ตอนที่ 206 เจ้าของประท้วง
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองป้าจาง พร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “เขา… ไม่อยู่บ้านเหรอคะ”
“ตอนเช้าคุณผู้ชายไม่สามารถรอคุณหนูได้ค่ะ ท่านไปที่บริษัทแล้ว ตอนก่อนที่จะออกไป ท่านรับโทรศัพท์สายหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีธุระเร่งด่วนนะคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ภายในหัวใจของเธอพอจะเดาออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้
ในบรรดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ที่บริษัททั้งหมด เรื่องสแควร์หั้นต๋าถือว่าร้ายแรงที่สุด การที่เผยลี่เชินรีบร้อนออกจากบ้านไปนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เธอได้คุยเรื่องวิธีแก้ปัญหากับเผยลี่เชินเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ เธอกลับมาหลบซ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ยอมออกไปร่วมแก้ไขปัญหากับเขาเสียได้
เมื่อวานที่งานเลี้ยงวันเกิด การที่กาน้ำชาดินเผาแตกอย่างละเอียดนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เขาก็ยังสามารถยืนอยู่ที่นั่นกกับเธอและยืดอกรับผิดชอบในทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ทว่าเพราะเรื่องราวของคุณแม่ไป๋ เธอกลับกล่าวโทษเขา และนำความโกรธทั้งหมดของเธอนั้นไปลงไว้ที่เขาแทน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ลึกละอายใจขึ้นมา เธอจะนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืนในทันที “หนูจะไปที่บริษัทค่ะ”
“คุณหนูไป๋คะ!” ป้าจางรีบลุกขึ้นตามหญิงสาวในทันที พร้อมกับเรียกเธอให้หยุด “คุณหนูไป๋คะ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย คุณหนูทานข้าวก่อนค่อยไปที่บริษัทก็ยังไม่สายไปนะคะ!”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่เมื่อวานเย็นจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย แขนขาของเธอทั้งหมดนั้นแทบจะไม่มีแรงเอาเสียเลย…
เมื่อโดนป้าจางเรียกให้หยุดไว้ เธอจึงนั่งลงที่โต๊ะอีกครั้ง และเริ่มทานอาหาร
หลังจากที่รับประทานอาหารอย่างรวดเร็วเสร็จเรียบร้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบเรียกแท็กซี่ไปยังบริษัทในทันที
คนขับรถแท็กซี่นั้นขับรถอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน เขาเปิดวิทยุในรถฟัง แรกเริ่มเดิมทีนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายนัก แต่ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินรายงานจราจรล่าสุดจากวิทยุเข้า
“ผู้คนต่างมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าของกลุ่มบริษัทเผยซื่อ เป็นผลให้เกิดการจราจรติดขัดขึ้นบนถนนจิ่นซิ่วเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ขอให้พี่น้องชาวแท็กซี่ทุกคนลองหาเส้นทางอื่นดูเผื่อด้วยนะครับ”
เมื่อได้ยินคำว่า “เผยซื่อ” คำสองคำนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะหูผึ่งในทันที แต่ทว่าข่าวรายงานจราจรชิ้นต่อไปนั้นกลับกลายเป็นการรายงานถึงถนนเส้นอื่นแทน
คนขับรถแท็กซี่ยกมือขึ้นเพื่อปรับลดเสียงของวิทยุ พร้อมกับหันหน้ามาถามไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “คุณครับ คุณกำลังไปกลุ่มบริษัทเผยซื่อที่อยู่ตรงถนนจิ่นซิ่วไม่ใช่เหรอ ตรงนั้นมีคนกำลังประท้วงกันอยู่ รถก็ติดแล้ว ไม่น่าไปแล้วล่ะ ผมจะไปส่งคุณที่สี่แยกแทนก็แล้วกันนะ”
ทันใดนั้น หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกแน่นขึ้นมาในทันที เธอรีบถามออกไปว่า “ประท้วง ประท้วงอะไรกัน”
“อ้าว คุณไม่รู้เหรอครับนี่! ก็วันนี้ตอนกลางวันมีคนจำนวนมากไปรวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้ากลุ่มบริษัทเผยซื่อน่ะสิ ดูเหมือนว่าบรรดาเจ้าของร้านค้าในสแควร์หั้นต๋าไปที่บริษัทเผยซื่อเพื่อไปสอบถามประธานบริษัทถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ”
คนขับแท็กซี่ยังคงพึมพำกับตัวเองต่อไป “ผมแนะนำนะคุณ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรสำคัญก็อย่าไปที่นั่นเลย ตอนนี้ทุกคนที่นั่นถือท่อนไม้ท่อนเหล็กกันเต็มไปหมด เมื่อเช้าผมผ่านไปแถวนั้นมายังขนลุกเลย…”
สมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง เมื่อวานเธอได้ยินเผยลี่เชินพูดว่าบรรดาเจ้าของร้านค้าจะมาที่เผยซื่อเพื่อขอฟังคำแถลงการณ์จากบริษัท แต่นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากขนาดนี้!
“พี่คะ! ขับเร็วกว่านี้หน่อยค่ะ!”
คนขับแท็กซี่อึ้งไปครู่หนึ่ง “ขับ…ไปไหนครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบอย่างรวดเร็ว “ก็ขับไปกลุ่มบริษัทเผยซื่อน่ะสิ! ขับเร็วหน่อยค่ะ เดี๋ยวหนูจ่ายเพิ่มให้!”
ถ้าเกิดเผยอี้กำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องงานแต่งงานแล้วล่ะก็ เขาจะต้องไม่อยู่ที่บริษัทอย่างแน่นอน ทำให้ภาระความรับผิดชอบทั้งหมดนั้นจะต้องตกไปอยู่ที่เผยลี่เชินคนเดียว ในเมื่อเจ้าของร้านค้ามายืนประท้วงรออยู่ที่หน้าทางเข้าบริษัทเยอะกันขนาดนั้น เกรงว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว…
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งรีบร้อนทั้งรู้สึกผิดในขณะเดียวกัน ถ้าเกิดวันนี้เธอไม่หัวดื้อขนาดนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็คงได้ยืนอยู่เคียงข้างเผยลี่เชินแน่นอน แต่ว่า…
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่น ทั้งหัวใจของเธอขึ้นมาจุกแน่นในลำคอ เธอแทบรอไม่ไหวให้รถยนต์ขับเร็วขึ้นอีกสักนิด เร็วขึ้นอีกสักนิด…
ณ บริเวณทางเข้ากลุ่มบริษัทเผยซื่อ
มีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังยืนอออยู่ที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาส่งเสียงดึงอึกทึกคึกโครมเต็มไปหมด
จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่กำลังยืนออขวางประตูทางเข้าอยู่นั้น คือกลุ่มคนต้นเรื่องของปัญหาในครั้งนี้ พวกเขายืนรออยู่ที่ประตูทางเข้า คนที่อยู่ภายในตึกไม่อาจที่จะออกไปข้างนอกได้ และคนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่อาจที่จะเดินเข้าไปได้
“ให้ประธานเผยของพวกคุณออกมาสิ! ออกมาอธิบายให้พวกเราฟัง!”
ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมานำร่อง และจากนั้นบรรดาฝูงชนทุกคนต่างก็ส่งเสียงเห็นด้วยดังขึ้นไปทั่วทุกแห่ง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนเรียงกันเป็นแถวขวางอยู่ที่ด้านหน้าของพวกเขา แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามนั้นมีพลังมากกว่าอย่างชัดเจน ถ้าจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายเหล่านี้จะไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
เผยลี่เชินกำลังยืนอยู่ที่ห้องโถงของชั้นสามและมองออกไป เขาสามารถมองเห็นกลุ่มฝูงชนที่อยู่ที่ชั้นล่างได้อย่างชัดเจน
ฉีเฟิงก้าวออกมาและเอ่ยปากถามเขาว่า “ท่านประธานครับ เราจะไม่เรียกตำรวจจริงๆ เหรอครับ”
แรกเริ่มเดิมทีในช่วงเช้านั้นมีเจ้าของร้านค้าเพียง 3-5 คนมาที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องข้อตกลงเท่านั้น แต่ทว่าการเจรจากับพวกเขาไม่เป็นผล พวกเขาจึงรออยู่ที่หน้าประตูและปฏิเสธที่จะไปจากบริษัท จากนั้น บรรดาเจ้าของร้านค้าต่างก็มารวมตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และบังคับให้ทางบริษัทออกมาแถลงการณ์แสดงความรับผิดชอบ
แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ การพูดเพียงไม่กี่ประโยคไม่อาจแถลงไขแก้ปัญหาได้ เดิมทีนั้นที่ดินผืนนี้ก็มีปัญหาก่อนหน้าที่อาคารจะสร้างเสร็จอยู่ก่อนแล้ว ทางด้านนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ม้วนเสื่อหอบเงินหนีไป อีกอย่างเจ้าของร้านค้าเหล่านี้ก็มีใบโฉนดที่เดินครบถ้วน พวกเขาชำระเงินเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่มีกำไรที่สามารถเข้าไปอยู่ในบัญชีของพวกเขาได้แม้แต่นิดเดียว
จนกระทั่งเดือดร้อนมาถึงบริษัทเผยซื่อ และกลายเป็นที่มาของข้อพิพาทในครั้งนี้
ดวงตาของเผยลี่เชินจริงจังมากขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขากวาดมองไปที่กลุ่มฝูงชนที่อยู่แถวแรก เขาค่อยๆ เอ่ยปากพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ถ้าแจ้งตำรวจ ก็เท่ากับว่าไปกระตุ้นความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธและความรู้สึกต่อต้านของพวกเขาที่อยู่ในตัวออกมาเท่านั้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในส่วนไหนได้เลย”
อีกอย่าง เรื่องราวในครั้งนี้ไม่จบลงง่ายๆ แน่
เผยลี่เชินเอียงศีรษะเล็กน้อย พร้อมกับมองไปที่ฉีเฟิง “คนที่ผมขอให้คุณมาจัดการกับเรื่องนี้ มาถึงหรือยัง”
ฉีเฟิงพยักหน้า “มาถึงกันหมดแล้วครับ”
เผยลี่เชินพยักหน้า เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว
เมื่อครู่นี้ที่เขาอยู่ที่ชั้นสามเพื่อสังเกตการณ์อยู่เป็นเวลานาน ทำให้เขาได้พบกับคำใบ้บางอย่างที่อยู่ในฝูงชน คนที่อยู่ในฝูงชนนั้นไม่ใช่เจ้าของร้านค้าทั้งหมด มีปลาที่รอดจากอวนอยู่ไม่กี่ตัวที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาแค่อยู่ที่นั่นเพื่อเจตนากระตุ้นความโกรธของฝูงชนให้ปะทุขึ้น และยุยงให้เกิดความแตกแยก
บรรดาผู้ซื้อของร้านค้าส่วนใหญ่แล้วเป็นคนวัยกลางคนถึงสูงอายุ หรือไม่ก็เป็นนักลงทุน พวกเขาทุกคนต่างดูโศกเศร้า แต่กลับมีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ไม่กี่คนที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชน ร่างกายดูกำยำแข็งแรง และมีท่าทีที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
เมื่อมองแวบแรกอาจจะมองไม่เห็นอะไร แต่เมื่อมองลงลึกและดูให้ดีนั้น จะเห็นได้ว่าพวกเขาคือปีศาจ
คนพวกนั้น เก้าในสิบคนนั้นถูกคนส่งมาสร้างความโกลาหล และตั้งแต่ที่โครงการเริ่มก่อสร้างในส่วนตะวันตกของเมือง ก็ไม่เห็นมีเจ้าของคนไหนมาปรึกษาพูดคุยกับพวกเขา แต่ทว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ บรรดาเจ้าของต่างรีบมาในทันที เรื่องราวดูน่าแปลกอย่างชัดเจน มันจะต้องไม่ง่ายดายอย่างนั้นแน่นอน
ฉีเฟิงจัดการพาคนที่หาเอาไว้มาได้แล้ว และหลังจากที่เผยลี่เชินออกคำสั่งที่แสนง่ายดายให้กับพวกเขา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “พวกเราไปกันเถอะ ไปพบพวกเขากัน”
ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างร้องเรียกขอพบประธานบริษัทอย่างเขา เขาก็คงไม่อาจที่จะถอยหลังและหลบซ่อนตัวไปไหนได้
เมื่อได้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 5-6 คน คอยดูแลแล้ว เผยลี่เชินก็ลงไปยังบริเวณชั้นหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงประตูทางเข้าบริษัทได้นั้น ก็มีคนตาดีมองเห็นเขาเสียก่อน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “เผยลี่เชินมาแล้ว!”
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ก็เกิดความอลหม่านขึ้นท่ามกลางฝูงชนในทันที แถวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เคยยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขานั้น ก็ดูจะจัดการไม่อยู่เสียแล้ว
“เผยลี่เชิน! อธิบายมาซะดีๆ !”
“เผยลี่เชิน คืนเงินบำนาญของฉันมานะ!”
“……”
เสียงของผู้ประท้วงดังขึ้นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อเผยลี่เชินได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา
เมื่อฟังจากน้ำเสียงของฝูงชนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาคือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้ชั่วร้ายและแสนอำมหิตคนนั้นที่หอบเงินทุกอย่างหนีไป
เขาเดินไปยังหน้าประตูทางเข้า และมองดูท่าทีที่แตกต่างกันไปของบรรดาฝูงชน พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมมาแล้ว ผมมาเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด ไม่ต้องกังวลไปครับ พวกเราค่อยๆ มาคุยกันดีกว่าครับ”
“ใครอยากจะไปค่อยๆ คุยกับแกกัน! ไอ้คนขายที่จอมทรยศอย่างพวกแกมันเชื่อได้ที่ไหนกัน! พวกแกจะทำอะไรได้อีกนอกจากถ่วงเวลาไปวันๆ เฮอะ!”
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ดังออกมาจากปากของชายฉกรรจ์คนหนึ่ง เมื่อเขาตะโกนออกมาแบบนั้น บรรดาผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตะโกนผสมโรงขึ้นมา แต่ละคนต่างตะโกนโต้ตอบกลับมาว่า “ถูกต้อง! ถูกต้อง!”
ดวงตาของเผยลี่เชินจริงจังขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขามองไปที่ชายฉกรรจ์ที่ตะโกนประโยคนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขายิ้มเย็นชา พร้อมกับถามคำถามบางอย่างออกไปว่า “คุณไม่ใช่เจ้าของร้านค้าเสียหน่อย ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ”