สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 210

ตอนที่ 210

ตอนที่ 210 นักข่าวผู้มาถึงอย่างกะทันหัน

ภายในห้องผู้ป่วย ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องนอนเฉยๆ อยู่ในห้องนี้อย่างมาก เธอจึงเรียกโจ๋วฝันมาพูดคุยด้วย

โจ๋วฝันอายุยังน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงมักจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของเขาเสมอ เมื่อถามไปได้ไม่กี่คำถาม เธอก็ถามถึงสาเหตุที่โจ๋วฝันหน้าแดงขึ้นมา

เมื่อไม่อาจต้านทานคำถามที่ถูกไป๋เสว่เอ๋อร์ยิงมาได้ โจ๋วฝันจึงรีบโบกมือและยอมรับความพ่ายแพ้ “ผมจะไม่ตอบแล้ว! ผมไปดีกว่า ไม่อยู่คุยด้วยแล้ว!”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าโจ๋วฝันกำลังจะออกไปจากห้อง เธอก็รีบเรียกเขาพร้อมกับยิ้มกว้าง “เอาล่ะๆ พี่สาวไม่แกล้งหนูน้อยแล้ว”

แต่ทว่าโจ๋วฝันตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จากนั้นเขาก็ผลักประตูออกไปในทันทีโดยไม่สนใจคำพูดใดๆ ของหญิงสาว

แต่แล้วภายในไม่กี่นาทีต่อมา ประตูของห้องผู้ป่วยก็ถูกโจ๋วฝันผลักเข้ามาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาพร้อมกับความกลัวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นสีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก เธอจึงรีบเอ่ยปากถามในทันที “เป็นอะไรไปเหรอ”

“มีนักข่าวจำนวนมากอยู่ตรงระเบียงทางเดิน พวกเขากำลังตรงมาที่ห้องของพวกเรา หรือว่าพวกเขากำลังมาหาคุณ…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง เธอลังเลก่อนที่จะพูดว่า “ไม่หรอกมั้ง”

แต่ในไม่ช้า ขณะที่หญิงสาวยังไม่ทันคิดได้รอบคอบดี ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาในทันที

เมื่อครู่นี้ โจ๋วฝันได้ล็อกประตูห้องเรียบร้อยแล้ว ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถเปิดประตูเข้ามาได้ ทำได้แต่เพียงเคาะประตูเท่านั้น

“ปึง ปึง ปึง! คุณไป๋ครับ! พวกเราขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ”

“คุณไป๋คะ ได้ยินมาว่าคุณถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าบาดแผลสาหัสมากไหมคะ”

“……”

คำถามนานับสิบคำถามที่ไม่ซ้ำกันดังขึ้นที่ด้านนอกของประตู เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นคือนักข่าวที่มารอสัมภาษณ์เธอจริงๆ ด้วย

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงงันไป เธอมองไปที่โจ๋วฝัน พร้อมกับถามเขาว่า “ทำไมถึงได้กะทันหันแบบนี้นะ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อวานนี้ยังไม่มีนักข่าวคนไหนมาสัมภาษณ์เลย วันนี้วันที่สองแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีนักข่าวมากันมากขนาดนี้ได้ล่ะ”

โจ๋วฝันเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงประตูทางเข้า พร้อมกับถามกลับมาว่า “แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดีครับ”

ตอนนี้บรรดานักข่าวต่างออกันอยู่ที่หน้าประตูห้อง เกรงว่าพวกเขาทั้งคู่จะไม่สามารถออกจากห้องไปได้!

อีกอย่าง สาเหตุที่บรรดานักข่าวมาที่นี่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด การรายงานเรื่องที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บออกไป ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อบริษัทเผยซื่อกันแน่ ไม่มีทางที่เธอจะให้สัมภาษณ์โดยที่ไม่คิดให้รอบคอบแบบนี้ได้หรอก

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เธอนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ยังคิดหาทางออกไม่ได้

“ปึง ปึง ปึง!”

ยิ่งเวลาผ่านไป เสียงเคาะประตูก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่ด้านนอกมีเสียงจอแจผสมดังขึ้นมา แสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวกำลังออกันอยู่ที่บริเวณหน้าประตู ถ้าเกิดตอนนี้เปิดประตูล่ะก็ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่อาจวิ่งหนีออกไปได้ จะถูกถูกบรรดานักข่าวพวกนั้นล้อมไว้อย่างแน่นอน

เมื่อเธอเห็นโจ๋วฝันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะกดโทรออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบเรียกให้เขาหยุดทันที “เดี๋ยวก่อน!”

“พี่ ถ้าไม่โทรหาท่านประธานล่ะก็ อีกไม่นานพวกนักข่าวก็จะเข้ามากันได้แล้วนะครับ พวกเราจะทำอย่างไรดีล่ะ”

ไม่ใช่ว่าโจ๋วฝันนั้นไม่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับบรรดานักข่าว แต่เมื่อฟังเสียงที่ดังขึ้น ด้านนอกนั้นจะต้องมีนักข่าวอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบคนแน่นอน การที่มีแต่เขาที่สามารถปกป้องไป๋เสว่เอ๋อร์ได้เพียงคนเดียวนั้น ถือว่าอันตรายไม่เบาทีเดียว

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่ปุ่มกดเรียกที่อยู่เหนือหัวเตียง ทันทีที่เธอคิดแผนการบางอย่างออกแล้ว เธอก็รีบเอื้อมมือและกดปุ่มนั้นลงไปทันที

ไม่นานนัก บริเวณด้านนอกของห้องผู้ป่วยที่เคยมีเสียงอึกทึกนั้น กลับยิ่งดังกระหน่ำขึ้นมากกว่าเดิม เสียงนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของแพทย์และพยาบาลที่กำลังวิ่งมาทางนี้

เมื่อผ่านไปสักพัก เสียงดังที่อยู่ด้านนอกก็ค่อยๆ เบาลงขึ้นมาก และสุดท้าย บริเวณด้านนอกก็เงียบสงบลงในที่สุด

ในที่สุด โจ๋วฝันที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจได้แล้ว เขาเงยหน้ามองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ และอดไม่ไหวที่จะชื่นชมเธอ “พี่สาว พี่ก็ไม่เบานี่นา”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มขึ้นที่มุมปาก เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่าในใจของเธอนั้นกลับรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อวาน เธอถูกเผยลี่เชินนำมาส่งที่โรงพยาบาล ตลอดทั้งค่ำของวันนั้น เธอไม่เห็นเงาของนักข่าวเลยสักคนเดียว แสดงให้เห็นว่าข่าวคราวเรื่องที่เธอพักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้นั้นไม่ได้ถูกปล่อยออกไปแต่อย่างใด แต่ทว่าตอนเช้าของวันนี้ บรรดานักข่าวพวกนี้รีบวิ่งหาเธออย่างกับผึ้งที่บินไล่ตามนางพญา พวกเขามารวมตัวกันและยังมีเจตนาแฝงที่แรงกล้ามาก ถึงได้พุ่งตรงมาที่ห้องพักผู้ป่วยของเธอแห่งนี้ทันที

สิ่งนี้เพียงพอแล้วที่จะอธิบายได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่จัดการได้ง่ายๆ และยังสามารถพูดได้ว่ามีคนตั้งใจปล่อยข่าวเรื่องที่เธอพักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ เพื่อล่อให้นักข่าวรีบกรูกันมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย

คนที่ปล่อยข่าวนี้ให้รั่วไหลนั้นต้องแฝงเจตนาที่ร้ายกาจเอาไว้แน่นอน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแน่

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเป็นห่วงเผยลี่เชินขึ้นมา แต่เธอก็กลัวว่ามันจะไปกระทบกับงานของเขาเข้า สุดท้ายเธอก็ยอมอดทนและไม่โทรศัพท์ไปหาเขา

เมื่อถึงช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวัน พยาบาลก็เข้ามาตรวจร่างกายของเธอ พยาบาลยังเอาใจใส่พวกเธอโดยการส่งอาหารมาให้ถึงสองชุด สั่งให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ล็อกประตูทุกครั้ง พร้อมกับบอกว่าถ้าหากเธอมีเรื่องอะไรให้กดปุ่มเรียกได้ตลอดเวลา

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ทานอาหารเข้าไปได้สองคำ ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์กับโจ๋วฝันได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ทั้งสองมองหน้ากัน และไม่พูดอะไรออกมา

ทันใดนั้น เสียงที่หน้าประตูก็ดังขึ้นมาว่า “เสว่เอ๋อร์ นี่แม่เอง ลูกอยู่ข้างในไหมจ๊ะ”

ร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์แข็งทื่อ สีหน้าที่เคยลังเลของเธอเปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจในทันที หญิงสาววางตะเกียบลง สายตาของเธอเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อโจ๋วฝันสังเกตเห็นสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ดีนัก เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เอ่ยปากถามออกไปว่า “พี่สาว จะให้เปิดประตูไหมครับ”

เมื่อเขาพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกของประตูอีกครั้ง “เสว่เอ๋อร์ ลูกอยู่ไหมจ๊ะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติขึ้นมา เธอก็เงยหน้ามองโจ๋วฝัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไปเปิดเถอะ แล้วก็ช่วยออกไปเฝ้าประตูไว้ทีนะ”

“ได้ครับ” โจ๋วฝันตอบรับ ทันใดนั้น เขาก็เดินไปที่ทางเข้าและเปิดประตูออกมา

ทันทีที่คุณแม่ไป๋เห็นว่าประตูเปิดออกแล้ว สายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอจ้องมองไปที่โจ๋วฝันที่เป็นคนไปเปิดประตูให้เธอ พร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่า “คุณเป็นใคร…”

โจ๋วฝันยิ้ม “ผมเป็นคนที่ท่านประธานส่งมาให้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยของพี่เสว๋เอ๋อร์ครับ”

เมื่อคุณแม่ไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็พยักหน้าในทันที จากนั้นเธอก็รีบก้าวเดินเข้าไปในห้องพัก เมื่อเธอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง คิ้วของเธอก็ขมวดแน่น พร้อมกับเดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“เสว่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นน่ะลูก ทำไมถึงได้บาดเจ็บอีกแล้วล่ะ แม่ดูข่าวถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับลูก!”

สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเรียบ เธอยิ้มบางๆ พร้อมกับเงยหน้ามองไปที่คุณแม่ไป๋ เธอถามออกไปว่า “แม่คะ ตอนนี้แม่ต้องอาศัยการดูข่าวเอาเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ของลูกสาวแล้วใช่ไหมคะ”

น้ำเสียงของเธอเสียดแทงอย่างมาก สายตาของเธอเองก็ไม่แม้แต่จะมองฝ่ายตรงข้าม คุณแม่ไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเดินไปยังบริเวณข้างเตียง และมองไปที่ลูกของเธอ “เสว่เอ๋อร์ ทำไมลูกถึงพูดแบบนี้ล่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ใช้ฟันของเธอขบไปที่ริมฝีปาก สมองของเธอผุดภาพความทรงจำตอนที่คุณแม่ของเธอและเฝิงเจิ้นปางอยู่ด้วยกันขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นภายในหัวใจของเธอก็อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกโกรธจัดโดยไม่รู้ตัว

แต่เมื่อคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวถึงเวลาที่ต้องถามออกไปนั้น เธอกลับไม่สามารถถามอะไรออกไปได้เลยสักนิดเดียว

คุณแม่ไป๋ขมวดคิ้วแน่น และเอ่ยปากถามว่า “เสว่เอ๋อร์ ลูกเป็นอะไรไปน่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กดความรู้สึกโกรธจัดนั้นลงไป เธอเงยหน้าและถามกลับไปว่า “แม่คะ ช่วงนี้แม่กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”

คุณแม่ไป๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “แม่… แม่จะทำอะไรได้ล่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละลูก…”

“ไม่ได้ทำอะไร แต่กลับไม่คิดจะโทรหาหนูเลย ต้องให้ข่าวรายงานเรื่องที่หนูเกิดเรื่องก่อน ถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังมีลูกสาวใช่ไหมคะ”

“เสว่เอ๋อร์! นี่!” เมื่อคุณแม่ไป๋ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเธอก็เครียดขึ้นในทันที “ลูกเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าลูกกำลังยุ่งอยู่ แม่ก็เลยไม่อยากรบกวนลูกไง!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป

ครู่ต่อมา ท่าทีของคุณแม่ไป๋ก็อ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย เธอถอนหายใจ พร้อมกับพูดว่า “มานี่มา ให้แม่ดูแผลของลูกหน่อยสิ”

ขณะที่คุณแม่ไป๋พูดอยู่นั้น เธอก็เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่ผ้าพันแผลบนศีรษะของไป๋เสว่เอ๋อร์

ไป๋เสว่เอ๋อร์โน้มศีรษะไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงและอยู่ให้ห่างจากมือของแม่ของเธอ

มือของคุณแม่ไป๋ชะงักนิ่งเล็กน้อยอยู่กลางอากาศ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความอึดอัดใจที่ปรากฏขึ้น

เธอคิดว่าไป๋เสว่เอ๋อร์คงอารมณ์ไม่ดีนัก ถึงได้ปฏิเสธเธอในลักษณะเช่นนี้ แต่ใครจะไปคาดคิดว่า ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์จะพูดออกมาว่า “แม่คะ อีกไม่กี่วันหนูก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ พวกเราไปหาคุณพ่อที่เรือนจำด้วยกันดีไหมคะ”

ร่างกายของคุณแม่ไป๋แข็งทื่อไปชั่วครู่ สีหน้าของเธอเครียดขึ้นมาในทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ยิ้มกว้างออกมา พร้อมกับพูดว่า “…ถ้าลูกอยากไปล่ะก็ พวกเราก็ไปหาคุณพ่อด้วยกันนะ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท