ตอนที่ 113 ช่วยฉันสืบหา
เผยลี่เชินตัดสินแน่แล้วว่าจะถามให้เข้าใจ สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงก่ำ คอแข็งได้แต่ตอบว่า “ไม่ใช่”
เธอรีบตอบสองคำนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะรู้สึกผิด เธอยิ่งไม่กล้ามองเผยลี่เชิน ชายหนุ่มดวงตาดูมืดมน เห็นได้ว่าเธอตื่นตระหนกเมื่อพูดโกหก
“คนโกหก” เขาพูดออกมาเบาๆ ไม่รอคำตอบใดๆ จากเธอ เขาจับที่คางของเธอ โน้มศีรษะลงต่ำ ลงโทษเธอที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึง กระแอ๋มเล็กน้อย เสียงออกมาจากไรฟัน เหมือนผ่านการฝึกมารยาทมาแล้ว สีหน้าของเผยลี่เชินเปลี่ยนไป มือของเขาจับคางเธอแน่น
จูบของเขาร้อนแรงและทรงพลัง แสดงความเป็นเจ้าของ ไม่นานสมองส่วนรับรู้การจูบของไป๋เสว่เอ๋อร์ล่องลอยในอากาศ จนในที่สุดเธอหายใจไม่ออก ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอ
ถ้าไม่เห็นว่าร่างกายเธอบาดเจ็บ วันนี้เขาต้องทำให้เธอพูดความจริงออกมาให้ได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองพบสายตาของเผยลี่เชินที่มีความหมายลึกซึ้ง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอายขายหน้า เธอผลักเขาออกไป ทำให้ทั้งสองมีระยะห่าง แล้วก็เปลี่ยนเป็นคำถาม “วันนี้ที่บริษัทยุ่งไหมคะ?”
เผยลี่เชินหัวเราะเบาๆ “เธอไม่อยู่ เธอคิดว่ายุ่งไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดไม่พูดอะไรสักพัก นี่จะพูดดีๆ หน่อยได้หรือไม่ คำตอบของเขาทำให้หัวข้อสนทนาไปต่อไม่ได้เลย
ภายในห้องวอร์ดเงียบลงทันที ตามมาด้วยความอึดอัด ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังหาว่าจะคุยเรื่องอะไรดี ทันใดก็รู้สึกแน่นที่หัวด้านหลัง เผยลี่เชินใช้มือสัมผัสที่ศีรษะของเธอ “ยังปวดหัวอีกไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบเบาๆ “ดีขึ้นแล้ว บางครั้งก็มีปวดบ้าง”
แผลนี้ต้องใช้เวลาในการรักษา วันนี้แผลยังไม่ดีขึ้น เธอต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน และรู้สึกปวดที่ศีรษะด้านหลัง
สายตาของเผยลี่เชินดูจริงจังขึ้นมาทันที พูดด้วยเสียงหนักแน่น “วางใจเถอะ ฉันจะต้องหาตัวคนร้ายให้เธอ เพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้”
คำพูดของเผยลี่เชิน ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เธอพยักหน้าตอบรับ
ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงคำพูดของพ่อที่พูดกับเธอ เธออยากบอกเรื่องนั้นแก่เผยลี่เชินแต่รู้สึกว่าไม่สมควร ลังเลแล้วลังเลอีก ในที่สุดเธอก็เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว
เผยลี่เชินมองดูเวลาแล้วลุกขึ้น “นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอพักผ่อนเถอะ โจ๋วผันจะเฝ้าเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาจะดูแลความปลอดภัยของเธอ ฉันต้องไปแล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
ได้ยินแบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับ “ส่งสายตาให้เผยลี่เชิน
เผยลี่เชินเดินออกจากห้อง เห็นโจ๋วผันจึงสั่งกำชับเบาๆ “ดูแลความปลอดภัยของเธอ อย่าให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
“ครับ คุณผู้ชาย”
เผยลี่เชินพยักหน้าเบาๆ แล้วก้าวเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เขารับโทรศัพท์ “พูดมาซิ”
“ประธานเผย ฉันสืบมาแล้ว สวี่เยว่หรูไม่มีพี่ชาย”
“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องหรือเพื่อนที่รู้จักกันล่ะ? บันทึกโทรศัพท์เข้าออกของเธอตรวจดูหรือยัง? มีคนน่าสงสัยไหม?”
สวีเยว่หรูเป็นรุ่นร้องที่รู้จักกันที่คณะตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัย พูดไปแล้วเขาไม่น่าสงสัยเธอ เพียงแต่เธอดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ซึ่งทำให้เขาเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับตัวเธอ
ฉีเฟิงตอบกลับ “ไม่มีนะ คนที่เธอติดต่อเป็นประจำก็เป็นคนในครอบครัว เธอมีแต่น้องชายหนึ่งคนแต่ไม่มีพี่ชาย ช่วงนี้ก็ไม่ได้คบกับใครเป็นพิเศษ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว นิ่งไปสักพัก “โอเค ฉันรู้แล้ว แล้วทางตำรวจมีความคืบหน้าไหม?”
“วันนี้ถามแล้ว ทางตำรวจก็ใช้วิธีการเดียวกันสืบหาจากกล้องวงจรปิด แต่เพราะซอยชิ่งเฟิงเป็นซอยเก่า จึงไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดไว้มาก กรจะสืบหาจึงทำให้ยาก”
เผยลี่เชินน้ำเสียงยังคงยืนหยัด “สืบต่อไป ไม่ว่าต้องขยายขอบเขตค้นหาขนาดไหน”
เขาหมายถึงแม้ต้องพลิกแผ่นดินเมืองไห่เฉิง ก็ต้องจับตัวคนร้ายมาให้ได้ มาทำร้ายคนของเขา เขาจะหลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้เรื่องได้อย่างไร
หลังจากวางโทรศัพท์ฉีเฟิง เผยลี่เชินก็หาเบอร์โทรศัพท์ของกู้หลี่เหลียงจากมือถือของเขาแล้วก็โทรหาเขา
โทรศัพท์ดังขึ้นจนอีกฝ่ายรับ “ฮัลโหล ว่าไงเพื่อนเก่า ฉันนึกว่าฝันไปเสียอีก ช่วงนี้หายหน้าหายตา ไม่มาดื่มเหล้ากับฉัน….”
ฟังเขาพร่ำบ่นสักพัก เผยลี่เชินจึงตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “กู้หลี่เหลียง”
กู้หลี่เหลียงตะลึง นิ่งไปก่อนพูดต่อ “ทำไมหรือ?”
“ช่วยฉันสืบหาคนดี”
กู้หลี่เหลียงดูแลโยวหลัน รู้จักคนมาก เพื่อนก็เยอะ มีช่องทางมากมาย จะสืบหาเรื่องใดๆ ถามเขาดีกว่าพึ่งพาตำรวจ
เผยลี่เชินเล่าเรื่องที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกทำร้ายให้เขาฟัง กู้หลี่เหลียงได้ยินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เป็นใคร? มาลงไม้ลงมือกับผู้หญิงได้? ไป๋เสว่เอ๋อร์..เธอไม่ได้ถูกคนร้ายข่มขืนใช่ไหม?”
เผยลี่เชินได้ยินแบบนี้สีหน้าเปลี่ยนไป “เปล่า”
“งั้นก็โชคดี” กู้หลี่เหลียงโล่งออก
เผยลี่เชินพูดด้วยอารมณ์โกรธ “ให้นายสืบนายก็สืบไป อย่าถามอะไรมาก”
กู้หลี่เหลียงหัวเราะ “ฉันแค่อยากรู้เหตุการณ์ให้ชัดเจน จะได้รู้จุดประสงค์ของคนร้าย ว่าชิงทรัพย์ หึงหวง หรือแค่แก้แค้น รู้แน่ชัดจะได้ตามสืบได้ถูก”
เขานิ่งไปก่อนจะตอบกลับ “เพื่อนรัก นายดูแปลกนะ เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นนายสนิทกับผู้หญิงคนไหนเลย?”
เผยลี่เชินคิ้วย่น เขาตัดบทโดยไม่เกรงใจ “เมื่อไรถึงจะสืบเจอ?”
“คงไม่นาน สืบได้เรื่องอย่างไรจะโทรมาบอก”
“ตกลง” เผยลี่เชินพูดจบก็วางสาย
ระหว่างรอ เขาไม่อาจวางใจ หากยังจับคนร้ายไม่ได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังคงมีอันตราย
ในวันถัดมา งานบริษัทยุ่งทั้งวัน เผยลี่เชินไม่สามารถออกไปโรงพยาบาลได้ หยุดสักพักกลับถึงออฟฟิศ ไม่กี่นาที ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
สวี่เยว่หรูก้าวเท้าเดินเข้ามาและแจ้งเรื่องการประชุมแก่เผยลี่เชิน “ประธานเผยคะ อีกสักครู่จะมีประชุมย่อยกับฝ่ายวางแผน เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมโครงการใหม่ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” เผยลี่เชินใช้มือพลิกเอกสาร
“ยังมี…..โอเปอร์เรเตอร์ด้านล่างโทรแจ้งว่าคุณหนูลู่กำลังรอคุณ ต้องการจะพบเธอไหมคะ?”
“คุณหนูลู่?” เผยลี่เชินมองหน้าสวี่เยว่หรู
สวี่เยว่หรูพยักหน้าพูดเพิ่มเติม “คุณหนูลู่อี้หลิง เธอบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าคุณ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วหนัก ไม่พูดอะไรต่อ
สองสามวันก่อนเขานัดลู่อี้หลิงไว้สองครั้ง เขาอ้างว่าติดธุระจึงไม่ได้ไปตามนัด เพราะ…หนึ่งเขาไม่อยากพบหน้าเธอตั้งแต่แรก เพียงแค่เล่นละครต่อหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ สอง…ตอนอยู่ที่เมืองไห่เฉิงเขาพูดชัดเจนแล้วแต่ลู่อี้หลิงยังคงดึงดัน ก็คงช่วยไม่ได้
คิดไม่ถึงว่า เธอจะมีความพยายามมากกว่าที่เขาคิด
“ประธานเผย?” สวี่เยว่หรูเห็นเขาไม่พูดอะไร จึงได้ถามอีกครั้ง “คุณต้องการพบเธอไหมคะ?”
เผยลี่เชินใช้มือพลิกเอกสารต่อ พูดด้วยเสียงเย็น “ไม่พบ”
เขางานยุ่ง ไม่มีเวลามานั่งวุ่นวายกับเธอ และถ้าเขารับปากเธอครั้งหนึ่ง ก็ต้องมีครั้งสอง ครั้งที่สามตามมา
สวี่เยว่หรูได้ยิน จึงตอบด้วยเสียงเรียบๆ “คะ”
เผยลี่เชินยังคงทำงานต่อ แต่ก็เงยหน้ามองโดยไม่ตั้งใจ เห็นสวี่เยว่หรูยังคงยืนอยู่ที่นั่น ดูเหมือนไม่คิดจะไปไหน
เขาจึงหันไปมองเธอ “มีเรื่องอะไรอีก?”