บทที่ 152 เลื่อยขาเก้าอี้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแล้วก็พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่ว่าในใจของเธอกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรมากกว่านี้อย่างแน่นอน
และก็เป็นไปตามคาด ในตอนเริ่มทำงานภาคบ่าย เผยลี่เชินมีธุระต้องออกไปข้างนอก เรื่องที่ต้องรายงานในบริษัทกลายเป็นรายงานให้เธอรับรู้แทน รองหัวหน้าแผนกบุคลากรหลัวหงโทรมาหา “ เลขาไป๋ ประธานเผยอยู่ที่ห้องทำงานหรือเปล่า ”
ในตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังเข้ามาทำงานที่เผยซื่อ หลัวหงเคยช่วยดูแลเธอมาก่อน ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็มีความรู้สึกที่ไม่เลวต่อเขา แต่พอวันนี้ได้ยินน้ำเสียงที่เรีงรีบเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย “ พี่หง ประธานเผยออกไปข้างนอกค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
“ วันนี้แผนกบุคลากรได้ส่งจดหมายการลาออกของจางฉือไปให้ ทางผู้อวนการยังไม่ทันได้อนุมัติ แต่ว่าจางฉือก็ยืนยันที่จะออก ตอนนี้กำลังเก็บของอยู่ ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้ม ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ พี่หงคะ ประธานเผยกำลังจะหาเวลาให้เขามาคุยต่อหน้า พี่ลองช่วยรั้งเขาไว้ก่อนได้มั้ยคะ? ”
“ กลัวว่าจะไม่ได้น่ะสิ เมื่อกี้ฉันก็ไปลองดูแล้ว แต่เขาดุมุ่งมั่นเอามากๆ ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
ตอนนี้เผยลี่เชินคุยงานอยู่ข้างนอก เวลาสองสามชั่วโมงกลับมาไม่ทันแน่ๆ แต่ถ้าเกิดจางฉือลาออกไปแล้ว โครงการนั่นก็จะไม่มีหัวแรงและจะต้องเกิดปัญหาแน่ๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำโทรศัพท์แน่นก่อนจะพูดสั่งไป “ พี่หงคะ ฉันจะไปชักจูงเขาเอง พี่ช่วยถ่วงเวลาเขาไว้ก่อนนะคะ ”
“ ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ”
พอวางสายไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบเดินไปยังแผนกบุคลากรทันที กำลังเดินไปถึงก็ได้ยินเสียงการเจรจาที่ดังมาจากข้างใน
ท่ามกลางผู้คน ก็มีชายอายุสามสิบกว่าปียืนเก็บของอยู่ตรงนั้น คนรอบข้างต่างช่วยกันพูดคนละคำสองคำเพื่อรั้งให้เขาอยู่ต่อ แต่เขากลับไม่สนใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเป็นคนที่ชื่อจางฉืออย่างแน่นอน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินเข้าไป คนข้างๆก็รีบหลีกทางให้ เธอเดินไปด้านหน้าของจางฉือที่กำลังยื่นมือไปคว้าเอกสารที่มุมโต๊ะเลยชิงยื่นมือไปกดเอกสารนั่นไว้ก่อน
จางฉือเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ปรายตามองป้ายชื่อบนหน้าอกแล้วก็เข้าใจทันที “ ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ เพราะผมได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้ร้อนรนแต่กลับพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ ฉันรู้ค่ะ แต่ที่ฉันว่าก็เพราะมีเรื่องอยากจะบอกคุณให้เข้าใจชัดเจนก่อน เพื่อที่ว่าหลังจากนี้จะได้ไม่เกิดข้อพิพาทกันขึ้นมาอีก ”
ในตอนที่เดินมาเธอเองก็ได้คิดเรื่องนี้ใหม่อีกรอบ ว่าไปตามหลักแล้วการลาออกอย่างกะทันหันแบบไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน และท่าทีที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วแบบนี้ ความจริงแล้วมันจะต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
จางฉือได้ยินแล้วชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ “ เงินเดือนนี้ผมไม่เอาก็ได้ ยังมีปัญหาอะไรอีกไหมครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำหน้าจริงจัง “ การเอาเงินหนึ่งเดือนให้คุณ มันไม่ได้มีผลอะไรกับเผยซื่ออยู่แล้ว แต่ในการที่คุณยึดมั่นจะต้องไปวันนี้ให้ได้ ฉันว่ามันคงไม่ใช่เรื่องของเงินเดือนง่ายๆเพียงอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ ”
“ หมายความว่าไง? ” จางฉือทำหน้าขรึมพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ ตอนนี้แผนกเทคนิคมีโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ และคุณก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย และอีกอย่างคุณที่เป็นถึงหัวหน้าที่รับผิดชอบงานนี้ ถ้าเกิดคุณไปแล้ว โครงการจะทำยังไงต่อไป ค่าเสียหายใครจะรับผิดชอบ? ”
พอเธอพูดออกมาแบบนี้จางฉือที่หน้าซีดลง ไม่รู้จะพูดอะไร เธอก็เริ่มพูดขึ้นอีกรอบ “ ถ้าคุณไปแบบไม่คิดอะไร แต่กลับทำให้ลูกน้องที่เหลือต้องรับหน้าที่กันเอง พอถึงเวลานั้นมาพวกเขาโดนหักเงินเดือน โดนหักเงินโบนัสจะไปโทษใครล่ะ? จางฉือ คุณเป็นถึงหัวหน้าการทำงานเป็นทีมแค่นี้ควรรู้ใช่ไหมคะ? ”
พนักงานที่อยู่รอบๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เพียงพักเดียวเสียงตำหนิก็เริ่มดังขึ้น
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางอย่างจางฉือยิ่งฟังยิ่งมีสีหน้าที่ดูไม่ได้
เพียงครู่เดียว เขากำหมัดแน่นหอบเอาของบนโต๊ะยัดลงกล่องกระดาษ แล้วยกขึ้นมาหอบไว้ “ ผมไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้น ยังไงก็แล้วแต่วันนี้ผมจะต้องลาออกให้ได้”
ระหว่างที่พูด เขาก็เดินเบียดผู้คนก้าวขายาวๆออกไปข้างนอก
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบตามไปอย่างรวดเร็ว เพื่อขวางทางของเขาเอาไว้ “ คุณจะไปก็ไม่เป็นไร แต่นี่ไม่ใช่ตลาดที่คุณคิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็มา สัญญาการลาออกยังไม่ได้ทำให้เสร็จสมบูรณ์ ข้อมูลของคุณก็ยังอยู่ที่นี่ ใครจะกล้ารับคุณเข้าทำงาน ? ”
“ นี่คุณ!” สายตาของจางฉือบ่งบอกถึงความโกรธ
พอเห็นท่าทีของเขาแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังสงสัยอยู่ เธอมองเขาอย่างจดจ่อก่อนจะพูดเสียงเบา “ ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายคนหาทางออกไม่ได้ก็มากับฉัน พวกเราไปคุยกันเป็นการส่วนตัว”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องประชุมข้างๆ ผ่านไปพักเดียวจางฉือก็ดันประตูเข้ามา
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เอ่ยปากถามไปตรงๆแบบไม่ได้อ้อมค้อม “ มาถึงวันนี้แล้ว มีเพียงแค่เราสองคนอยู่ตรงนี้ คุณจะบอกได้ไหมคะว่าบริษัทไหนที่มาทำให้คุณเปลี่ยนใจ ”
จางฉือไม่ได้มีเหตุผลที่พิเศษ ขนาดว่าใบลาออกยังเอามาจากเน็ตและอีกอย่างขนาดว่าเงินเดือนยังไม่อยากได้ แถมยังยึดมั่นแน่วแน่ว่าจะต้องลาออกวันนี้ให้ได้ เอาหลายๆอย่างมารวมกันแล้ววิเคราะห์ก็สามารถเดาได้ว่าเขาอยากที่จะโยกย้ายงาน
แต่ว่าคนที่เลื่อยขาเก้าอี้ไม่ค่อยรู้งาน ตั้งใจอยากให้จางฉือย้ายงานในตอนที่กำลังมีการดำเนินโครงการอยู่ มันชัดเจนว่าอยากจะให้เผยซื่อเจอกับปัญหา
พอจางฉือได้ยินเธอถามขึ้นมาแบบนี้ ก็มีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก “ ไม่มีใครมาทำให้ปมเปลี่ยนใจ ผมแค่ไม่อยากจะทำแล้วก็เท่านั้น ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าเขาไม่ยอมรับก็ไม่ได้รีบร้อน ค่อยๆพูดขึ้นช้าๆ “ ในเมื่อไม่มีคนมาทำให้คุณเปลี่ยนใจ งั้นก็ช่างมันเถอะ โครงการกำลังดำเนินการอยู่ ถ้าเกิดคุณไปค่าเสียหายทั้งหมดก็มีคุณมารับผิดชอบละกัน ทางบริษัทจะส่งทนายความไปให้เองค่ะ ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ ก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป จางฉือตะลึงเมื่อได้ยิน พอเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะลุกหนีไปก็เริ่มไม่มีความมั่นใจ “ เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน ! ”
โครงการใหญ่ขนาดนี้เขาเองก็ใช่ว่าจะสามารถรับผิดชอบได้อย่างง่ายๆ สวัสดิการที่คนๆนั้นให้มาคาดว่าเอามาชดใช้ค่าเสียหายแค่หนึ่งในสิบส่วนมันก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ
“ ผมบอก….” จางฉือชะงักไปพักหนึ่ง “ เป็น….บริษัทเสิ่นซื่อ ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแล้วขมวดคิ้ว แต่เพียงพักเดียวก็เข้าใจ เธอเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ เสิ่นหรูเฟิง? ”
จางฉือลังเลไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ
เธอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องมันจะต้องไม่ใช่ง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคอยบงการทุกอย่างจริงๆแล้วจะเป็นเสิ่นหรูเฟิง วันนี้เผยซื่อมีเรื่องทั้งในและนอกบริษัทมากมาย เผยลี่เชินเองก็ยุ่งจนหัวปั่นรับมือแทบไม่ไหว เขากลับเอาเวลานี้สอดขาเข้ามาขัด จริงๆแล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ?
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติก็หันไปมองจองฉือ ลังเลพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบาๆ “ คุณเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหลังจากที่โยกย้ายงานหรือเปล่าคะ? คุณคิดว่าคนฉลาดอย่างเสิ่นหรูเฟิงจะใช้งานคนที่เคยหักหลังเจ้านายเดิมของตัวเองงั้นหรอ? ”
เสิ่นหรูเฟิงมาแย่งเขาไปแบบนี้ จะต้องไม่ใช่เพราะเห็นถึงความเก่งของจางฉืออย่างแน่นอน แต่เพียงเพราะตั้งใจจะทำให้วุ่นวาย ทำให้เผยซื่อเกิดปัญหาก็เท่านั้น จางฉือเองก็ไม่ใช่คนโง่จะต้องคิดเรื่องนี้ได้เป็นธรรมดา
เขารู้สึกไม่มีความมั่นใจ ก่อนจะถามขึ้นแบบขอความช่วยเหลือจากไป๋เสว่เอ๋อร์ “ งั้น.. ผมควรทำยังไงดี… ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปมองจางฉือ “ คุณนัดเจอเขา ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ”
เธอสงสัยเสิ่นหรูเฟิงมานานแล้ว รวมถึงการพบเจอกันโดยบังเอิญในงานการกุศลและเรื่องแปลกๆเมื่อครั้งก่อน เธอรู้สึกว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเสิ่นหรูเฟิงอย่างแน่นอน เธอเองก็จะใช้โอกาสนี้ในการหยั่งเชิงดูเหมือนกัน
จางฉือรู้สึกลังเล แต่พอเห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของไป๋เสว่เอ๋อร์สุดท้ายก็พยักหน้ารับ
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ วันนี้เผยลี่เชินยุ่งมากพอแล้ว เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้เขาจะเป็นคนจัดการเอง