ตอนที่ 248 กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
“ธุระอะไรงั้นเหรอ ให้พวกเราไปนั่งรอที่ชั้นล่างเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำเป็นหาข้ออ้างบอกว่าประธานเผยไม่อยู่ เพื่อที่จะตอบปัดปฏิเสธพวกเรา คุณบอกมาดีกว่าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!”
สีหน้าของผู้ชายคนหนึ่งในวัย 40 กว่าปีเต็มไปด้วยความโกรธจัด ทันใดนั้น เขาก็เอื้อมมือออกไปและผลักเสี่ยวจางที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
เสี่ยวจางเซไปไม่กี่ก้าว อีกนิดเดียวเธอก็เกือบจะล้มลงไปที่พื้นเสียแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบเดินไปข้างหน้า และยื่นมือออกไปประคองตัวเธอเอาไว้ “ระวังนะ”
ขณะที่เธอเพิ่งพูดจบ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอเรียบร้อยแล้ว
ผู้ชายคนนั้นต้องจ้องเขม็งไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยความโกรธจัด เขาเอ่ยปากถามว่า “ไม่อยากพบก็คือไม่อยากพบ ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างมาตอบปัดปฏิเสธพวกเราเลย!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบอธิบายกลับไปในทันที “ไม่ใช่นะคะ ตอนนี้ประธานเผยไม่อยู่ที่บริษัทจริงๆ ค่ะ ดิฉันเองก็กลัวว่าจะทำให้พวกคุณต้องเสียเวลา ดิฉันจึงแนะนำให้พวกคุณกลับไปก่อนจะดีกว่า และนัดเวลาใหม่เพื่อมาพบในภายหลังค่ะ”
เธอได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับพนักงานของบริษัทจู้หลันมาตั้งนานแล้วว่าพนักงานทุกคนนั้นต่างอารมณ์ร้อนง่าย นึกไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง และก็เป็นจริงดังที่เขาว่ากันด้วย
เมื่อเสี่ยวจางที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นว่าท่าทีของผู้ชายทั้งสองคนนั้นเหมือนพวกอันธพาลไม่มีผิด เธอจึงทนไม่ไหวและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธจัดว่า “ถ้าเกิดพวกคุณไม่หยุดล่ะก็ ฉันจะโทรเรียกรปภ.เดี๋ยวนี้!”
“เรียกรปภ. งั้นเหรอครับ” ผู้ชายอีกคนที่มีรูปร่างอ้วนกว่าเล็กน้อยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “พนักงานของบริษัทใหญ่ยักษ์อย่างพวกคุณล่ะครับ! นอกจากจะดูถูกบริษัทของพวกเราไม่พอ ยังจะมาตกปากรับคำ หลังจากนั้นก็ลอยแพพวกเราทิ้งโดยไม่สนใจไยดี คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมากนักเหรอ!”
ผู้ชายอีกคนหนึ่งอาศัยโอกาสนี้ในการเดินไปที่หน้าห้องประธานบริษัท พร้อมกับจับที่จับประตูหมายที่จะผลักเข้าไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินไปข้างหน้า พร้อมกับขวางประตูเอาไว้ “ขอโทษค่ะ ห้องประธานบริษัทไม่ใช่ที่ที่จะเข้าไปโดยพลการได้นะคะ!”
“ถอยไป! ถ้าฉันไม่เห็นกับตา จะรู้ได้ยังไงว่าประธานเผยไม่อยู่จริง หรือว่าพวกเธอโกหกเรากันแน่!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ยกมือขึ้นมา และใช้แขนของเขาผลักไป๋เสว่เอ๋อร์ออกไป และเปิดประตูเดินเข้าไปยังห้องทำงานด้านในในทันที
ไม่มีใครสักคนเดียวอยู่ในห้องทำงานที่แสนกว้างขวางและสะอาดตานี้ ผู้ชายคนนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเบาๆ “ไม่อยู่จริงเหรอวะเนี่ย! แล้วจะนัดมาตอนนี้ทำไมวะ! นี่มันกลั่นแกล้งพวกเราชัดๆ เลยนี่หว่า!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อาศัยจังหวะนี้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรเรียกรปภ. แต่ผู้ชายคนนั้นก็หันมาพอดี และเมื่อเขาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะโทรศัพท์ ทันใดนั้น เขาก็ตื่นตกใจ และเอื้อมมือมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้แน่นในทันที “ทำอะไรน่ะ! เธอจะเรียกรปภ. จริงๆ เหรอ”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดน้ำเสียงแข็งกร้าวที่เต็มไปด้วยความโกรธ เธอจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา
ผู้ชายคนนั้นนอกจากจะไม่ปล่อยมือแล้ว เขาบีบข้อมือของเธอแรงขึ้น จนทำให้สีผิวของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไป และทำให้ใบหน้าเล็กๆ นั้นต้องขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บปวด
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างเร่งรีบดังขึ้นมาที่บริเวณข้างตัว พริบตานั้นก็ปรากฏร่างของใครบางคนเข้ามาในสายตาทันทีพร้อมกับผลักชายที่จับข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ออกไป
ฉีเฟิงก้าวไปข้างหน้า และใช้กำลังผลักชายคนนั้นออกไปติดบริเวณกำแพง พร้อมกับใช้แขนของเขากดที่บริเวณลำคอของชายคนนั้นเอาไว้
มีรปภ. จำนวนหนึ่งเดินเข้าไปคุมสถานการณ์ และรีบเข้าไปล้อมผู้ชายอีกคนในทันที
เผยลี่เชินเดินไปข้างหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขากวาดสายตามองผ่านผู้ชายสองคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็รีบเดินตรงไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรค่ะ”
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มยังคงไม่สบายใจ เผยลี่เชินจึงเอื้อมมือออกไปกุมมือของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ เมื่อเขาเห็นว่าบริเวณข้อมือของเธอนั้นเป็นสีแดง เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “นี่ยังเรียกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ”
เผยลี่เชินไม่รอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบคำถาม เขาหันหลังกลับไปและมองไปทางฉีเฟิงในทันที พร้อมกับสั่งเขาด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บโดยเจตนา ส่งพวกเขาทั้งสองคนไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้!”
ชายคนหนึ่งที่ถูกรปภ. จับตัวเอาไว้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเช่นเดิมว่า “ประธานเผย! พวกเราแค่อยากจะมาขอพบคุณเพื่อเจรจาธุรกิจเท่านั้น แต่เลขาของคุณกลับปฏิเสธเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังให้พวกเราไปนั่งรอเสียเวลาอยู่ที่ด้านล่างด้วย ทำไมสุดท้ายถึงได้กลายมาเป็นความผิดของพวกเราได้ล่ะ!”
“ใช่! เดิมทีก็เป็นทางฝั่งพวกคุณเองที่เป็นคนนัดหมายเวลา ตอนนี้ก็เป็นพวกคุณอีกที่ปฏิเสธไม่อยากพบด้วย! หรือว่าเวลาของพวกคุณมันมีค่ามากเหลือเกิน จนเวลาของพวกเรามันช่างไร้ค่ามากสินะ!”
ทั้งสองคนผลัดกันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยกราด
สีหน้าของเผยลี่เชินดูคร่ำเครียดจนน่ากลัว ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนสั่งรปภ. ตรงนั้นทันทีว่า “พาตัวไป! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บริษัทเผยซื่อและบริษัทในเครือจะไม่มีการเจรจาทางธุรกิจใดๆ กับบริษัทจู้หลันอีกต่อไป!”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็พาไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปในห้องทำงานทันที
เมื่อเสียงปิดประตู “ปัง” ดังขึ้น เสียงที่เคยดังอึกทึกคึกโครมที่บริเวณด้านนอก ก็ค่อยๆ หายไป และกลายเป็นความเงียบสงบแทน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอถูกเผยลี่เชินพาไปนั่งที่บริเวณโซฟา เขายังคงไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ดีนัก “ผมไม่เห็นด้วย พวกเขาขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร”
“เดิมทีสวี่เยว่หรูเป็นคนนัดหมายให้ผู้รับผิดชอบของบริษัทจู้หลันเข้ามาพบในช่วงบ่ายวันนี้ ผมตอบปฏิเสธพวกเขาไปแล้ว เธอคงยังไม่ทันได้แจ้งให้ทางบริษัทนั้นทราบ แต่แล้วคนของบริษัทนั้นก็มาที่นี่ พวกเราทางฝั่งนี้เลยไม่ได้จัดการต้อนรับอะไรไว้ พอดีกับที่ผมเองก็ไม่อยู่ที่บริษัทด้วย พวกเขาเลยเอาความโกรธไปลงที่คุณแทน”
เมื่อฟังเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเข้าใจขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถามกลับไปอีกว่า “แล้วคุณรู้ได้อย่างไรคะว่าที่บริษัทกำลังเกิดเรื่องขึ้น”
ตอนที่เธอ เสี่ยวจาง และเสี่ยวหลิวกำลังกันไม่ให้ชายสองคนนั้นเข้ามาอยู่นั้น พวกเธอไม่มีเวลาพอที่จะเรียกรปภ. หรือโทรแจ้งเขาเลยสักนิดเดียว นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาช่วยไว้ได้ทันเวลาทีเดียว
เผยลี่เชินหยิบยาทาที่เตรียมเอาไว้ขึ้นมา และค่อยๆ ทาลงไปที่บริเวณแผลฟกช้ำตรงข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “สวี่เยว่หรูโทรมาหาผมบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ห้องประธานบริษัท ผมก็เลยรีบกลับมานี่ไง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และก็พยักหน้าของเธอ
นึกไม่ถึงว่าสวี่เยว่หรูจะเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ หรือเป็นเพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเธอด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยขนาดนี้หรอกใช่ไหม
เผยลี่เชินวางยาทาลง และมองดูรอยฟกช้ำสีม่วงที่บริเวณข้อมือสีขาวของหญิงสาว เขาขมวดคิ้วขึ้น “ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรแบบนี้อีก คุณไม่ต้องออกไปจัดการด้วยตัวเองอีกนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวเราะเล็กน้อย พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “ในเมื่อฉันเป็นเลขาของคุณ ฉันก็ต้องปกป้องคุณสิคะ!”
หัวใจของเผยลี่เชินรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาเอื้อมมือและดึงไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ไม่ต้องปกป้องผมหรอก ตราบใดที่คุณดูแลตัวเองให้ปลอดภัยได้ ผมเองก็โล่งใจแล้ว”
หัวใจของเขานั้นรู้ดี ตั้งแต่ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้มาอยู่เคียงข้างเขา เธอต้องพบกับอันตรายมาไม่น้อยทีเดียว และการที่เผยซื่อตัดสินใจรับโครงการก่อสร้างทางวิศวกรรมโครงการนี้มาไว้ในมือ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสนามต่อสู้ที่เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกตั้งเท่าไร ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้แน่ชัด
ทันใดนั้น สีหน้าของเผยลี่เชินก็เคร่งเครียดขึ้น และพูดขึ้นมาว่า “ผมว่าคุณกลับมาพักที่คฤหาสน์สักระยะน่าจะดีกว่าไหม”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตกใจไปครู่หนึ่ง เธอรีบเอ่ยปากถามกลับไปในทันทีว่า “ทำไมเหรอคะ”
สายตาของเผยลี่เชินเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “โครงการของรัฐวิสาหกิจโครงการนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ผมกลัวว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจได้ในทันที เขาเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่อาจทำให้เธอบาดเจ็บขึ้น
ถ้าเกิดจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกครั้ง และเขาก็ไม่อยู่ข้างตัวเธออีกล่ะก็ เมื่อถึงตอนนั้น มันอาจจไม่ใช่แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเหมือนอย่างตอนนี้ก็เป็นได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว และพูดโพล่งออกมาว่า “ไม่ค่ะ ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณ”
“ไป๋เสว่เอ๋อร์” เผยลี่เชินเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เราคิดนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำหนักแน่นว่า “ฉันรู่ค่ะ แต่ว่าฉันยินยอมที่จะอยู่เคียงข้างคุณ ถึงแม้ว่ามันจะอันตราย แต่ฉันก็เต็มใจ!”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากโน้มน้าวเธอ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบลุกขึ้นจากโซฟาในทันที และเดินไปยืนอยู่ที่ด้านข้าง
เสียงของสวี่เยว่หรูดังขึ้นมาจากหน้าประตู “ท่านประธานคะ ฉันมาส่งรายงานการสำรวจตัวเองค่ะ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดว่า “เข้ามาได้”
เมื่อสวี่เยว่หรูเปิดประตูเข้ามา สายตาของเธอหยุดมองที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เล็กน้อย ก่อนที่จะเธอจะรีบเดินไปหาเผยลี่เชิน พร้อมกับส่งมอบรายงานการสำรวจตัวเองกองหนึ่งไปให้เขา “ท่านประธานคะ เป็นเพราะความผิดพลาดในการทำงานของฉัน ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้น ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เผยลี่เชินยกมือขึ้นและกดบริเวณคิ้วของเขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ช่างมันเถอะ การที่คุณรีบโทรแจ้งผมในตอนนั้น ถือว่าเป็นการชดเชยความผิดพลาดของคุณแล้ว คุณไม่ต้องส่งรายงานนั่นแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน และเดินไปที่บริเวณหน้าต่าง และหันหลังให้กับหญิงสาวทั้งสองคน พร้อมกับโบกมือ “พวกคุณทั้งสองคนออกไปเถอะครับ”