ตอนที่ 129 เสียงเคาะประตูอันแปลกประหลาด
“พวกคุณโอเคกันไหม?” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
หล่อนยังคงมีความตกใจอยู่ “พวกเราโอเคดีค่ะ แค่ไฟดับเอง”
“ฝั่งผมก็เช่นกัน กู้หลี่เหลียงกำลังติดต่อพนักงานโรงแรม ไฟคงจะมาเร็วๆนี้”
“โอเคค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อกำมือถือไว้แน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พูดต่อ “เมื่อครู่มีคนมาเคาะประตู แต่พอพวกเราถามว่าใคร ก็ไม่มีใครตอบ”
เผยลี่เชินได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วขึ้นทันที “พวกคุณอย่าเพิ่งทำอะไรนะ ผมจะรีบไปตอนนี้”
เขาพูดพลาง รีบเดินมาอย่างรวดเร็ว กู้หลี่เหลียงที่กำลังโทรศัพท์ เมื่อเห็นเผยลี่เชินเดินออกไปข้างนอก เขาก็รีบดึงแขนห้ามไว้ทันที “เพื่อนเผยนายจะไหน? ตอนนี้ข้างนอกมืดไปหมด มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง!”
“มีคนมาเคาะประตูห้องของไป๋เสว่เอ๋อ” เผยลี่เชินพูดประโยคนี้ทิ้งไว้ จากนั้นรีบเดินออกมาข้างนอกทันที
กู้หลี่เหลียงได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเดินตามออกมาเช่นกัน
เมื่อเดินออกมาจากห้อง ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องพวกหล่อน เผยลี่เชินใช้แสงแฟลชของมือถือส่องไปรอบๆ ไม่มีเงาของใคร เขาจึงรีบเคาะประตู “เปิดประตู”
ไป๋เสว่เอ๋อที่อยู่ด้านในได้ยินเสียงของเขา จึงรีบเปิดประตูออก คนตัวสูงใหญ่ที่อยู่ด้านนอกก้าวเข้ามา รีบยื่นมือมาจับข้อมือของหล่อนไว้แน่น
หล่อนลังเลอยู่สักพัก ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงของเผยลี่เชินพูดขึ้น “พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง หล่อนกับลู่อี้หลิงยืนอยู่ที่ประตู บรรยากาศอันมืดมนตอนนั้น เผยลี่เชินจะแยกพวกหล่อนออกได้ยังไง?
เมื่อเห็นว่าพวกหล่อนไม่พูดอะไร เผยลี่เชินรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที เขาถามขึ้นอีกครั้ง “ไป๋เสว่เอ๋อ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อรวบรวมสติขึ้นมา ส่ายหัวไปมา รีบตอบกลับ “ไม่เป็นอะไรค่ะ”
กู้หลี่เหลียงพูดแทรกทั้งสองขึ้น “เมื่อครู่มีคนมาเคาะประตูห้องพวกคุณงั้นเหรอ?”
ลู่อี้หลิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ถามเขาว่าเป็นใครก็ไม่ยอมตอบ”
ตอนนี้เอง “ติ๊ด” เสียงดังขึ้น ไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาถอนหายใจโล่งอก มีเพียงแค่เผยลี่เชินที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
กู้หลี่เหลียงมองไปที่ข้อความบนมือถือ “ทางโรงแรมบอกว่าเกิดจากสวิตช์ควบคุมไฟหลักตัดไป ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“คงไม่ง่ายขนาดนั้น” เผยลี่เชินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง “จู่ๆไฟก็ดับ ทั้งยังมีคนมาเคาะประตูห้องของพวกหล่อน ถ้าพวกหล่อนเปิดประตูออกไป จะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครอาจคาดเดาได้”
คำพูดของเผยลี่เชิน ทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบทันที
จริงอย่างที่เขาพูด จู่ๆก็ไฟดับที่โรงแรม มีคนมาเคาะประตูห้องพวกหล่อน เรื่องแบบนี้ทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้กันนัก
อาจจะเป็นเพราะมีคนคิดไม่ดีกับพวกหล่อน หรืออาจะเป็นเพราะมีคนตั้งใจจะแกล้งพวกหล่อน
เผยลี่เชินมองไปที่สีหน้าของเผยลี่เชินและลู่อี้หลิง เสียงฟังดูผ่อนคลายมากขึ้น “พวกคุณกลับไปนอนพักเถอะ อย่าลืมล็อกห้องให้เรียบร้อย โซ่ที่ล็อคด้านในก็คล้องล็อคให้เรียบร้อย ระมัดระวังกันด้วย มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นให้รีบติดต่อผมกับกู้หลี่เหลียงทันที พวกเราอยู่ห้องข้างๆนี่เอง”
“โอเคค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า
หลังจากที่เผยลี่เชินและกู้หลี่เหลียงกลับออกไป ไป๋เสว่เอ๋อปิดไฟบนหัวเตียง นึกถึงเสียงเคาะประตูอันแปลกประหลาดเมื่อครู่ หล่อนพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หล่อนจึงจะค่อยๆหลับไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พวกเขารวมตัวกันที่ด้านล่างของโรงแรม หัวหน้าทีมที่ทางผู้จัดกิจกรรมเตรียมการไว้มาถึงกันเรียบร้อยแล้ว
เพื่อความปลอดภัยของทุกคน การปีนเขาครั้งนี้จะมีหัวหน้านำทีมให้กับสมาชิกในทีมทั้งห้าทีม และเพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย สมาชิกทุกท่านสามารถเลือกอาหารและน้ำเท่าทีตัวเองต้องการและยังสามารถเลือกเส้นทางที่ไม่เหมือนกันได้ ระหว่างทางปีนเขาหากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถใช้วิทยุสื่อสารติดต่อความช่วยเหลือจากหัวหน้าทีมได้
หัวหน้าทีมของเผยลี่เชินชื่อฉีเจ๋อ ผิวคล้ำ ร่างกายกำยำ “ผมขอเน้นย้ำข้อสำคัญในการปีนเขาอีกรอบนะครับ เส้นทางทุกเส้นเพียงแค่มีธงสีแดงปักอยู่ทั้งสองข้างทาง เป็นเส้นทางที่พวกเรามาสำรวจไว้ก่อหน้าเรียบร้อยแล้ว ทุกคนสามารถเดินได้อย่างสบายใจ พกอาหารและน้ำไปในปริมาณที่เหมาะสม เมื่อถึงครึ่งทางจะมีจุดเติมเสบียงให้ บนยอดเขาได้มีการเตรียมสิ่งของและเต็นท์ไว้แล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งใจและระมัดระวังเรื่องการปีนเขาก็โอเคแล้วครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อกับเผยลี่เชินไม่ได้จัดให้อยู่ทีมเดียวกับกู้หลี่เหลียงและลู่อี้หลิง ฉีเจ๋อเป็นผู้นำของห้าทีมย่อย พวกเขาไม่รู้จักซึ่งกันและกัน
ฉีเจ๋อประกาศคำสั่งสุดท้าย “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มิตรภาพเป็นที่หนึ่ง แข่งขันเป็นที่สอง ทุกคนจงจำไว้ ระหว่างการปีนเขาให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตอนนี้ทุกคนสามารถไปหาเส้นทางได้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้ติดต่อผม ”
เผยลี่เชินหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อ ถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณเตรียมตัวพร้อมแล้วยัง?”
ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้าด้วยความตั้งใจ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นหน้าตาของบริษัท หล่อนไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงของเผยลี่เชิน จึงต้องตั้งใจฮึดสู้
เห็นไป๋เสว่เอ๋อตอบอย่างมั่นใจ เผยลี่เชินอดไม่ได้ที่จะเผยอปากยิ้มขึ้น “ไปกันเถอะ พวกเราไปหยิบกระเป๋ากัน”
กระเป๋าทุกใบมีการจัดเตรียมมาจากทีมจัดกิจกรรม ภายในนั้นมีอาหารแห้งและน้ำ ยังมีวิทยุสื่อสารและอุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างการปีนเขาอีกมากมาย
เมื่อเขารับกระเป๋าเสร็จ พวกเขาก็ตามกลุ่มคนไปหาเส้นทางการเดิน
ที่ตีนเขามีเส้นทางมากมาย โดยผู้ร่วมกิจกรรมต้องเป็นคนเลือกเส้นทางเอง ไม่มีใครทราบว่าทางที่ตัวเองเลือกจะต้องเดินอย่างยากลำบากหรือสบาย ทุกอย่างต้องเพิ่งโชคชะตา
เมื่อถึงเวลาเริ่มต้นขึ้น ทุกคนรวมกลุ่มกันเพื่อเริ่มออกเดินทางปีนเขา ไป๋เสว่เอ๋อเดินตามหลังเผยลี่เชิน เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลนัก มีคนเดินแซงหล่อนขึ้นไปด้านหน้า ทำให้หล่อนกับเผยลี่เชินต้องพรากกัน
เมื่อเผยลี่เชินหันหลังมา ไม่เจอไป๋เสว่เอ๋อ เขาตกใจขึ้นมาทันที เขาหันกลับไปหาไป๋เสว่เอ๋อในกลุ่มคนด้านหลัง ทุกคนล้วนใส่ชุดปีนเขา เมื่อมองไปก็ดูคล้ายกันหมด
เผยลี่เชินหยุดเดินครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้น มองไปรอบๆ ในที่สุดเขาก็มองเห็นไป๋เสว่เอ๋อ
เขายื่นมือออกไป จับแขนของหล่อนไว้แน่น จากนั้นดึงหล่อนมาอยู่ข้างตัวเอง “ตามผมมา”
ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกอุ่นใจ พยักหน้าตอบ “โอเคค่ะ”
เดินขึ้นเขาไปได้สักพัก ผู้คนก็เริ่มเดินกระจัดกระจาย ไป๋เสว่เอ๋อเดินตามหลังเผยลี่เชิน ค่อยๆเดินขึ้นเขาไปทีละนิด บางคนก็เดินเซิงพวกเขาไปจนไกลสุดลูกหูลูกตา บ้างก็เดินทิ้งหลังพวกเขา
ไป๋เสว่เอ๋อหันไปมา มองไม่เห็นใครทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หล่อนตกใจกลัวจนเหม่อลอย เท้าของหล่อนไถลลื่นจนเกือบจะล้มลงไป
เผยลี่เชินหันหลังกลับไป เอื้อมมือออกไปจับแขนของหล่อนไว้ เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ระวังหน่อยนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า จากนั้นถามขึ้นด้วยความกังวลใจ “ทำไมถึงมองไม่เห็นใครแล้วล่ะคะ?”
“กลัวแล้วเหรอ?” เผยลี่เชินได้ยินหล่อนถามเช่นนั้น จึงหยุดเดิน
“เปล่าค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อส่ายหน้า
เผยลี่เชินเดินเข้าไปใกล้หล่อน มองหล่อนลงมาจากด้านบน ถามขึ้น “งั้นก็แสดงว่าคุณกลัวที่อยู่กับผมเพียงลำพัง?”
ช่วงไม่กี่วันมานี้พวกเขามักจะอยู่ร่วมกันกับคนอื่น จึงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองต่อสอง มาถึงวันนี้กว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกัน หล่อนกลับไม่ยอมซะงั้น
น้ำเสียงที่ผู้ชายฝ่ายตรงข้ามถามขึ้น ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกกระวนกระวายใจ ส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่ค่ะ”
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่?” เผยลี่เชินยักคิ้วขึ้น ดึงหล่อนมาอยู่ในอ้อมอก
ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า พูดขขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ไม่ใช่ค่ะ”
เผยลี่เชินเผยอมุมปากขึ้น ก้มหน้าลงด้วยความพึงพอใจ จูบไปที่หน้าผาหล่อนเบาๆ “งั้นก็ดี รีบเดินกันต่อเถอะ”