ตอนที่ 205 คิดถึงคุณหรือเปล่า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บรรดานักข่าวที่อยู่ตรงนั้นต่างก็อึ้งไปครู่หนึ่ง พวกเขายังคงตะลึงในคำพูดอันรุนแรงที่เผยลี่เชินเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ สำหรับเผยลี่เชินนั้น เขาก็อุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์ฝ่าฝูงชน และเดินจากไปในทันที
เมื่อเดินมาถึงยังรถยนต์แล้ว เผยลี่เชินก็ค่อยๆ อุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์ไปนั่งที่เบาะหลังอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ขึ้นรถ
เจิงหงมองเห็นว่าสถานการณ์ระหว่างคนทั้งสองนั้นมีบางอย่างผิดปกติ เขาก็เก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ พร้อมกับเอ่ยปากถามไปว่า “คุณผู้ชายครับ ไปไหนดีครับ”
“กลับบ้าน” เผยลี่เชินตอบเขากลับไป ใบหน้าของเขาเรียบเฉยและไม่แสดงออกมากนัก
บรรยากาศภายในรถยนต์นั้น จู่ๆ ก็เย็นลงในทันที
หลังจากขับรถออกมาได้ 30 นาทีแล้ว เผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงสภาพเช่นเดิมเหมือนตอนที่ขึ้นรถ ไม่มีการสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์ใดๆ เลยทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขามาถึงยังคฤหาสน์ รถยนต์ก็ขับเข้าไปยังสวนภายในบ้าน เมื่อรถจอดสนิทนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ และเดินเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
ป้าจางยืนรออยู่ที่หน้าประตู ก็เห็นว่าคนทั้งสองได้กลับมาถึงบ้านแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากถามถึงเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างบนใบหน้าของคนทั้งสอง เธอจึงกลืนคำถามที่เคยคิดจะถามนั้นกลับเข้าไป
เมื่อเธอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองคนเดียว ป้าจางก็รีบเอ่ยปากถามเผยลี่เชินในทันที “คุณผู้ชายคะ คุณหนูไป๋เป็นอะไรไปคะ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดอะไรมากนัก ชายหนุ่มจึงตอบไปด้วยเสียงเข้มว่า “อุ่นนมให้สักแก้ว แล้วเอาไปให้เธอทีครับ”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ก้าวเท้ายาวๆ และเดินขึ้นไปยังชั้นบนในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับไปยังห้องนอน ส่วนเผยลี่เชินก็ตรงไปที่ห้องอ่านหนังสือในทันที เมื่อป้าจางเห็นคนทั้งคู่ ก็เข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองคนคงแค่ทะเลาะกัน เธอถอนหายใจ และหมุนตัวหันกลับไปยังครัวเพื่อที่จะอุ่นนม
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์กลับไปที่ห้องนอน เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้บริเวณระเบียง และกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือ เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของคุณแม่ไป๋ เธอลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโทรไปหาแม่ของเธอดีหรือไม่
แต่ทว่าถ้าเธอโทรไปแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อล่ะ อย่างที่เผยลี่เชินพูดไว้นั่นแหละ เรื่องราวมันได้ก่อตัวขึ้นและจบลงไปแล้ว แค่เธอโทรศัพท์ไปคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
การตั้งคำถามต่อหน้าความเป็นจริงนั้นช่างไร้อำนาจยิ่งนัก มันไม่คุ้มค่าที่จะทำเช่นนั้นเอาเสียเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้องไห้อย่างเงียบๆ เมื่อเธอคิดถึงตอนที่เธอไปเยี่ยมคุณพ่อที่เรือนจำและฟังเขาเล่าเรื่องราวต่างๆ นั้น เธอก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจเหลือเกิน
คุณพ่อบอกเธอว่า “พ่อทำผิดต่อลูกแล้วก็แม่ของลูกไปมาก รอพ่อออกไปก่อนนะ พ่อจะชดเชยให้ลูกกับแม่เขาอย่างดีเลยล่ะ”
แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่คุณพ่อยังคงอยู่ในเรือนจำ คุณแม่กลับทรยศคุณพ่อเสียก่อน และยังทรยศพวกเราทั้งครอบครัว
ภาพความสัมพันธ์ที่แสนสนิทสนมกันระหว่างแม่ของเธอและเฝิงเจิ้นปางนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ถึงแม้ว่าก่อนที่พ่อของเธอจะเกิดเรื่องขึ้น เธอก็ไม่เคยเห็นแม่ของเธอกับพ่อของเธอสนิทสนมชิดเชื้อเช่นนี้มาก่อน แต่ทว่าพวกเขานั้น…
“ก๊อกๆ” ในตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของป้าจางดังขึ้นตามหลังมา “คุณหนูไป๋คะ ป้าอุ่นนมมาให้คุณหนูดื่มค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจลึกๆ เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
หญิงสาวไม่อยากเปิดประตู ไม่อยากพูดคุยกับใคร และยิ่งไม่อยากเห็นหน้าเผยลี่เชิน
ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหมดอาลัยตายอยากเป็นอย่างมาก
เธอร้องไห้แล้วก็หยุด แล้วก็ร้องไห้ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนท้องฟ้านั้นมืดสนิทโดยไม่รู้ตัว ไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนชุดราตรีที่สวมอยู่ เธอล้มตัวลงนอนบนเตียง และจมดิ่งอยู่กับความเศร้าที่ร้าวรานไปทั่วทั้งหัวใจ เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เธอถึงได้ล้าและผล็อยหลับไป
เมื่อแสงของเช้าวันใหม่ตกกระทบบนใบหน้าของเธอ เมื่อเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ฟื้นตื่นขึ้นมาจากความฝัน
“คุณหนูไป๋คะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ป้าจางเอ่ยปากถามเธอด้วยความร้อนรนเล็กน้อย แต่ที่อีกฟากหนึ่งของประตูนั้น กลับแทบไม่มีเสียงอะไรดังตอบกลับมาเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลืมตาของเธอ เธอพลิกตัวไปมาอย่างช้าๆ สมองของเธอค่อยรู้สึกโล่งขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเธอหันศีรษะไปมองที่อีกฝั่งของเตียง เธอก็พบกับความว่างเปล่า ในตอนนั้นเธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าเมื่อคืนวานนั้นเผยลี่เชินไม่ได้กลับมานอนที่ห้องนอน
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงแดงเรื่อๆ เธอค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และลงจากเตียง พร้อมกับไปเปิดประตูให้ป้าจาง
เมื่อป้าจางได้ยินเสียงดังขึ้นที่ประตู ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้น “คุณหนูไป๋ ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นวดขมับทั้งสองข้างที่ปวดเล็กน้อยของเธอ เธอไม่ได้พูดอะไร แต่กลับหันหลังและเดินเข้าห้องน้ำไป
ป้าจางเดินตามเธอไปที่บริเวณหน้าห้องน้ำ พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “คุณหนูไป๋คะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ คุณผู้ชายเป็นคนทำ เขาอยู่ที่ชั้นล่างรอคุณหนูทานข้าวพร้อมกันอยู่นะคะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น สายตาของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สีหน้าของเธอก็ดูจริงจังขึ้นอีกครั้ง
ถ้าเกิดว่าเผยลี่เชินใส่ใจเธอจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาจะต้องไม่ปิดบังเธอแน่นอน แต่ทว่าเขากลับหลอกเธอและปิดบังเธอจากเรื่องนี้ ทำร้ายความรู้สึกและหัวใจของเธอเป็นอย่างมาก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น และพูดอย่างไร้เยื่อใยว่า “ฉันไม่หิว”
เมื่อได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเช่นนั้น สีหน้าของป้าจางก็เปลี่ยนไปในทันที
เธอทำงานอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้มานานหลายปีแล้ว เธอไม่เคยเห็นเผยลี่เชินเข้าครัวทำอาหารให้คนอื่นเลยสักครั้งเดียว เขามองว่าไป๋เสว่เอ๋อร์คือคนที่เขาจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต แต่คาดไม่ถึงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะไม่สนใจไยดีเขาเลยสักนิดเดียว
แรกเริ่มเดิมทีเธอนึกว่าทั้งสองคนนั้นแค่ทะเลาะเบาะแว้งกันธรรมดา แต่ทว่าตอนนี้เมื่อเธอได้เห็นอย่างนี้แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นกลับไม่ง่ายเลยจริงๆ
ป้าจางกลัวว่าเธอไม่อาจที่จะลงไปอธิบายถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ เธอจึงได้แต่เอ่ยปากโน้มน้าวไป๋เสว่เอ๋อร์ต่อไป “คุณหนูไป๋คะ ถึงคุณหนูจะไม่หิว แต่คุณหนูลองลงไปชิมก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณหนูไม่ชอบ ไม่กินก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณผู้ชายแกทำอาหารเสร็จเรียบร้อยรอแล้วค่ะ…”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาอย่างช้าๆ เมื่อเธอมองไปที่ป้าจาง เธอก็นึกถึงภาพของคุณแม่ขึ้นมา จากนั้นจมูกของเธอก็เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“ป้าจางคะ หนูอยากอยู่คนเดียวได้ไหมคะ”
เมื่อป้าจางสังเกตเห็นถึงน้ำตาที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอก็ทำได้เพียงอึ้งไปชั่วครู่ และรีบพยักหน้าทันที “ค่ะ ได้ค่ะ ป้าลงไปบอกคุณผู้ชายก่อนนะคะ”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็รีบหันหลังและเดินออกไปจากห้องนอน เมื่อเธอเดินออกไปแล้ว เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้สนิทอีกด้วย
ภายในห้องกลับมาสงบลงอีกครั้งหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอนั่งลงที่ด้านข้างของห้อง เธอรู้สึกเจ็บขึ้นมาที่ตาและอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา…
ป้าจางถอนหายใจ และลงบันไดไปที่ชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นเผยลี่เชินที่กำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว เธอก็พูดกับเขาอย่างสุภาพว่า “คุณผู้ชายคะ คุณหนูไป๋เธอไม่หิวค่ะ ป้ารู้สึกว่าเธอดูไม่ค่อยสดชื่นเลย ให้เธอพักผ่อนให้มากๆ จะดีกว่านะคะ”
เผยลี่เชินพยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเขามองไปที่แซนวิชกุ้งสับไส้อะโวคาโดที่จัดวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เขาละสายตาออกไป ลุกขึ้นยืนและเดินจากไป
ป้าจางรีบเอ่ยปากถามชายหนุ่มทันที “คุณผู้ชายคะ ทำไมคุณถึงไม่ทานด้วยล่ะคะ…”
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น แทนที่เขาจะตอบคำถามของป้าจางอย่างตรงไปตรงมา เขากลับตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า “ผมฝากดูแลเธอเป็นพิเศษด้วยนะครับ ถ้าเธออยากทำอะไรก็ให้เธอทำได้ทั้งนั้น มื้อกลางวันช่วยทำอาหารที่เบาๆ ขึ้นไปส่งให้เธอทานก็แล้วกัน”
ป้าจางพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ”
เผยลี่เชินเดินไปยังประตูบ้าน พอดีกับที่ฉีเฟิงโทรศัพท์มาหาเขา
“ท่านครับ เจ้าของร้านค้าที่เคยอยู่ในสแควร์หั้นต๋ามาที่บริษัทของพวกเราแล้วครับ พวกเขาบอกว่าพวกเขาอยากฟังคำแถลงการณ์จากพวกเราครับ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วแน่น “มาทั้งหมดกี่คน”
“ไม่เยอะครับ ประมาณ 3-4 คน”
“ดี คุณไปถ่วงพวกเขาไว้ก่อนนะ ผมกำลังไป”
เมื่อเผยลี่เชินพูดจบ เขาก็รีบเก็บโทรศัพท์มือถือ และขึ้นรถออกไปจากคฤหาสน์ทันที
หลังจากที่ขลุกตัวอยู่ในห้องตลอดทั้งช่วงเช้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้ก้าวขาออกจากห้องไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว และป้าจางก็มาเคาะประตูเป็นครั้งที่สามแล้ว “คุณหนูไป๋คะ ป้าเตรียมอาหารรสจืดเบาๆ มาให้แล้วค่ะ”
ขณะที่ป้าจางพูดอยู่ เธอก็เดินถือถาดเข้ามาภายในห้อง ขณะที่เธอมองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งนิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ อยู่ที่โต๊ะ เธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
เธอวางถาดลง ในที่สุดเธอก็ไม่อาจจะกลั้นคำพูดที่เธออยากพูดต่อไปเอาไว้ได้ เธอจึงนั่งลงข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์
“คุณหนูไป๋คะ ป้าไม่รู้นะคะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณหนูกับคุณผู้ชาย แต่ว่าตั้งแต่ที่ป้าเข้ามารับใช้คุณผู้ชายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ป้าเห็นว่าเขาทุ่มเทให้กับคนคนหนึ่งเป็นอย่างมาก”
ป้าจางถอนหายใจ จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า “คุณหนูเองก็รู้ดีเรื่องลักษณะนิสัยของคุณผู้ชาย เย็นชา ไม่สนิทชิดเชื้อกับใคร แม้แต่คนที่ดูแลคุณผู้ชายทุกวันอย่างป้า เขาเองยังไม่คุยกับป้ามากเท่าไรเลยค่ะ แต่ว่าตั้งแต่ที่คุณหนูมาที่นี่ คุณผู้ชายก็ค่อยๆ ร่าเริงมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว ยิ้มง่ายมากขึ้น พูดก็มากขึ้นด้วย คุณหนูอาจจะไม่รู้สึก แต่ว่าคุณผู้ชายแกจริงใจกับคุณมากจริงๆ นะคะ…”
ในที่สุด สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ขนตาของเธอสั่นเทา เธอไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
ป้าจางยังคงพูดต่อไปว่า “พวกคุณสองคนผ่านอะไรกันมาตั้งมากมาย ถึงได้ก้าวมาจนถึงวันนี้ได้ มันไม่ง่ายแน่นอนค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณผู้ชายได้ทำอะไรบางอย่างลงไปแล้วล่ะก็ คุณก็อาจจะต้องลองคิดทบทวนนะคะ ว่าสิ่งที่เขาทำไป เขาได้คิดถึงคุณหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกได้ว่าความรู้สึกโกรธในสิ่งที่เขาทำนั้น ได้มลายหายไปจากหัวใจของเธอมากทีเดียว
การที่เผยลี่เชินไม่ยอมบอกเธอถึงเรื่องราวของแม่ของเธอนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขามองออกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นไรอย่างนั้นเหรอ