าใจแต่ตอนนี้พูดไม่ออกแล้ว “ไม่มีอะไร ถ้าหากคุณไม่ต้องการมัน ฉันก็จะช่วยเอาไปทิ้งให้”
ดูเหมือนเผยลี่เชินคิดว่าเธอน่าจะมีคำอธิบาย ในใจรู้สึกโกรธมากจนอดกลั้นไม่อยู่ จึงพูดออกไป “เดิมทีฉันตั้งใจจะให้ลู่อี้หลิง แต่ขนาดมันผิด ถ้าเธออยากได้ก็เก็บมันไว้ละกัน”
เขาพูดจบก็เดินออกจากห้องนอน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนเป็นรูปปั้นหินอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เธอคิดไม่ถึงว่า นี่คือชุดกระโปรงที่เผยลี่เชินซื้อให้ลู่อี้หลิง ของที่ให้กับผู้หญิงอื่นพอไม่เหมาะสมก็มายกให้เธอ เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร?
จิตใจของเธอเหมือนถูกของมีคมทิ่มแทง ความเจ็บปวดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เธอหันมามองกล่องที่อยู่บนโต๊ะ รู้สึกรกหูรกตามากขึ้นเรื่อยๆ
วันอาทิตย์เผยลี่เชินออกไปแต่เช้าตรู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกหดหู่ใจ อยู่แต่ในบ้านทั้งวัน
สามทุ่มแล้วเผยลี่เชินยังไม่กลับบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่นอยู่ในห้องนอนใจไม่เป็นสุข ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด จึงลงมาดูโทรทัศน์ที่ชั้นล่าง
เปลี่ยนช่องโทรทัศน์มาก็หลายช่องแล้ว แต่กลับไม่ได้ดูสักช่อง ในสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์มีแต่ความสงสัยใคร่รู้ เกี่ยวกับเผยลี่เชินและลู่อี้หลิงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
พวกเขาไปตามนัดกันหรือเปล่า?
เผยลี่เชินอยู่กับลู่อี้หลิงทั้งวันเลยไหม?
พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหน?
…………….
ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวาย สมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ฟุ้งซ่า หยิบโทรศัพท์ดูในกล่องข้อความ อยากถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ขณะที่เธอกำลังฟุ้งซ่าน ด้านนอกก็มีเสียงรถดังเข้ามา เผยลี่เชินเปิดประตูเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนโซฟาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ความสงสัยและลังเลไม่นานก็หายไป ใบหน้าของชายหนุ่มก็กลับคืนสู่ความเย็นชา
ไป๋เสว่เอ๋อร์แกล้งทำเป็นดูโทรทัศน์แบบสบายใจ แต่ในใจกลับเต้นเร็วจนแทบจะออกจากร่าง
เผยลี่เชินก้าวเท้าไปทางบันได ขณะเดินผ่านโซฟาก็ถามด้วยเสียงเย็นๆ “ทำไมยังไม่นอน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันมามองดูสีหน้าของฝ่ายชาย “กำลังรอคุณ” ประโยคนี้หยุดอยู่แค่ในใจ ไม่ได้พูดออกมา “เมื่อตอนกลางวันนอนมาเยอะ ตอนนี้ก็เลยไม่ง่วง”
เผยลี่เชินได้ยินก็มองหน้าเธอแป๊บเดียว แล้วก็เดินขึ้นข้างบนไม่มีคำพูดๆ ต่อจากนั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเงาของเขาที่เดินไปไกลแล้ว เศร้าใจยิ่งนักได้แต่หัวเราะกับตัวเอง
ดูเหมือนเธอจะมีใจให้กับเผยลี่เชินชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ผิดกับเผยลี่เชินที่ความรู้สึกพิเศษที่มีต่อเธอไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน