ตอนที่ 243 พวกคุณสนิทกัน
น้ำเสียงของฝ่ายชายฟังดูเคร่งขรึม ไป๋เสว่เอ๋อหัวเราะออกมาด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า
สองวันต่อมา ไป๋เสว่เอ๋ออยู่แต่ในบ้าน นอกจากจะออกไปซื้อกับข้าวกับป้าจางหรือเดินเล่นแล้ว หล่อนทำได้แต่อยู่ในบ้านเฉยๆ
บ่ายของวันต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อทนไม่ไหว มองดูรอยแผลฟกช้ำที่เริ่มจางลงบนหน้า หล่อนจึงหยิบรองพื้นขึ้นมาแต่งหน้า
หลังจากแต่งหน้าเสร็จ รอยแผลบนหน้าของหล่อนหายไปเกือบทั้งหมด ไป๋เสว่เอ๋อจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความสบายใจ จากนั้นหยิบกระเป๋า ค่อยๆย่องออกจากบ้าน
สองวันมานี้ หล่อนพักผ่อนมากพอแล้ว อยู่แต่ในบ้านทำให้หล่อนรู้สึกเบื่อ กลับบริษัทไปยังดีกว่า
ช่วงที่หล่อนรู้สึกเบื่อมักจะคุยเล่นกับเจียงหวั่นหวั่น เมื่อเจียงหวั่นหวั่นรู้ว่าไป๋เสว่เอ๋อกำลังเตรียมตัวไปบริษัท จึงรีบออกมารับหล่อนถึงชั้นล่างของบริษัท
เพิ่งจะถึงประตูบริษัท ทันใดนั้นด้านหน้าของไป๋เสว่เอ๋อมีคนเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็กอดหล่อนแน่น
“เสว่เอ๋อ! คิดถึงเธอมากเลย! ฉันเป็นห่วงเธอมากเลย! มานี่ๆๆ มาให้ฉันดูหน่อยสิ! ”
เจียงหวั่นหวั่นจูงมือไป๋เสว่เอ๋อหมุนรอบ360องศา ตรวจดูรอบตัวของหล่อนว่าพิการแขนขาขาดรึเปล่า เมื่อแน่ใจว่าหล่อนไม่เป็นอะไร หล่อนจึงจะถอนหายใจออกมา
ไป๋เสว่เอ๋ออารมณ์ดีมาก หัวเราะพลางพูดขึ้น “ฉันก็สบายดีอยู่นี่ไง พอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว!”
“โอเคจ้า! ไม่อย่างงั้นฉันจะไปหาเรื่องถานปินแน่!” เจียงหวั่นหวั่นพูดพลาง แสร้งทำเป็นกำหมัดขึ้น
ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกสบายใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
ตั้งแต่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้น เพื่อนที่อยู่รอบข้างของหล่อนค่อยๆทยอยหายไป ขาดการติดต่อ แต่เจียงหวั่นหวั่น เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างหล่อนเพียงคนเดียวในตอนนี้ ตรงไปตรงมาและเรียบง่าย เป็นแบบนี้กลับดีกว่าเสียอีก
“เอานี่ไป! เมื่อครู่ตอนเธอบอกว่าจะมา ฉันก็เลยสั่งชานมไข่มุกไว้สองแก้ว เดาได้เลยว่าเธอต้องอยากกินแน่นอน! ”
เจียงหวั่นหวั่นยื่นมือออกมา ไป๋เสว่เอ๋อจึงเห็นถุงกระดาษในมือของหล่อน
“เธอเข้าใจฉันที่สุดแล้ว!” ไป๋เสว่เอ๋อกระพริบตาปริบๆ รีบรับถุงมา หยิบขึ้นมาหนึ่งแก้ว “ปั้ง” เสียงเจาะหลอดลงไป
ดูดได้สองคำ ไป๋เสว่เอ๋อรีบเก็บชานมลงไปในถุงกระดาษใหม่ และส่งคืนกลับไปให้เจียงหวั่นหวั่น “เธอบอกว่าเป็นของเธอนะ ถ้าเขาเห็นขึ้นมาเขาคงไม่พอใจแน่นอน”
เผยลี่เชินไม่ให้หล่อนดื่มของแบบนี้มาโดยตลอด ในสายตาของเขา ของเหล่านี้ถือว่าเป็น “อาหารขยะ”
เดิมทีหล่อนแอบมาที่บริษัท เขาคงต้องตำหนิหล่อนแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าให้เขาเห็นว่าหล่อนกำลังดื่มชานมไข่มุก หล่อนคงต้องโดนด่ายกใหญ่แน่นอน
เจียงหวั่นหวั่นได้ยินเช่นนั้น ยิ้มแห้ง ท่าทีเหมือนไม่เชื่อไป๋เสว่เอ๋อ “โอ๊ย ฉันเข้าใจจ้า!”
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะคิกคัก พลางเดินขึ้นลิฟต์ไป
เจียงหวั่นหวั่นออกจากลิฟต์ก่อน ไป๋เสว่เอ๋อยังคงขึ้นต่อไปอีกสองชั้น จึงถึงห้องทำงานประธานผู้บริหาร
เมื่อออกมาจากลิฟต์ ยังเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ไป๋เสว่เอ๋อก็เห็นเสี่ยวจางกับเสี่ยวหลิวยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
เมื่อเสี่ยวจางเห็นไป๋เสว่เอ๋อ รีบออกมาตอนรับด้วยท่าทียิ้มแย้ม “พี่เสว่เอ๋อ ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว!”
ไป๋เสว่เอ๋อหัวเราะ ถามขึ้น “ประธานเผยอยู่ไหม?”
“ประธานเผยไม่อยู่….เขาอยู่ที่ห้องประชุม วันนี้มีหุ้นส่วนสำคัญมาที่นี่ น่าจะเรื่องเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ”
“หุ้นส่วนบริษัทไหน? บริษัทเทียนฮว๋ารึเปล่า?”
“ไม่ใช่ค่ะ” เสี่ยวจางส่ายหน้า ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดขึ้นมา “รู้สึกว่าจะเป็นหุ้นส่วนที่มาพูดคุยเรื่องโครงการของรัฐวิสาหกิจ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ ทั้งนี้ พวกเขามาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว น่าจะใกล้เสร็จแล้วค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าตาม เข้าใจขึ้นมาทันที
โครงการรัฐวิสาหกิจครั้งนี้เป็นโครงการใหญ่ ใช้เงินทุนเยอะ ขอบเขตใหญ่ อีกทั้งยังต้องมีความรอบคอบและมีหลักประกันที่มั่นคง ดังนั้นจึงเกรงว่าการร่วมมือครั้งนี้ บริษัทตระกูลเผยจะรับไม่ไหว
ด้วยเหตุนี้ การหาบริษัทหุ้นส่วน มาทำโครงการนี้ร่วมกัน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ไม่เพียงแต่จะเพิ่มหลักประกันให้กับโครงการนี้ ทั้งยังสามารถช่วยกันตรวจสอบได้อีกด้วย
หลังจากที่ถามรายละเอียดเสร็จเรียบร้อย ไป๋เสว่เอ๋อจึงกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ห้องที่เดิมทีถูกเฝิงเช่นทำลายข้าวของจนเลอะเทอะยุ่งเหยิง กลับมาวันนี้ภายในห้องถูกทำความสะอาดไว้อย่างดีแล้ว เพียงแต่เอกสารที่อยู่บนโต๊ะถูกรื้อจนรกไปหมด หล่อนต้องจัดเอกสารใหม่อีกครั้ง
เมื่อจัดไปได้ครึ่งหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อก็ลุกขึ้นไปที่ห้องครัวชงชาร้อน เพิ่งกลับมาจากห้องครัว หล่อนก็เห็นคนเดินเข้ามาเป็นขบวน
คนเหล่านั้นใส่ชุดสูทกันทั้งหมด เมื่อกวาดสายตามองดู เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนของตระกูลเผย
น่าจะมาพูดคุยเรื่องการร่วมมือทำโครงการ ไป๋เสว่เอ๋อไม่ได้คิดอะไรมาก ค่อยๆถือแก้วเดินต่อไปด้านหน้า
“เสว่เอ๋อ?” สายตามองไปกำลังจะเดินชนกับผู้คนกลุ่มนั้น จู่ๆก็มีเสียงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
ไป๋เสว่เอ๋อตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคย
สายตาของหล่อนเป็นประกาย พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “รุ่นพี่?”
ลู่เหยายิ้มด้วยความอ่อนโยน “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
ครั้งที่แล้วพวกเขาเจอกันด้วยความบังเอิญที่หน้าประตูหน้าสวนอีเตียน ทานอาหารตอนค่ำด้วยกัน จากนั้นก็รีบแยกย้าย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกันด้วยความบังเอิญอีกครั้งที่บริษัท
ไป๋เสว่เอ๋อยิ้มพลางตอบกลับ “ฉันทำงานอยู่ที่นี่ค่ะ”
ลู่เหยากำลังอยากจะถามอย่างอื่นเพิ่ม จู่ๆสังเกตเห็นสายตาของคนที่มาพร้อมกับเขามองด้วยท่าทีมึนงง เขายิ้มเจื่อนๆ มองไปที่พวกเขา “พวกนายลงไปก่อน เดี๋ยวผมตามลงไป”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ พวกเขาจึงเดินออกไปทันที
เมื่อพวกเขาเดินออกไป ลู่เหยาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ในเมื่อคุณทำงานอยู่ที่บริษัทตระกูลเผย ผมมาคุยเรื่องหุ้นส่วนที่นี่ ถือเป็นเรื่องบังเอิญมากเลยทีเดียว”
“กำลังจะร่วมมือกับบริษัทของพวกเราเพื่อทำโครงการประมูลของรัฐวิสาหกิจรึเปล่าคะ?”
“ใช่ครับ คุณรู้ได้ยังไง?”
“ฉันเป็นเลขาของประธานเผยค่ะ”
ลู่เหยาตกใจอย่างมาก แอบถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คืนนี้ว่างไหม? พวกเราไปทานข้าวกัน พูดคุยกันสักหน่อยไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่สักพัก กำลังคิดว่าจะไปหรือไม่ไป จู่ๆก็มีเสียงฝีก้าวดังขึ้น
เมื่อหล่อนหันหน้าไป เห็นสีหน้าอันนิ่งขรึมเดินตรงเข้ามา
เผยลี่เชินมองมาที่พวกเขา สายตาจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อ จากนั้นมองไปที่ลู่เหยา เอ่ยปากถามขึ้น “ประธานลู่รู้จักกับเลขาไป๋เหรอ?”
ลู่เหยาหัวเราะ มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อ ยิ้มอย่างลึกซึ้งมากขึ้น “เสว่เอ๋อเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คาดไม่ถึงเลยว่า หล่อนเป็นผู้ช่วยของประธานเผย ช่างบังเอิญจริงๆ”
เมื่อเห็นสายตาของลู่เหยามองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อ เผยลี่เชินรู้สึกไม่สบายใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินเข้าไป ราวกับจะเดินไปบังหน้าหล่อนไว้
“บังเอิญจริงๆ ประธานลู่ ผมยังมีธุระที่ต้องไปทำ ขออนุญาตส่งตรงนี้ครับ”
รู้สึกได้ว่าเผยลี่เชินไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก ลู่เหยารู้สึกตกใจขึ้นมา แต่ไม่พูดอะไร เขายิ้มตอบ “โอเคครับ งั้นผมไม่กวนแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขามองไปที่ไป๋เสว่เอ๋ออีกครั้งและยิ้มให้ “เสว่เอ๋อ ผมไปก่อนนะ ไว้โทรติดต่อกัน”
เมื่อพูดเสร็จ เขาก็หันหลังเดินออกไป
ไป๋เสว่เอ๋อยืนอยู่ด้านหลังของเผยลี่เชิน รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นเคร่งขรึมจากตัวของเขา ไม่รีรอให้หล่อนพูดอะไร เผยลี่เชินรีบหันหลังกลับมา ก้มมองหล่อนลงมา
ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจ “มีอะไรเหรอคะ?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว น้ำเสียงไร้ซึ่งความอดทน “เสว่เอ๋อ? พวกคุณสนิทกัน? ”
รู้สึกได้ถึงความหึงหวงของเขา ไป๋เสว่เอ๋อยิ้มมุมปาก เดิมทีอยากจะอธิบายให้เขาฟังสักหน่อย แต่เมื่อคิดดูแล้ว หล่อนกลับรู้สึกว่าเผยลี่เชินเป็นแบบนี้ดูมีเสน่ห์ดี หล่อนยักคิ้วขึ้น พูดตอบส่งๆ “ก็โอเคนะ”
เมื่อพูดจบ หล่อนหันหลังกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
สีหน้าของเผยลี่เชินนิ่งขรึม แฝงไปด้วยความโกรธ รีบก้าวเดินตามไปที่ห้องทำงานของไป๋เสว่เอ๋อ จากนั้นปิดประตูลง
ไป๋เสว่เอ๋อเพิ่งจะนำแก้ววางลงบนโต๊ะ จู่ๆเอวของหล่อนก็โดนกอดรัดแน่น ตัวของหล่อนถูกดึงไว้ จากนั้นถูกผลักไปด้านหลัง เอวของหล่อนถูกกดลงไปติดกับโต๊ะทำงาน
เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้น ถามขึ้นด้วยความหื่นกระหาย “อะไรคือก็โอเค?”