บทที่ 146 คิดถึงตัวเอง
ไป๋เสว่เอ๋อร์โกรธจัดจนกำมือเป็นหมัดแน่น “ผู้จัดการเฉิน วันนี้หากฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ส่งใครให้คุณเด็ดขาด ใช้ให้พนักงานหญิงไปนั่งเป็นเพื่อนลูกค้าดื่มเหล้า ผลของความผิดติดสินบนครั้งนี้คุณรับไม่ไหวแน่”
เฉินเจิงได้ยินเรื่องติดสินบนที่เธอพูดจึงรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขามองข้ามไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปมองเจียงหวั่นหวั่น ชี้หน้าเธอพร้อมกัดฟันพูด “เจียงหวั่นหวั่น! เธอปากพล่อย พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง รอฉันไว้คิดบัญชีกับเธอ!”
พูดจบก็หันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ หัวเราะแบบเย้ยหยัน “เธอก็อีกคน คิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเลขาที่หลับนอนกับเจ้านาย มีสิทธิอะไรมาตะโกนใส่ฉัน?”
สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์แสดงความโกรธอย่างชัดเจน และพูดอย่างเตือนสติ “ผู้จัดการเฉิน ข้าวกินแบบเลอะเทอะอย่างไรก็ได้ แต่จะพูดจาเลอะเทอะเห็นจะไม่เข้าท่านะ”
“พูดจาเลอะเทอะ?” เฉินเจิงสีหน้าประชดประชัน “ในเผยซื่อมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเธออยู่ข้างกายประธานเผย นอนบนเตียงกับเขามาตั้งนานแล้ว อยู่ในบริษัทก็เที่ยวจับมือถือแขนกอดจูบ ยังจะแกล้งทำตัวสูงส่งอยู่อีก!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์โกรธจนหน้าดำหน้าแดง กำมือแน่นมาก ความโกรธพุ่งทะลุลำคอของเธอ จนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
เจียงหวั่นหวั่นที่ยืนข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ฟังที่เขาพูด ไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้ “เฉินเจิงจิ้งจอกเฒ่า ไม่เคยดูพฤติกรรมตัวเองบ้างเลย เที่ยวไปพูดว่าคนอื่นเขา!”
เมื่อเฉินเจิงได้ยิน จึงพูดด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว “นังโสเภณีมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ดูซิว่าฉันจะเก็บพวกเธอได้อย่างไร!”
เขาพูดแล้วก็เดินไปข้างหน้ายกมือจะตบตีพวกเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ลากเจียงหวั่นหวั่นไปด้านหลัง แต่เฉินเจิงกลับคว้าเธอไว้ ในเวลานั้นที่ด้านหลังเขามีเงาสูงใหญ่ปรากฏขึ้น
เผยลี่เชินเลิกคิ้วสูง ยกเท้าขึ้นเตะที่ขาของเฉินเจิง จนเขาล้มลงกับพื้นโดยไม่คาดคิด
“ใครกันวะกล้ามาลงมือกับฉัน!” เฉินเจิงล้มลงกับพื้นเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ หันไปมองเห็นชายที่อยู่ด้านหลัง ถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
เผยลี่เชินก้มลงมองที่เขาด้วยสายตาเย็นชา “ผู้จัดการเฉิน คุณต้องการเก็บใครรึ?”
สีหน้าของผู้จัดการเฉินเปลี่ยนไป เขารีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วด้วยความกระอักกระอ่วน พยักหน้าก้มตัวถึงเอวยอมรับความผิดต่อหน้าเผยลี่เชิน “ประธานเผย….ลูกน้องผู้หญิงของผมไม่เชื่อฟัง ผมแค่จะสั่งสอนเธอ….”
เผยลี่เชินสีหน้ายังคงเย็นชา “แต่ทำไมฉันรู้สึกว่า คุณอยากจะสั่งสอนคนของฉันด้วย?”
ผู้จัดการเฉินหน้าซีด อธิบายแบบตะกุกตะกัก “ผม….เปล่า คุณเข้าใจผิดแล้วไ
เผยลี่เชินกวาดตามองเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ “เธอไม่เป็นไรนะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัว
เผยลี่เชินหันกลับมาทางเฉินเจิง “ในเมื่อลูกน้องคุณทำผิด ฉันอยู่ที่นี่พอดี งั้นคุณก็บอกฉันมาว่าเธอทำผิดอะไร?”
เฉินเจิงรีบหันไปมองเจียงหวั่นหวั่น ไม่พูดอะไรเลยสักประโยคเดียว
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด เผยลี่เชินจึงหันไปทางเจียงหวั่นหวั่น “เขาไม่พูด งั้นเธอพูดแทนละกัน”
เจียงหวั่นหวั่นลังเลสักครู่แล้วรวบรวมความกล้าพูดออกไป “เพื่อให้ยอดขายสิ้นเดือนเป็นไปตามเป้า ผู้จัดการเฉินจึงให้พนักงานผู้หญิงมานั่งเป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับลูกค้า ส่วนค่าคอมมิชชั่นของทุกเดือนจะตกอยู่ในกระเป๋าของผู้จัดการเฉิน….พวกเราคนนอกไม่สามารถพูดอะไรได้ ตามปกติในบริษัทเขาก็มักจะกดขี่พวกเรา”
“ไร้สาระ!” เฉินเจิงหน้าแดงพูดด้วยอารมณ์โกรธ
เขาเพิ่งพูดจบและเห็นสายตาเย็นชาของเผยลี่เชิน จึงได้หุบปาก
เผยลี่เชินเงยหน้ามองเจียงหวั่นหวั่น “เรียกคนอื่นในแผนกของเธอที่มาที่นี่ในวันนี้มาพบฉันเดี๋ยวนี้”
เจียงหวั่นหวั่นรีบปฏิบัติตามคำสั่ง โทรเรียกเพื่อนคนอื่นที่เหลือ ไม่นานพนักงานคนอื่นก็มาถึง
พนักงานคนอื่นๆ ต่างก็กล่าวโทษเฉินเจิง จนเขาไม่สามารถแก้ตัวได้ ทำให้ตัวเองตื่นตระหนก “ประธานเผย ที่ผมทำไปก็เพื่อความสำเร็จของบริษัท ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แค่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนลูกค้าพูดคุยกันเรื่องออเดอร์ เรื่องนี้….”
“น่าขำ!” ดวงตาเผยลี่เชินเปล่งประกายความโกรธ “เผยซื่อให้พนักงานผู้หญิงทำเหมือนพวกผู้หญิงขายตัวเพื่อแลกกับความสำเร็จทางธุรกิจ ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เฉินเจิงตกใจจนไม่กล้าเงยหน้ามอง ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้ว” เผยลี่เชินทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก จากนั้นก็เดินไปห้องพิเศษ
“ประธานเผย..ผมผิดไปแล้ว!” เฉินเจิงจู่ๆ ก็หมดความมั่นใจ “ผมเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัท ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว….”
เผยลี่เชินหันไปทางบริกร บริกรก็เข้าใจความหมายของเขาเป็นอย่างดี ลากเฉินเจิงไป
พนักงานที่เหลือค่อยๆ แยกย้ายกันไป ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปทางเจียงหวั่นหวั่นพูดเสียงเบาๆ “ต่อไปนี้ก็วางใจได้แล้วนะ”
เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ มองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาซาบซึ้ง “เลขาไป๋ เรื่องในครั้งนี้ขอบคุณมากคะ….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มรับ “ไม่ต้องเกรงใจ เรียกฉันว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้นะ”
เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้าตอบรับ
หลังจากที่เผยลี่เชินจัดการเรื่องห้องพิเศษข้างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็กล่าวอำลาผู้ร่วมทุนของเขา จากนั้นก็พาไป๋เสว่เอ๋อร์และเจียงหวั่นหวั่นออกจากโรงแรม
ที่บริเวณประตูโรงแรม ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปถามเจียงหวั่นหวั่นเบาๆ “เธอไปกับพวกเรา ให้คนขับรถของประธานเผยไปส่ง ตอนนี้ดึกมาแล้ว เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ปลอดภัย”
เจียงหวั่นหวั่นรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นหันไปมองใบหน้าของเผยลี่เชินที่อยู่ข้างๆ “ได้ไหมคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นท่าทางระมัดระวังตัว เธอจึงหัวเราะออกมา เธอหันมาทางเผยลี่เชินยังไม่ทันได้ถาม ชายหนุ่มกล่าวว่า “ขึ้นรถเถอะ”
เจียงหวั่นหวั่นนั่งรถมาตลอดทางไม่กล้าพูดอะไรเลย พอตอนลงรถจึงขอเบอร์ติดต่อไป๋เสว่เอ๋อร์
หลังจากส่งเจียงหวั่นหวั่น นอกจากคนขับรถ ก็เหลือผู้โดยสารสองคน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกโล่งใจ คิดว่าประสบการณ์คืนนี้ค่อนข้างสุดขั้ว ตอนแรกใช้ความพยายามในการเจรจาทางธุรกิจ ต่อมาก็เจอเรื่องแบบนี้ มันช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกอยู่ในภวังค์ คนที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงเรียก “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
เธอกลับมามีสติ หันไปทางเผยลี่เชิน “ทำไมคะ?”
เผยลี่เชินเอ่ยปากถาม “วันนี้ทำไมแค่พนักงานหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งถึงได้ออกโรงซะขนาดนี้?”
การกระทำของผู้หญิงในวันนี้ ทำให้เขาประหลาดใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดเบาๆ “วันนี้ตอนที่ฉันเห็นเจียงหวั่นหวั่นยืนหลบมุมร้องไห้นั้น มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง”
ในตอนที่บ้านตระกูลไป๋เกิดเรื่อง พ่อถูกจับ ส่วนแม่ก็มาป่วยหนัก ภาระทุกอย่างในครอบครัวตกอยู่ที่เธอเพียงลำพัง เธอถึงได้เข้าใจความรู้สึกหมดหนทาง ไม่มีใครช่วยเหลือเป็นอย่างไง
เผยลี่เชินฟังน้ำเสียงที่เคร่งเครียดของเธอจึงเชื่อมโยงไปถึงตอนที่พบเธอตัวเปียกโชกท่ามกลางสายฝน ดูสิ้นหวังหมดหนทาง ทำให้รู้สึกน่าเวทนา
ใจเขาเหมือนถูกบีบรัด จึงยื่นมือโอบที่ไหล่ของเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองสายตาของเขา เขาพูดเบาๆ “วันนั้นมันผ่านไปแล้ว และมันจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นใจ รอยยิ้มปรากฏอยู่ในน้ำตาของเธอ เธอพิงไหล่ของเขาแล้วพูดต่อไป “ที่ฉันออกหน้ารับแทน ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง”
เผยลี่เชินก้มลงมองเธอ “อื๋ม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลดเสียงลงพูดด้วยเสียงนุ่มนวลแต่ยืนหยัด “เพราะฉันรู้ว่า คุณอยู่ข้างหลัง คอยสนับสนุน ปกป้องฉัน ฉะนั้นฉันจึงไม่กลัวอะไร”
เพียงชั่วครู่ เผยลี่เชินรู้สึกใจเต้นแรง มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน