สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 139

ตอนที่ 139

ตอนที่ 139 ถูหลังให้ฉันหน่อย

เมื่อเสิ่นหรูเฟิงเห็นสวี่เยว่หรูตอบกลับมาเช่นนี้ ตาของเขาก็เป็นประกายในทันที “เหรอครับ ผมมองไม่ออกเลยนะ แต่ผมได้ยินมาว่าเธอเพิ่งมาทำงานที่บริษัทนี้ได้ไม่นาน ถ้าพูดถึงประสบการณ์แล้ว ก็คงไม่สามารถเทียบเลขาสวี่ได้หรอกใช่ไหมครับ”

เมื่อสวี่เยว่หรูโดนชมเข้าให้ หน้าของเธอก็แดงขึ้นมาในทันที เธอมองไปที่เสิ่นหรูเฟิงหลายต่อหลายครั้ง พร้อมกับยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “อันที่จริง ฉันทำงานที่เผยซื่อมานานมากแล้วค่ะ มีประสบการณ์ แต่ความสามารถยังคงไม่เพียงพอ ยังต้องเรียนรู้อีกค่ะ”

เสิ่นหรูเฟิงหัวเราะออกมาเบาๆ “เลขาสวี่ช่างถ่อมตัวเสียจริง คุณยังสาวยังสวย แถมยังมีความสามารถตั้งมากมาย ไม่แพ้เลขาไป๋เลยสักนิดเดียว”

แก้มของสวี่เยว่หรูแดงขึ้นในทันที ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้น ลิฟต์ก็หยุดพอดี เมื่อเสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออก

หญิงสาวเดินออกไปจากลิฟต์ พร้อมกับนำทางประธานเสิ่นไปยังห้องทำงานของเผยอี้ “ประธานเสิ่นก็ชมดิฉันเกินไปค่ะ”

“เลขาสวี่ ผมคิดว่าแค่เราคุยกันคงไม่พอ ทำไมเราไม่แอดวีแชตกันไว้ล่ะครับ ไว้นัดวันออกไปดื่มชาหรือกาแฟด้วยกัน ดีไหมครับ”

เมื่อสวี่เยว่หรูได้ยินดังนั้น เธอก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย “…ได้เหรอคะ”

เสิ่นหรูเฟิงยิ้ม พร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาส่งให้กับเธออย่างสุภาพ “ได้สิครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีโอกาสรู้จักผู้หญิงที่วิเศษเช่นคุณ”

เมื่อสวี่เยว่หรูถูกชมจนตัวลอยขนาดนี้ เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก เธอจึงรีบพิมพ์ช่องทางการติดต่อเธอลงไปในทันที

ในช่วงนี้ ท่าทีของเผยลี่เชินที่ดูชอบพอไป๋เสว่เอ๋อร์นั้นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธจัด นึกไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะได้พบกับใครบางคนที่รู้จักที่จะชื่นชมเธอ…

เธอดีใจเป็นอย่างมาก หัวใจของเธอพองโต แต่เธอหารู้ไม่ว่าฝันร้ายของเธอนั้นเพิ่งจะเริ่มต้น…

ทันทีหลังจากเลิกงาน ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบหาข้ออ้างกลับบ้านในทันที

เรื่องราวของคุณแม่ของเธอนั้นยังคงติดค้างอยู่ในใจเสมอมา นอกจากนั้นยังมีเรื่องแหวนราคาแพงวงนั้นอีก ทำให้เธอไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้

จากบริษัทไปยังละแวกบ้านของเธอนั้น กินเวลาไปเกือบ 30 นาที เธอเดินไปที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ และกดกริ่งประตู

ไม่ช้า คนรับใช้คนหนึ่งก็ออกมาจากห้อง และเดินไปที่ข้างๆ ของประตูเหล็กและมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณเป็นใครคะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มและพูดว่า “แม่ของฉันเป็นเพื่อนของน้าหรงค่ะ ฉันมีธุระเล็กน้อยเลยมาหาน้าหรงค่ะ”

หลังจากไป๋เสว่เอ๋อร์รอให้คนรับใช้ไปบอกน้าหรงแล้ว ไม่นานนักคนรับใช้ก็รีบกลับมาเปิดประตูและเชิญให้เธอเข้าบ้าน

เมื่อคนรับใช้เดินเข้าไปในคฤหาสน์ เธอก็มองเห็นสวี่ลี่หรงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เมื่อสวี่ลี่หรงเห็นหญิงสาว เธอก็รีบลุกขึ้นและทักทาย “เสว่เอ๋อร์ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่บ้านของน้าได้ล่ะจ๊ะ”

“สวัสดีค่ะ น้าหรง” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม “พอดีหนูเพิ่งกลับบ้านไป แล้วไม่เจอคุณแม่อยู่ที่บ้าน เลยคิดว่าคุณแม่อาจจะอยู่ที่นี่ ก็เลยมาหาน้าหรงที่นี่นั่นแหละค่ะ”

