ตอนที่ 133 ไปจากลี่เชิน
สีหน้าของหลิวต๋ารู้สึกอึดอัดขั้นมาในทันที “เลขาไป๋ ทางฝ่ายของเราได้ทำการตรวจสอบตามที่คุณร้องขอมาแล้วเรียบร้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นไปตามที่ผมได้แจ้งคุณไป เรื่องนี้ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้…”
ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการให้เรื่องมันจบในลักษณะนี้สินะ
หลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปทางฉีเจ๋อ “คุณฉีคะ ฉันมีคำถามอยากที่จะถามคุณค่ะ”
“เชิญครับ”
“วันนั้น เส้นทางที่ฉันกับประธานเผยเลือกตอนที่ปีนเขาขึ้นไป เป็นเส้นทางที่พวกคุณได้มีการสำรวจไว้ล่วงหน้าแล้วจริงๆ หรือเปล่าคะ”
ฉีเจ๋อพยักหน้า และพูดอย่างมั่นใจว่า “ใช่ครับ ระดับความยากง่ายของเส้นทางที่พวกเราเลือกไว้ไม่ต่างกันมากนัก คือไม่ให้ยากเกินไปสำหรับการปีนเขา และค่อนข้างที่จะปลอดภัยครับ นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งจุดพักไว้ระหว่างทางด้วย ผมสามารถพูดได้ว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาในเรื่องของความปลอดภัยได้ครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อาศัยจังหวะนั้นและตอบกลับไปว่า “นี่แหละค่ะปัญหา เส้นทางที่ฉันกับท่านประธานเผยปีนขึ้นไปนั้นไม่ใช่เส้นทางที่พวกคุณจัดเอาไว้ให้ตั้งแต่แรก มีใครบางคนเคลื่อนย้ายธงที่ปักอยู่ตรงทางแยกของเส้นทาง เพื่อให้เราทั้งสองคนเดินไปผิดทางค่ะ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอนค่ะ”
หลิวต๋าถอนหายใจ “แต่ว่าคุณเลขาไป๋ครับ ถึงคุณจะพูดแบบนี้ แต่คุณก็ไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนเลยนี่ครับ ถ้าจะพูดโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ พวกเราก็คงช่วยไม่ได้นะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานใดๆ ทุกอย่างที่ว่ามานี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ในตอนแรก เธอฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับทางฝ่ายผู้จัดกิจกรรมการกุศล แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะพึ่งพาไม่ได้แบบนี้
การพยายามอย่างสุดความสามารถในการล้างเรื่องราวทั้งหลายให้ใสสะอาด และไม่นำเอาน้ำอันแสนสกปรกกระเซ็นโดนร่างกายของตัวเอง ก็จะช่วยป้องกันตัวเองได้ พวกเขาไม่อาจที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องอื่นได้มากจนเกินไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจลึก เธอมองหลิวต๋าและฉีเจ๋อ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “รบกวนคุณหลิวและคุณฉีที่ต้องมาถึงบริษัทแย่เลยนะคะ ดิฉันจะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้ท่านประธานเผยทราบเองค่ะ พอดีดิฉันยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไปส่งพวกคุณไม่ได้นะคะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็หันหลังและเดินจากไป
องค์กรการกุศลนี้ช่างไร้ซึ่งศีลธรรมและสัจธรรมเสียจริง เผยลี่เชินบริจาคเงินไปก็ไม่น้อย แต่พวกเขากลับเลือกที่จะตอบกลับด้วยคำตอบเช่นนี้ ทั้งหมดนี้ช่างเป็นการทำงานแบบขอไปทีเสียเหลือเกิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลั้นหายใจ เมื่อเธอกลับไปถึงยังสำนักงาน เธอก็นำเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดกลับไปยังคฤหาสน์ และส่งต่องานให้กับผู้ช่วยฝึกหัดเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกจากบริษัท
เมื่อเธอมาถึงยังคฤหาสน์ ขณะที่เธอยังไม่ได้เข้าไปในบ้านนั้น เธอก็เห็นป้าจางเดินยิ้มต้อนรับออกมาหาเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์กอดเอกสารเอาไว้ พร้อมกับถามไปว่า “ป้าจางคะ เผยลี่เชินอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือหรือเปล่าคะ”
ป้าจางรู้สึกลังเล เธอมีบางอย่างอยากจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดออกไปดีไหม “คุณหนูไป๋…”
“มีอะไรเหรอคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักครู่หนึ่ง เธอมีสีหน้าที่จริงจังขึ้นในทันที “เขาเป็นอะไรเหรอคะ”
ป้าจางรีบอธิบายโดยทันที “คุณผู้ชายไม่เป็นอะไรค่ะ คุณผู้ชายกำลังรับแขกอยู่ในห้องอ่านหนังสือ คุณหนูไป๋อย่าเพิ่งขึ้นไปสักพักน่าจะดีกว่าค่ะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็เข้าใจในทันที เธอพยักหน้า กอดเอกสารเอาไว้ และเดินตรงไปที่โซฟา “ถ้าอย่างนั้น หนูจะรอสักพักแล้วค่อยขึ้นไปค่ะ”
การมีแขกมาเยี่ยมเยียนเผยลี่เชินนั้นเป็นเรื่องที่ปกติมาก ยิ่งช่วงนี้เรื่องที่เขาบาดเจ็บก็ถูกสื่อของเมืองไห่เฉิงรายงานออกไปอย่างกว้างขวางด้วย ทำให้มีจำนวนคนไม่น้อยที่อาศัยโอกาสนี้ในการมาเยี่ยมเขาที่บ้าน
เธอนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก พลิกเอกสารที่อยู่ในมือ และคัดแยกเอกสารประเภทเดียวกันเอาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้เผยลี่เชินสะดวกในการตรวจสอบ
เมื่อเวลาผ่านไป 20 นาทีโดยไม่รู้ตัว ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่บริเวณหน้าบันได เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมอง เธอก็มองเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงามคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากบันได
เหอหย่าหานสวมเสื้อโค้ตสีน้ำตาลอ่อนคล้ายสีขนอูฐ ผมของเธอยาว ดัดเป็นลอนและปล่อยเอาไว้อย่างสบาย อารมณ์ของเธอช่างสดชื่นและดูอ่อนโยน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาพอดี
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนสายตาของเธอ และก้มหน้าพลิกเอกสารในมือต่อไป แต่ทว่าเสียงฝีเท้าของหญิงสาวคนนั้นกลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่ากำลังเดินเข้ามาหาเธอโดยตรง
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็พบว่าเหอหย่าหานมายืนอยู่ที่บริเวณข้างหน้าของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอฉีกยิ้มออกมา พร้อมกับทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะ คุณหนูเหอ ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะคะ”
ดวงตาของเหอหย่าหานเต็มไปด้วยความเย็นชา สายตาของเธอมองไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาส่งเอกสารให้ท่านประธานเผยค่ะ” ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังพูดนั้น เธอก็ยกกองเอกสารขึ้นมา เธอลุกขึ้นและยิ้มให้กับเหอหย่าหาน
สีหน้าของเหอหย่าหานไม่สู้ดีนัก ไม่นานนัก เธอก็สั่งไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “เธอออกมานี่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มหวาน และพูดเบาๆ ว่า “คุณหนูเหอมีเรื่องอะไร ก็พูดกันตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันต้องไปส่งเอกสารอีก ออกไปคุยข้างนอกไม่ค่อยสะดวกเท่าไรค่ะ”
ถึงแม้ว่าตระกูลไป๋จะล้มละลาย แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าใครมาสั่งให้ทำอะไร เธอก็จะทำตามไปเสียหมดหรอกนะ
เหอหย่าหานขมวดคิ้ว และกำมือของเธอเอาไว้แน่น “ดี ในเมื่อเธออยากพูดกันตรงนี้ ฉันก็ไม่มีปัญหา”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็เดินไปนั่งลงตรงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับไป๋เสว่เอ๋อร์ “ฉันอยากจะหาโอกาสคุยกับเธอมาตั้งนานแล้วล่ะ ในเมื่อวันนี้มีโอกาสได้เจอเธอแล้ว พวกเราก็มาเปิดอกคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งลง เธอไม่กลัวเลยสักนิดเดียว “ดีค่ะ คุณหนูเหอมีอะไรอยากจะคุยกับดิฉัน เชิญเลยค่ะ”
เหอหย่าหานมองจ้องไปยังดวงตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ ไม่นานนัก เธอก็พูดออกมาเพียงไม่กี่คำ “เลิกกับลี่เชินซะ”
“คุณหนูเหอ ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณหนูต้องการจะพูดค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มหวาน
เหอหย่าหานเลิกคิ้วขึ้น “ฉันรู้ว่าเธอกับลี่เชินกำลังคบกันอยู่ นั่นก็เพียงเพราะเงินของเขา เมื่อไป๋ซื่อล้มละลาย เธอก็เลยไม่มีทางเลือก นอกจากต้องคบกับเขาใช่ไหมล่ะ”
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นขึ้นมา เธอนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเหอหย่าหานเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร เธอจึงพูดต่อไปว่า “ไป๋ซื่อไม่มีเงินไปชำระเงินกู้คืน ลี่เชินเลยเป็นคนช่วยเธอชำระเงินคืน ใช่ไหมล่ะ”
นิ้วมือทั้งห้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ประสานเข้าด้วยกันอย่างแน่นขนัดโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเผยลี่เชินนั้น เหอหย่าหานจะรู้ทั้งหมด หรือว่าเผยลี่เชินเป็นคนบอกเธอกันนะ
เป็นไปไม่ได้ เผยลี่เชินไม่พูดแน่
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าและมองตรงไปยังเหอหย่าหาน “แล้วคุณหนูเหอต้องการจะพูดอะไรกันแน่คะ”
“เลิกกับลี่เชินซะ” เหอหย่าหานพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เธอต้องการเงิน ฉันจะให้เงินเธอ”
ช่างใจกว้างเหลือเกิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น เธอตั้งใจเล่นตามน้ำและถามกลับไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณหนูเหอจะเต็มใจให้ฉันเท่าไรคะ”
“เธอต้องการเท่าไร” สีหน้าของเหอหย่าหานจริงจัง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเบาๆ เธอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง และค่อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “คุณหนูเหอ นี่ไม่ใช่ละครทีวีนะคะ ดิฉันกลัวว่าคุณจะจ่ายให้ฉันในราคาที่ฉันต้องการไม่ไหวค่ะ”
“บอกมาจะเอาเท่าไร ฉันจ่ายให้ได้หมด!” เหอหย่าหานพูดอย่างกังวล ใบหน้าของเธอมีสีแดงก่ำ
“ฉันต้องการเงิน ใช่ค่ะ แต่ว่าคุณหนูเหอคะ ฉันขอพูดหน่อยค่ะว่าไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ที่จะต้องใช้เงินมาวัดเสมอไปนะคะ ฉันกับเผยลี่เชินเกี่ยวข้องกันด้วยเรื่องเงินทองจริงค่ะ แต่ว่าคุณใช้อะไรมาตัดสินว่าฉันไม่ได้มีความรู้สึกให้กับเขาล่ะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อน “ถึงคุณจะเต็มใจจ่ายให้ฉันเลิกกับเขา แต่ฉันก็มีเหตุผลที่จะไม่เลิกกับเขา ถูกต้องไหมคะ”
เมื่อเธอพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน และหยิบกองเอกสารพร้อมที่จะเดินจากไป ระหว่างที่กำลังจะก้าวเดินออกมานั้น จู่ๆ เหอหย่าหานก็พูดขึ้นมาว่า “เธอ… ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอรักเขาไม่เท่าที่ฉันรักเขาหรอก!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มที่มุมปาก “เรื่องความรัก ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพูดได้อย่างแน่ชัดไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่างการที่คนสองคนเข้ากันได้ดี ก็ย่อมมีความสุขมากกว่าการที่จะต้องมานั่งประนีประนอมรักษาหน้าของกันและกัน ใช่ไหมคะ”
“เธอ!”
เหอหย่าหานโกรธจนมือสั่น เธอกัดฟันแน่น และมองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่มืดมน จากนั้นเธอก็รีบสาวเท้าไปยังประตูและเดินออกไป
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าภาพด้านหลังของเหอหย่าหานค่อยๆ หายลับไปจากประตูแล้ว เธอก็หมุนตัวและตรงไปยังหน้าบันไดเพื่อก้าวขึ้นไป
เมื่อเธอเงยหน้ามองขึ้นไปอย่างไม่ตั้งใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับรู้สึกได้ถึงร่างของคนคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ที่บันไดด้านบน เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเผยลี่เชิน เธอก็ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว “ท่าน… ท่านประธานเผย”
สายตาของเผยลี่เชินนั้นยากที่จะแยกชัดได้ และยังคงจับจ้องมาที่เธอโดยไม่ขยับไปไหน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตกใจเล็กน้อย หรือว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับเหอหย่าหานทั้งหมดเมื่อสักครู่นี้แล้วล่ะ
เธอจับเอกสารที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น และเอ่ยปากอย่างลังเลว่า “ฉันมาส่งเอกสารค่ะ”
เผยลี่เชินเดินลงมาตามขั้นบันไดไม่กี่ขั้น พร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เมื่อกี้เธอกับเหอหย่าหาน คุยอะไรกันอยู่น่ะ”