บทที่ 181 ไม่มีมิตรที่ยั่งยืน
เมื่อได้ยินเผยอี้เอ่ยถึงไป๋เสว่เอ๋อร์ เผยลี่เชินมองเผยอี้ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ “เธอสบายดีทุกอย่าง เมื่อเธออยู่กับฉันที่นี่”
การประกาศอย่างชัดเจน เผยอี้ย่อมต้องเข้าใจแน่นอน
เผยอี้หัวเราะเสียงดังพร้อมกับคำพูดเสียดสี “วางใจเถอะ ฉันใกล้จะแต่งงานแล้ว ไม่ได้คิดเกินเลยกับเธอแน่”
“แบบนั้นดีที่สุด” เผยลี่เชินลดสายตาพร้อมนั่งบนโซฟาอย่างสง่างามตรงข้ามเผยอี้ “มาหาฉัน มีเรื่องอะไร?”
เผยอี้มาหาเขาเป็นพิเศษถึงนี่ ไม่ใช่แค่มาถามเรื่องเกี่ยวกับไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเดียว
เผยอี้นั่งไขว่ห้างก่อนเอ่ยปาก “ตอนนี้ฟางหรงเทียนก็ถูกจับแล้ว แต่คุณพ่อก็ยังไม่มีท่าทีอะไร ในบริษัทยังมีคนที่ภักดีต่อฟางหรงเทียน จะจัดการให้สะอาดเลยไหม?”
ข้อห้ามของบริษัทคือ ห้ามตั้งตัวเป็นก๊กเป็นเหล่า หากตอนนี้ฟางหรงเทียนถูกปล่อยออกมา และคนในบริษัทไม่ว่าจะน้อยหรือมากต่างได้ยินข่าวลือจำนวนมากแล้วเรื่องมันก็จะยิ่งวุ่นวาย อีกอย่างลูกน้อยของฟางหรงเทียนหากไม่กำจัดให้สิ้นซากก็จะเป็นภัยในภายหลังได้
ดวงตาของเผยลี่เชินดำดิ่งก่อนพูดเบาๆ “กำจัดซะ”
เผยอี้ขมวดคิ้ว “มีสองสามคนตำแหน่งสูงอยู่ แน่ใจนะว่ากำจัดทั้งหมดเลย?”
เผยลี่เชินเงยหน้ามองเผยอี้ “ไม่งั้น? ปล่อยพวกเขาไว้ก็จะกลายเป็นฟางหรงเทียนคนที่สองที่สาม?”
แม้ว่าการกำจัดจะไม่ได้คำนึงถึงความทรงจำเก่าๆ แต่ในโลกธุรกิจความอยู่รอดถือเป็นชัยชนะ พวกเขามั่นใจในตัวฟางหรงเทียนตั้งแต่แรก ก็ควรคิดถึงวันหนึ่งถ้าเขาล้มลงพวกเขาจะเป็นอย่างไร
เผยอี้พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร “ได้ ฉันจะไปจัดการ”
เผยลี่เชินพูดเบาๆ “ฉันจะให้ฉีเฟิงไปช่วยนาย”
เผยอี้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไม่เชื่อความสามารถของฉันรึไง?”
เห็นเผยอี้แสดงความไม่พอใจ แต่เผยลี่เชินยังคงยืนกราน “แค่กรณีนี้”
เผยอี้อารมณ์เสียมากเมื่อเขาพูดแบบนี้ จึงลึกขึ้นแล้วพูดเสียงเย็นชา “ดูท่าพี่ก็ยังไม่เชื่อใจฉันอยู่ดี”
เผยลี่เชินตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่เกี่ยวกับความเชื่อใจ ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ก็ต้องมั่นใจเต็มที่ทำให้สำเร็จ”
มอบเผยซื่อให้เผยอี้เขาเองก็ไม่วางใจ อีกอย่างร่วมงานกันครั้งเดียวไม่ได้แปลว่าจะเป็นมิตรตลอดไป
เผยอี้ดูเหมือนรู้สึกอับอาย สายตาแสดงความโกรธไม่พอใจ จ้องมองเผยลี่เชินที่นั่งอยู่บนโซฟา ถามเขาด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อไม่เชื่อใจฉัน แล้วทำไมถึงให้ฉันร่วมมือกับพี่กำจัดฟางหรงเทียน?”
“ฉันให้โอกาสนายได้ชดใช้ก็เท่านั้นเอง ถ้าให้นายชดใช้เงินค่าเสียบริษัทหลั่งอี้ เกรงว่านายคงรับไม่ไหว?”
เผยอี้พูดไม่ออก เพราะความโกรธเข้าครอบงำจนหน้าแดงไปหมด
เผยลี่เชินลุกขึ้นเดินไปหาเผยอี้ ชิงพูดก่อนที่เผยอี้จะพูด “อีกอย่าง ต่อให้นายไม่สามารถนำหลักฐานมาได้ ฉันก็มีหลักฐานอื่นพอที่จะเล่นงานฟางหรงเทียน”
ให้เผยอี้ไปหาหลักฐานก็เพื่อเพิ่มเบี้ยหมากในมือ แม้เขาจะหาหลักฐานมาไม่ได้ เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับฟางหรงเทียน
เป็นเผยอี้ที่คิดเองว่าผลงานชิ้นเล็กของเขาเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง แค่งานเล็กๆ แต่อยากได้รับการยอมรับ ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ ก็ภูมิใจยกใหญ่ มิน่าถึงทำให้โครงการต่างยุ่งเหยิง
เผยอี้โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด กำหมัดแน่นแต่ก็ไม่ได้เข้าไปต่อยเผยลี่เชิน ทำได้เพียงมองดูเขาเดินไปที่ห้องอาหาร เขาหันหลังเดินจากไปด้วยความโกรธ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่มุมบันได ฟังเขาทั้งสองสนทนา ในใจรู้สึกสับสน
เธอเดินลงบันไดช้าๆ เห็นเผยลี่เชินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร จึงเดินไปหยุดตรงหน้าแล้วถามเขา “รู้อยู่ว่าเผยอี้ไม่ชอบฟังคำพูดพวกนี้ แล้วทำไมยังทำให้เขาโกรธ?”
“บนโลกใบนี้ไม่มีมิตรที่ยั่งยืน และไม่มีศัตรูที่ถาวร อีกอย่างฉันและเขาก็เหมือนเส้นขนานมาแต่แรก”
ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจดีว่า เผยลี่เชินยังคงคิดถึงเกี่ยวกับเผยอี้และแม่ของเขา และไม่ใช่เพราะการร่วมมือครั้งนี้ทำให้เขาญาติดีกับเผยอี้
เธอเปลี่ยนเรื่องสนทนา “วันนี้ไม่ไปบริษัทจริงๆ เหรอ?”
“อืม อยู่เป็นเพื่อนเธอ” เผยลี่เชินเงยหน้า พูดด้วยเสียงอบอุ่น
“งั้น….” ไป๋เสว่เอ๋อร์และมองดูอากาศที่แจ่มใส “ตอนบ่ายฉันอยากย้ายต้นไม้”
เผยลี่เชินมองไปทางที่นิ้วมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ชี้ไป บนหัวเตียงมีต้นฟรีเซียและต้นระฆังแคนเตอร์บรีที่ป้าจางซื้อให้เธอ พวกมันได้รับการดูแลอย่างดีจนออกดอกสะพรั่ง ยิ่งโตก็ยิ่งมีดอกเยอะ
เผยลี่เชินรู้สึกดีขึ้นมา จึงส่งยิ้มตอบรับ “ได้”
เขาไม่เคยสนใจต้นไม้ใบหญ้า แต่หายากที่ไป๋เสว่เอ๋อร์จะชอบ เขาจึงยอมทำเป็นเพื่อนเธอ
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์วิ่งไปที่สนามหยิบกระถางต้นไม้เล็กกลับมา
เผยลี่เชินสวมเสื้อขนสัตว์สีเทาเข้ม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูไม่เหมือนตอนไปทำงานตามปกติ แต่ก็เพิ่มความนุ่มนวลให้กับตัวเขา
เขาโน้มตัวพิงเข้ากับกำแพง มองดูหยิงสาวที่คุกเข่าตักดิน ไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อยร่างบอบบาง ความเป็นเลขาหญิงที่ฉลาดเยือกเย็นในบริษัทอยู่ที่ไหน ดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่เล่นสนุกมากกว่า
เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยไม่รู้ตัว เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมากวักมือเรียกให้เขาไปหาเธอ
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยขายาว เห็นเธอค่อยๆ นำต้นไม้ออกจากกระถาง แล้วแบ่งใส่กระถางอื่นๆ จากนั้นก็เติมดิน
เผยลี่เชินแสดงความสนใจโดยยื่นแขนกอดเธอเบาๆ จากด้านหลัง จับมือเธอเบาๆ เพื่อขุดดินบ้าง ตัดแต่งกิ่ง….
เพราะกิจกรรมนี้ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกัน เริ่มแรกไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นก็ลืมความรู้สึกนี้โดยไม่รู้ตัว ความสนใจทั้งหมดกลับอยู่ที่การขุดดิน ปลูกต้นไม้แทน
“ไป๋เสว่เอ๋อร์”
ทันใดนั้นได้ยินเผยลี่เชินเรียกชื่อเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงได้สติหันกลับมา “หืม มีอะไรคะ?”
เผยลี่เชินเห็นใบหน้าของเธอทั้งข่าวทั้งนุ่มนวล เหมือนก้อนข้าวเหนียว ทำให้ใจเขาว้าวุ่น แต่กลับส่งยิ้มพร้อมกับคำถาม “เธอคือผู้หญิงคนแรกที่เห็นว่าชอบเล่นดิน”
ชอบเล่นดิน?
เธอขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาคือคำชมหรือต่อว่ากันแน่ ตอนที่จะอ้าปากถามเขา ทันใดนั้นริมฝีปากของเขาย้ายมาอยู่ที่ข้างหูของเธอ พร้อมพูดเสียงกระซิบ “แต่ฉันชอบ”
คำพูดหวานๆ ลอยมาโดยที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ทันได้เตรียมตัว เธอยืนตัวแข็งทื่อ ร้อนผ่าวไปทั้งตัว
เธอหยิบพลั่วเล็กทิ่มลงไปในดิน ไม่พูดอะไรออกมาได้แต่นิ่งเงียบ
เห็นท่าทางของหญิงสาว เผยลี่เชินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ในระหว่างนั้นมือถือก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ เผยลี่เชินหยิบมาดู เป็นเหอหย่าหานโทรมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองโดยไม่ตั้งใจดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เธอมองหน้าเผยลี่เชิน บรรยากาศกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวเราะแล้วลุกขึ้นปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว “ฉันไปเอาผักบัวรดน้ำก่อนนะ….”
“ไม่ต้องไป เธออยู่กับฉันที่นี่” เผยลี่เชินพูดพร้อมกอดเธอไว้ แล้วรับโทรศัพท์