เมื่อสวี่ลี่หรงได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเอ่ยปากถามทันทีว่า “แม่หนูไม่ได้อยู่กับน้าที่นี่จ้ะ แม่เขาอาจจะออกไปเดินเล่นก็ได้นะ ทำไมหนูไม่ลองโทรศัพท์ถามแม่เขาดูล่ะคะ”

“โทรแล้วค่ะ แต่แม่ไม่รับสาย แม่บอกว่าถ้าแม่เสร็จธุระแล้วจะมาหาคุณน้าที่นี่ค่ะ หนูก็เลยมาที่นี่เพื่อหาคุณแม่”

น้าหรงยิ้ม “ช่วงนี้ คุณแม่ของหนูไม่ได้มาหาน้าที่นี่หรอก หนูอยากให้น้าโทรหาแม่ แล้วถามให้ไหมจ๊ะว่าเขาอยู่ที่ไหน”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น มือที่กำโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นก็ยิ่งกำแน่นขึ้นไปอีก จากนั้นเธอก็รีบปฏิเสธทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ น้าหรง เดี๋ยวหนูจะลองโทรหาแม่เขาอีกสักหน่อย ไม่รบกวนน้าแล้วล่ะค่ะ”

เมื่อออกมาจากบ้านของสวี่ลี่หรง ทั่วทั้งร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือก เมื่อสักครู่นี้ น้าหรงพูดชัดเจนแล้วว่าไม่กี่วันมานี้ แม่ของเธอไม่ได้มาน้าหรงที่นี่เลย เห็นได้ชัดว่าแม่ของเธอโกหกเธอ

สรุปแล้ว เมื่อกลางดึกของคืนวานนี้ แม่ไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะ ทำไมถึงต้องโกหกเธอด้วย

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อเธอเห็นว่าท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืดทึมแล้ว เธอก็รีบเรียกแท็กซี่ และกลับไปคฤหาสน์ในทันที

เมื่อเธอเดินไปถึงประตูหน้าบ้าน ป้าจางก็ออกมารอต้อนรับเธอ “คุณหนูไป๋คะ ทำไมวันนี้ถึงกลับมาค่ำจังเลยล่ะคะ ประธานเผยกลับมาได้ชั่วโมงกว่าแล้วนะคะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้ป้าจาง “มีเรื่องที่ต้องจัดการนิดหน่อยค่ะ”

ป้าจางพยักหน้า พร้อมกับถามอย่างเป็นห่วงว่า “ทานข้าวหรือยังคะ คุณรีบไปล้างมือเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าเรียกคุณผู้ชายให้ลงมาทานข้าวด้วยกัน”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้ว “เขายังไม่ได้ทานข้าวเหรอคะ”

ป้าจางชะงักไปชั่วครู่ “คุณผู้ชายบอกว่า… รอให้คุณกลับมาก่อนค่อยทานพร้อมกันค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาภายในหัวใจทันที เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วถ้าให้หนูยกอาหารขึ้นไปให้เขาทานบนห้องล่ะคะ”

“แบบนั้นก็ดีค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามป้าจางเข้าไปในห้องครัว และวางก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมู 2 ชามลงไปในถาดอาหาร เมื่อเธอขึ้นไปยังชั้นสอง เธอก็เห็นว่าไฟในห้องอ่านหนังสือเปิดอยู่ เธอจึงเดินตรงไปที่นั่นในทันที

เธอผลักประตูเดินเข้าไป และเห็นเผยลี่เชินกำลังอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงาน คิ้วของชายหนุ่มขมวดแน่น และดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม พร้อมกับวางถาดอาหารไว้ที่มุมโต๊ะ และถามเขาด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “วันนี้ ป้าจางทำก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูค่ะ คุณอยากทานไหมคะ”

เผยลี่เชินมองไปที่กองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเขา แลกยมือขึ้นนวดไปที่คิ้วของตนเอง สักพักเขาก็ลุกขึ้น “อืม”

ชายหนุ่มก้มหน้าทานก๋วยเตี๋ยว และไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ไม่ช้าก็มองเห็นก้นชามของชามก๋วยเตี๋ยวเสียแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์มองออกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่นั่งทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเงียบๆ

“วันนี้ คุณไปไหนมา”

คำถามที่จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอสูดลมหายใจลึก และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ช่วงนี้ คุณแม่ของฉันมีบางอย่างผิดปกติค่ะ…”

ขณะที่หญิงสาวพูดอยู่นั้น เธอก็วางตะเกียบในมือลงอย่างช้าๆ

เผยลี่เชินขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ฉันคิดว่าแม่มีบางอย่างปิดบังฉันอยู่ ฉันเลยอยากลองเช็กดูว่าช่วงนี้แม่กำลังทำอะไรอยู่ค่ะ”

“ถ้าอยากให้ผมช่วย ก็บอกผมได้นะ”

“ค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ทานบะหมี่ต่อไปอย่างเงียบๆ จนหมด เธอเก็บชามก๋วยเตี๋ยว และระหว่างที่เธอกำลังจะเดินออกไปจากห้องอ่านหนังสือนั้น เธอโดนใครบางคนเรียกให้หยุดเอาไว้ “ไป๋เสว่เอ๋อร์”

เธอชะงัก และหันไปมองที่เผยลี่เชิน “คะ”

เผยลี่เชินดูมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ภายในดวงตาของเขามีการชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า “พอกลับไปที่ห้องนอนแล้ว ผมมีบางอย่างอยากให้คุณช่วย”

แม้ว่าภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์จะรู้สึกสับสน แต่เธอก็พยักหน้าตอบรับเขา

หลังจากที่เธอนำชามก๋วยเตี๋ยวไปเก็บที่ห้องครัวเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบน เมื่อกลับไปถึงยังห้องนอน และนึกถึงตอนที่เผยลี่เชินลังเลที่จะพูดบางสิ่งบางอย่างกับเธอ เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาอยากให้เธอช่วยเขาในเรื่องใดกัน

เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนแล้ว เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเผยลี่เชิน ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปจากห้องนอน ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ

เมื่อประตูเปิดออก เผยลี่เชินก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทั่วทั้งร่างกายของเขานั้นมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มอยู่ เผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อของร่างกายส่วนบนที่ทั้งแน่นตึงและดูสะอาดอย่างมาก ทุกเส้นบนแผงกล้ามเนื้อของเขานั้นช่างมีเสน่ห์ดึงดูดในแบบสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเต็มขั้นเสียจริง

ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเผยลี่เชินเห็นว่าสายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาจึงบอกเธออย่างเบาๆ ว่า “มานี่สิ”

ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์กระเจิงไปหมด เขาอยากให้เธอช่วย นี่มันให้เธอช่วยอะไรกันแน่นะ

เธอค่อยๆ ก้าวไปหาเขาอย่างลังเล เมื่อเธอเดินไปถึงยังบริเวณหน้าห้องน้ำแล้ว เธอกลับไม่กล้าที่จะมองเขาโดยตรง

จู่ๆ บรรยากาศภายในห้องก็เต็มไปด้วยความเคอะเขิน เผยลี่เชินกระแอมสองครั้ง พร้อมกับเอ่ยปากอธิบายว่า “ผมมีบาดแผลอยู่บนร่างกาย ผมอาบน้ำเองไม่ได้ คุณช่วยถูหลังให้ผมหน่อย”

เมื่อเธอได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่แท้ก็ขอให้เธอช่วยถูหลังให้เขานี่เอง…

เมื่อเธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองไปที่ผ้าเช็ดตัวเปียกที่เผยลี่เชินส่งมาให้เธอ เธอลังเลอยู่สักพัก แต่ก็เอื้อมมือไปรับมา

เธอกำผ้าเช็ดตัวเปียกผืนนั้นเอาไว้แน่น พร้อมกับเดินอ้อมไปยังด้านหลังของเผยลี่เชินอย่างช้าๆ เมื่อเธอมองไปที่แผ่นหลังที่กว้างใหญ่และแข็งแรงของชายหนุ่ม เธอก็หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงสาวเห็นร่างเปลือยตั้งแต่คอจนถึงบริเวณเอวของชายหนุ่มก็ตาม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสเขาอย่างใกล้ชิดขนาดนี้… เธอใช้มือหนึ่งประคองแขนของเขาไว้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งของเธอหยิบผ้าเช็ดตัวและเช็ดถูแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างเบามือ

ทั้งสองมือของชายหนุ่มยันบริเวณอ่างล้างหน้าเอาไว้ พร้อมกับมองดูใบหน้าอันแดงก่ำของหญิงสาวด้านหลังที่กำลังสะท้อนอยู่ในกระจก เขากลับรู้สึกไม่พอใจอย่างไม่สามารถอธิบายได้

น้ำหนักมือของหญิงสาวนั้นกลับเบาเหลือเกิน วิธีที่เธอใช้ผ้าขนหนูถูหลังของเขาช่างคล้ายกับลูกแมวน้อยกำลังข่วนอยู่ที่แผ่นหลัง แต่ละครั้งช่างชวนให้รู้สึกซาบซ่านเสียจริง…

แผ่นอกของเขารู้สึกร้อนเป็นไฟ หน้าท้องส่วนล่างหดเกร็ง ทันใดนั้น เขาลุกขึ้นยืน และหมุนตัวกลับไป พร้อมกับเอื้อมมือคว้ามือของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้แน่

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท