สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 134

ตอนที่ 134

ตอนที่ 134 ผมจริงจังนะ

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้ยินอะไรเลยน่ะ

เธอเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเธอปรากฏให้เห็นรอยยิ้มขึ้นมา เธอพูดอย่างเบาๆ ว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่พูดคุยกันเรื่องทั่วไปสบายๆ น่ะค่ะ”

สายตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะมองออกว่าเธอกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ เขายิ้มที่มุมปากและก้าวลงบันไดไปอีก 2-3 ขั้น พร้อมกับถามกลับและหัวเราะเล็กน้อย “ผมจะไปได้ยินคุณพูดว่าคนสองคนเข้ากันได้ดี หรือรักษาหน้าของกันและกันได้อย่างไร”

คอของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นขึ้นมาทันที เธอพูดไม่ออก การที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขาได้ยินชัดเจนแล้ว แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วเจตนาถามเธอกลับมาแบบนั้นกันนะ

“นี่ ไป๋เสว่เอ๋อร์” เผยลี่เชินจงใจเรียกชื่อของเธอทีละคำอย่างช้าๆ โทนเสียงของเขาอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความลึกลับอย่างบอกไม่ถูก

แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนไปหมด แต่เธอกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉันคิดว่าถ้าจะเล่นละครตบตาเธอก็ต้องเล่นให้เข้าถึงบทบาทค่ะ ในเมื่อคราวก่อนพวกเราแสดงละครตบตาคุณหนูเหอไปแล้ว ครั้งนี้ก็ต้องเล่นละครต่อไปค่ะ…”

ในขณะที่เธอยังไม่ทันพูดจบประโยคดีนั้น เผยลี่เชินก็ก้าวลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายเสียแล้ว เขาเอื้อมมือและคว้าตัวเธอเข้าไปกอดอยู่ในอ้อมแขนของเขา

ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าโดยไม่รู้ตัว จังหวะนั้นสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทที่ส่องประกายของชายหนุ่มในทันที

สีหน้าของเผยลี่เชินดูจริงจัง ไม่มีทีท่าว่าเขาจะล้อเล่นเลยสักนิดเดียว “แต่ว่าผมจริงจังนะ”

ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกบีบรัดแน่นขึ้นมาชั่วครู่ เลือดที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างของเธอพลันหยุดนิ่งและแข็งขึ้นมาในทันที

“ฉัน…” เธอเอ่ยปาก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับจับคางของเธอขึ้น และใช้นิ้วค่อยๆ ลูบไล้ไปตามริมฝีปากที่เปิดอยู่เล็กน้อยของเธอ สายตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง

เขาหัวเราะเบาะๆ “คุณเป็นอะไรไปน่ะ ไม่ยินยอมเหรอ”

หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์หวั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และลืมคำตอบอื่นใดไปหมดทั้งสิ้น ความรู้สึกที่เผยลี่เชินมีให้กับเธอนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนผ่านทางดวงตาของเขา มือของเขาที่จับอยู่บริเวณเอวของเธอนั้นรัดแน่นขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับอาศัยแรงดึงตัวเธอเข้าหาตัวของตนเอง

เขาก้มศีรษะลง และโน้มเข้ามาใกล้ใบหูของเธอโดยอัตโนมัติ เขากระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “คุณไม่ต้องพูดหรอก ผมรู้ว่าคุณยินยอมนะ”

ลมหายใจอันอบอุ่นกระจายอบอวลไปทั่วบริเวณช่วงไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทำให้เธอรู้สึกได้ว่าบริเวณคอ แขน ขา และทั่วร่างกายของเธอนั้นรู้สึกชาไปทั้งหมดเสียแล้ว

ร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์อ่อนแรง เธอเอื้อมมือไปออกไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ และกอดเข้าไปที่ร่างของชายหนุ่มอย่างเบามือ เผยลี่เชินอาศัยจังหวะนั้น ดันเธอชิดเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับจูบเธออย่างไม่รีรอให้เธอได้เอ่ยคำพูดใดๆ

ชั่วครู่นั้น ท้องฟ้ากลับหมุนไปรอบๆ ตอนนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นน้ำที่ไร้รูปร่างไปเสียแล้ว สมองของเธอไม่ยอมรับฟังคำสั่งใดๆ อีกต่อไป

กลิ่นอันหอมหวานของหญิงสาวลอยอบอวลติดไปทั่วปลายจมูกของเผยลี่เชิน เขายิ่งสูดหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวและกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวว่า “กลับห้องกับผมนะ”

แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเธอเกือบครึ่งหนึ่งแนบชิดอยู่กับร่างกายของเผยลี่เชิน ขาของเธออ่อนแรงจนยืนไม่อยู่ สติสัมปชัญญะสุดท้ายของเธอดึงสติกลับมาให้เธอตอบปฏิเสธเขา “ไม่ได้นะคะ…แผลของคุณยังไม่หายดีเลยค่ะ…”

เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากและหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก”

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งโอบเธอเข้าไว้ในอ้อมแขน และก็ก้าวขึ้นบันไดไป…

กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะลุกขึ้น แต่ทว่าเผยลี่เชินที่นอนอยู่ข้างๆ นั้นกลับเอื้อมมือมาดึงเธอให้กลับไปนอนในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจอย่างแผ่วเบาอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เธอขมวดคิ้วและทำเสียงไม่พอใจ ทันใดนั้น คางของเธอก็ถูกจับให้เงยขึ้นมา เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้น “คุณจะไปอย่างนี้เหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง แค่นี้ยังไม่พอเหรอ…เขายังต้องการอะไรอีกกันนะ

เธอปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนเรื่องพูดคุย “ฉัน… ฉันยังมีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณ…”

เอกสารจำนวนหนึ่งที่วันนี้เธอนำมาจากบริษัทนั้นต้องการลายเซ็นของเขาทั้งหมด และวันนี้เรื่องที่เธอได้ต้อนรับผู้รับผิดชอบจากองค์กรการกุศล เธอก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย

สายตาของเผยลี่เชินปรากฏรอยยิ้มขึ้น “เล่ามาสิ” เขาตอบกลับโดยไม่รอให้เธอพูดจบ

สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์จริงจังขึ้นเล็กน้อย “วันนี้คุณหลิวต๋า ผู้รับผิดชอบจากองค์กรการกุศลมาที่บริษัทค่ะ เขาตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร และยังบอกอีกว่าการที่เครื่องรับส่งวิทยุเสียและใช้การไม่ได้ในวันที่จัดกิจกรรมนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ฉันคิดว่าพวกเขาคิดที่จะปัดความรับผิดชอบในครั้งนี้ค่ะ”

เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย เขานิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พวกเขาคงไม่รับผิดชอบแน่นอนค่ะ”

“อย่างที่คิดไว้เลย” เผยลี่เชินพึมพำออกมาเบาๆ

“จะทำอย่างไรดีคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าและมองเขาด้วยความสงสัย

“ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่เป็นผลดีกับพวกเขาเลยสักนิด การตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดชัดเจน นอกจากจะทำให้คนที่ลงมืออยู่เบื้องหลังต้องไม่พอใจด้วยแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยและการเตรียมการของพวกเขาไร้ซึ่งความสมบูรณ์แบบ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ความนิยมในกิจกรรมของพวกเขาจะต้องลดลงเป็นอย่างมาก และส่งผลกระทบกับกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในอนาคตของพวกเขาอย่างแน่นอน”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็ตระหนักขึ้นมาในทันทีว่า เรื่องราวที่ยากจะทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้แบบนี้นั้น พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้มันเกิดขึ้น

เธออดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “และเพื่อความสมดุล พวกเขาก็เลยเลือกที่จะหาเหตุผลมาตอบปัดพวกเราแบบขอไปที เพื่อให้เรื่องราวยุติแต่เพียงเท่านี้ใช่ไหมคะ”

เผยลี่เชินพยักหน้า “อืม ในเมื่อทำให้เผยซื่อไม่พอใจ พวกเราก็ทำได้เพียงแต่ลดการบริจาคเงินให้น้อยลง แต่ถ้าพวกเขาทำให้ชื่อเสียงของตัวเองต้องเสียไปแล้วล่ะก็ เกรงว่ากิจกรรมของพวกเขาในอนาคตจะมีคนมาเข้าร่วมน้อยลงมากทีเดียว”

ไป๋เสว่เอ๋อร์โกรธเล็กน้อย และขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาทำแบบนี้ไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย ขายผ้าเอาหน้ารอดแบบนี้กับพวกเรา คิดที่จะปิดบังการทุจริตและซ่อนเอาไว้ใต้พรมสินะ”

“แต่ก็ไปโทษพวกเขาไม่ได้หรอก แต่ก่อนองค์กรการกุศลก็มีการบริหารที่ไม่ค่อยดีนัก ถ้าเกิดไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดานักธุรกิจของกลุ่มธุรกิจเมืองไห่เฉิง ก็เกรงว่าสถานการณ์ในบ้านสวัสดิการเหล่านั้นจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินชายหนุ่มพูดดังนั้น เธอก็นึกถึงวันนั้นที่พวกเขาได้พบกับบรรดาเด็กๆ ที่บ้านสวัสดิการในโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตขึ้นมาในทันที หัวใจของเธอก็อ่อนโยนขึ้น และความโกรธที่กดทับอยู่ในจิตใจก็ลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเผยลี่เชิน “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีคะ ในเมื่อเรารู้ว่ามีใครบางคนกำลังเล่นงานเราอยู่…”

“ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อพวกเขากล้าที่เล่นงานเรา จะต้องมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ตามมาแน่ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่พวกเขาเผยธาตุแท้ที่แท้จริงออกมาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคุณยังกลัวว่าเราจะจับพวกเขาไม่ได้อีกไหม”

ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเป็นกังวล เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เมื่อเผยลี่เชินเห็นว่าจู่ๆ หญิงสาวก็เงียบไป เขาก็เอื้อมมือและลูบผมของเธออย่างเบามือ “เป็นอะไรไปน่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจ “ฉันกังวลค่ะ พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในความมืด แต่พวกเรากลับตกเป็นเป้าหมายอยู่ในที่แจ้ง ถ้าเกิดพวกเขาคิดที่จะเล่นงานพวกเราอีกล่ะก็ ฉันกลัวว่าอาจจะมีโอกาสที่…”

ครั้งนี้ พวกเขาบังเอิญแค่บาดเจ็บเท่านั้น แต่ครั้งหน้า เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเกิดเรื่องที่น่ากลัวกว่านี้ก็ได้ เธอไม่กล้าคิดเลย

เผยลี่เชินปลอบโยนเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ยิ่งพวกเรากังวลมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งหลบซ่อนตัวได้ดียิ่งขึ้น รอให้เวลาช่วงนี้ผ่านไปก่อน เมื่อไรที่พวกเขาลดความระมัดระวังลง เมื่อนั้นพวกเราก็จะมีเวลาสนุกกับพวกเขาอย่างแน่นอน”

“ค่ะ” เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่จริงจังของเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจได้อย่างประหลาด

ก่อนเวลาอาหารค่ำ เผยลี่เชินกำลังจัดการกับเอกสารอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือ ส่วนไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กำลังตรวจสอบอีเมลที่ได้รับอยู่ในห้องนอน หลังจากที่เธออ่านอีเมลทุกฉบับเรียบร้อย และแน่ใจว่าไม่มีฉบับไหนที่สำคัญเป็นพิเศษ เธอก็ลุกขึ้น และคิดที่จะไปหาเผยลี่เชินที่ห้องอ่านหนังสือ

ขณะที่เธอยังเดินไปไม่ถึงหน้าห้องอ่านหนังสือนั้น เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากชั้นล่าง หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบแน่นเล็กน้อย เธอค่อยๆ เดินลงบันไดมายังบริเวณชั้นล่างของคฤหาสน์

ขณะที่เธอลงมาได้ครึ่งทางแล้วนั้น เสียงพูดคุยที่ดังอยู่เบื้องล่างก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

“แกอยากให้ฉันพูดอะไรกับแก หลายปีที่ผ่านมานี้ แกไม่เคยบาดเจ็บเลยสักครั้งเดียว กับอีแค่กิจกรรมที่จัดขึ้นแค่นี้ถึงกับทำให้แกต้องบาดเจ็บจนต้องเย็บแผลเลยหรือ แกรู้ไหม แกไม่ได้กำลังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตัวแกเองนะ แกเป็นตัวแทนของเผยซื่อทั้งหมด!”

น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธนี้ คือน้ำเสียงของคุณพ่อเผย!

หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบแน่น เธอไม่รู้ว่าควรจะกลับไปที่ห้องหรือว่าควรจะลงไปข้างล่างดี ระหว่างที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้น ที่บริเวณชั้นล่างก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันได้ยินว่าแกบาดเจ็บก็เป็นเพราะปกป้องไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ ฉันเคยบอกแกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท