ตอนที่ 255 กำลังมีชู้หรือเปล่า
มือที่กำลังพลิกเอกสารของเผยลี่เชินชะงักไปชั่วครู่ เขาเอนหลังและพิงเข้ากับพนักพิงของโซฟา เขามองไป๋เสว่เอ๋อร์และยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ดูเหมือนว่า คุณจะฉลาดไม่เบานะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มกว้าง และยังคงเอ่ยปากถามต่อไปว่า “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยคะ ช่วงนี้ จินจิงจิงเองก็ดูไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันร้ายแรงเกินไปนี่คะ”
“จะทำหรือไม่ทำ พวกเราเองก็ไม่รู้หรอก” เผยลี่เชินลุกขึ้นยืน และยกมือขึ้นตบบ่าของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเบามือ “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมมีกาลเทศะมากพอ อีกอย่างผมคงไม่ทำอะไรเธอโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอก คุณอย่าไปคิดมากเลย”
เมื่อได้ยินเผยลี่เชินพูดแบบนี้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจ และพยักหน้า “อื้อ”
เธอไม่ใช่คนที่ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน ถึงแม้ว่าเธอกับจินจิงจิงจะเคยมีปัญหาบาดหมางกันมาก่อน แต่ขอแค่จินจิงจิงไม่มายุ่งกับเธอ เธอก็จะลืมความขัดแย้งบาดหมางเก่าๆ ทิ้งไปเสีย
การจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกัน ความอาฆาตจะไม่มีวันจบสิ้น สำหรับเธอเองนั้น เธอเชื่อในการก้าวถอยหลังและกลับมาปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า แต่ในเมื่อเผยลี่เชินพูดออกมาแบบนี้แล้ว เธอเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ครู่ต่อมา จู่ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องบางอย่างได้ขึ้นมาในทันที “อ้อ คุณลุงท่านรู้เรื่องนี้ด้วยไหมคะ”
“ดูจากอารมณ์ของพ่อแล้ว บางทีตั้งแต่ก่อนหน้าที่จินจิงจิงจะแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลนี้ เขาก็คงได้สัมผัสและรู้ถึงธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะ วางใจเถอะ การจัดการด้านอารมณ์ของพ่อดีกว่าพวกเราเยอะ เราไม่ต้องไปกังวลแทนท่านหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พยักหน้าและวางใจได้เสียที
ทันใดนั้น จู่ๆ ดวงตาของเธอก็กลับมืด และมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาบดบังสายตาของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกใครบางคนคว้าตัวเข้าไปกอดเสียแล้ว
เผยลี่เชินก้มศีรษะลงมา นัยน์ตาสีดำเข้มทั้งสองข้างจ้องมองไปที่หญิงสาว “ผมมีความสุขมากเลยที่คุณเป็นแบบนี้”
“เป็นแบบไหนคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้น และเอื้อมมือของเธอไปกอดตัวชายหนุ่มเอาไว้ที่เอว พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
เผยลี่เชินกระซิบพูดกับหญิงสาวอย่างอ่อนโยนว่า “คุณรักในทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวผม คุณเป็นห่วงผม แล้วก็ยังเป็นห่วงคนในครอบครัวผมด้วย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป
ทันใดนั้น หน้าผากของเธอก็รู้สึกถึงความนุ่มนวล ใครบางคนโน้มตัวลงเข้ามาจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ตั้งสติขึ้นมาได้ในทันที
เธอรีบผลีกเผยลี่เชินออกไปอย่างเบามือ จากนั้นก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว “พวกเรายังอยู่ในที่ทำงานนะ…”
รอยยิ้มที่เห็นได้อย่างชัดเจนปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเผยลี่เชิน “กลัวอะไรน่ะ มานี่สิ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ทีเดิมไม่ขยับไปไหน เผยลี่เชินจึงยกมือของเขาขึ้นมา และคว้าเอาข้อมือของหญิงสาว พร้อมกับดึงตัวเธออย่างเบามือให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้น เขาก็ก้มลงจูบหญิงสาวอย่างแนบแน่นในทันที……
ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์อันหรูหราที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง เมื่อเสียง “เพล้ง” ดังขึ้น แจกันดอกไม้ก็ตกลงพื้นและแตกละเอียดในทันที
“คุณทำอะไรไม่ไหวแล้ว คุณบอกฉันมาสิ! ฉันให้เงินคุณไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะกล้าดีมาขอลาออกอีกได้ยังไง!”
จินจิงจิงกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คุณต้องช่วยกู้ภาพลักษณ์ให้ฉันต่อไปสิ! ตอนที่รับเงินไม่เห็นคุณจะพูดจาแบบนี้เลยสักนิดเดียว”
ผู้ชายที่อยู่ปลายสายสะดุ้งด้วยความตกใจกลัว เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาเสียแล้ว “คุณ… ผมไม่กล้าทำงานให้คุณแล้วจริงๆ ถ้าคุณได้มาเห็นสภาพของผมในตอนนี้นะ…… ทั้งหน้าทั้งจมูกของผมปูดโปนไม่ดีขึ้นเลยสักนิดในสองสามวันมานี้! ผมขอร้องล่ะ! ถือเสียว่าผมขอร้องคุณก็แล้วกัน!”
เมื่อปลายสายพูดจบ เขาก็ไม่รอให้จินจิงจิงพูดอะไรโต้ตอบกลับมา จากนั้นเขาก็รีบวางสายในทันที
จินจิงจิงกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น พร้อมกับกัดฟันด้วยความโกรธจัด “ไม่ได้เรื่อง ไร้ประโยชน์!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียง “ตื่อดึ๊ง ตื่อดึ๊ง” ดังขึ้นสองครั้ง มีข้อความเข้ามาทางวีแชตของเธอทั้งหมดสองข้อความด้วยกัน
เธอกดเข้าไปดูข้อความเหล่านั้น และก็เห็นว่าชายคนนั้นโอนเงินกลับมาให้เธอ 50,000 หยวน พร้อมกับส่งภาพภาพหนึ่งมาให้เธอด้วย
ภาพนั้นเป็นภาพใบหน้าของชายคนนั้นที่จมูกของเขาปูดบวมและปรากฏรอยฟกช้ำไปทั่ว ดูแล้วช่างเหมือนกับหัวหมูสิ้นดี และยากมากที่จะจำเค้าหน้าเดิมของเขาได้
จินจิงจิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธจัดว่า “ไร้ประโยชน์!”
เธอไม่ต้องรอให้ผู้ชายคนนั้นเป็นคนบอก ก็พอจะเดาออกได้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร คนที่พร้อมจะดูแลปกป้องไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นอย่างดี นี่ขนาดเธอยังไม่ทันได้ลงมืออะไรมากมาย ฝ่ายนั้นก็เป็นฝ่ายที่ยื่นมือเขามาจัดการปัญหาให้จบเสียเอง กล้าที่จะลงมือทำอะไรชัดเจนขนาดนี้ แถมยังมีความสามารถมากขนาดนี้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเผยลี่เชิน!
“ไร้ประโยชน์! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไร้ประโยชน์ชะมัด!” จินจิงจิงยกมือขึ้นและทุบเตียงเข้าอย่างเต็มแรง ทันใดนั้น ภายในหัวของเธอก็กลับสว่างไสวขึ้นมา เธอคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว
เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่โยนทิ้งไว้ข้างตัวขึ้นมาในทันที เธอกดโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง และในไม่ช้า ปลายสายก็คนกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“พี่เสี่ยว ฉันมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยหน่อย พี่ช่วยหาลูกน้องที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของฉันมาให้สักคนสิ ขอคนที่ดูมีสมองหน่อยก็ดีนะคะ”
“ค่ะ ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร รอให้เรื่องนี้จบเมื่อไร พี่จะได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ”
หลังจากวางสาย ในที่สุด ใบหน้าของจินจิงจิงก็ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาในทันที เธอกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น และเมื่อเธอคิดถึงหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชา
เธอไม่เชื่อหรอกว่าเผยลี่เชินจะสามารถคอยติดตามไป๋เสว่เอ๋อร์ และดูแลปกป้องเธอไม่ให้คลาดสายตาอยู่ตลอดเวลาได้!
ถ้าเธอคิดจะลงมือแล้วล่ะก็ มันย่อมมีโอกาสให้เล่นงานไป๋เสว่เอ๋อร์แน่นอน!
เธอลุกขึ้นยืนจากเตียงอย่างภาคภูมิใจ เมื่อเธอเดินมาถึงยังบริเวณหน้าบันได เธอก็ได้ยินเสียงคนรับใช้กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ขณะที่ทำความสะอาดบ้านอยู่ที่บริเวณชั้นล่าง
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกเขาจะเป็นคนแบบนี้ แถมตอนนี้ข่าวนั้นก็ยังร้อนแรงกระแสดีไม่มีตกด้วยล่ะ…”
“เมื่อวานตอนที่ฉันกำลังซักผ้าอยู่นะ ฉันเจอกระดาษใบหนึ่งที่กระเป๋าเสื้อโค้ทด้านนอกของคุณผู้ชายด้วยแหละ บนนั้นเขียนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ และก็ยังมีรอยลิปสติกสีแดงประทับอยู่บนนั้นด้วย… แกว่า คุณผู้ชายกำลังมีชู้หรือเปล่า……”
“แกหยุดพูดไปเลย! อย่าให้คุณผู้หญิงได้ยินเข้าเด็ดขาดเลยนะ ไปๆ ๆ ……”
จินจิงจิงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจ ราวกับว่าเธอถูกใครบางคนตบเข้าที่ใบหน้าอย่างรุนแรง ทันทีที่เธอตั้งสติขึ้นมาได้นั้น เธอก็รีบวิ่งตึงตังลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว “พวกแกพูดอะไรน่ะ! หยุด เมื่อกี้พวกแกคุยเรื่องอะไรกันอยู่!”
เธอถลึงตามองไปที่คนรับใช้ทั้งสองคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง คนรับใช้ทั้งสองคนต่างยืนนั่งอยู่กับที่ด้วยความกลัว และไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว “คุณผู้หญิง พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย…..”
“เพียะ” จินจิงจิงเงื้อมือขึ้นมา และตบเข้าไปที่ใบหน้าของคนรับใช้คนหนึ่งทันที ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอตะโกนออกมาด้วยความโกรธจัดว่า “พูดออกมา! กระดาษอะไร!”
“คือ… เมื่อวานตอนเย็น ตอนที่หนูกำลังซักเสื้อผ้าให้คุณผู้ชายอยู่ หนูก็เห็น…”
คนรับใช้คนนั้นไม่กล้าที่จะปิดบังจินจิงจิง เธอพลางร้องไห้พลางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เธอพบเห็นให้จินจิงจิงฟังทั้งหมด
จินจิงจิงยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกำหมัดของเธอเอาไว้แน่น “เป็นไปไม่ได้! เมื่อวานเผยอี้บอกฉันว่าเขาทำงานล่วงเวลา! เขาไม่มีทางไปหาผู้หญิงคนอื่นแน่นอน!”
ขณะที่เธอส่ายหัวปฏิเสธอยู่นั้น น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมาและไหลออกมาท่วมใบหน้า เมื่อเธอมองไปเห็นโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่บริเวณด้านข้างโซฟา เธอก็รีบพุ่งตัวไป และคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับกดเบอร์โทรออกไปหาเผยอี้ในทันที
“สวัสดีครับ”
“เผยอี้…คุณกลับมาเลยนะ….คุณรีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ!”
ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเหลืออดดังขึ้นมา “จินจิงจิง คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ”
จินจิงจิงไม่สามารถที่จะอดกลั้นอารมณ์ของเธอเอาไว้ได้ เธอพลางร้องไห้พลางพูดออกไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ฉันเปล่า…เผยอี้ คุณรีบกลับมานะ…ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
เผยอี้ตอบกลับมาด้วยเสียงเข้มว่า “ผมไม่มีเวลาไปหาคุณหรอก!”
จินจิงจิงกรีดร้องด้วยเสียงแหลมกลับไป พร้อมกับโวยวายตีโพยตีพายถามกลับไปว่า “เผยอี้! คุณจำกระดาษใบนั้นที่มีรอบลิปสติกสีแดงที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของคุณได้ไหม ถ้าเกิดคุณไม่กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ละก็ ฉันจะไปหาคุณที่บริษัทเอง!”
เผยอี้นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตอบกลับมาด้วยความโกรธจัดว่า “จินจิงจิง คุณกล้าดียังไง!”
“ตอนนี้ยังจะมีอะไรที่ฉันไม่กล้าอีกเหรอ…….เผยอี้ คุณมีผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม เมื่อวานคุณกลับบ้านช้ามาก คุณไปนอนกกนังผู้หญิงหน้าด้านนั่นมาใช่ไหม”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเสียสติไร้เหตุผลของหญิงสาวผู้นี้ ฟางเส้นสุดท้ายของเผยอี้ก็ขาดผึงลงในทันที
“จินจิงจิง ผมจะกลับไปหาคุณเดี๋ยวนี้ คุณรอผม!”
เมื่อพูดจบ เผยอี้ก็กดวางสายด้วยความโมโหจัดในทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์ของเผยอี้ก็เคลื่อนเข้าผ่านประตูรั้วของคฤหาสน์ เขาดับเครื่องยนต์ และเปิดประตูลงจากรถ
ทันทีที่เขาก้าวเท้าผ่านประตูบ้านเข้ามา เขาก็เห็นคนรับใช้ยืนนิ่งอยู่ที่บริเวณห้องนั่งเล่น เขาพยายามกลั้นความโกรธเอาไว้ และเอ่ยปากถามออกไปว่า “จินจิงจิงอยู่ไหน”
คนรับใช้คนหนึ่งเอ่ยปากตอบกลับมาอย่างระมัดระวังว่า “คุณผู้หญิงอยู่ข้างบนค่ะ……”
เผยอี้รีบก้าวเท้าและเดินขึ้นไปยังชั้นบนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขามาถึงยังบริเวณหน้าประตูห้องนอน เขาก็มองเห็นจินจิงจิงที่เดินเข้ามาทักทาย
“เผยอี้! คุณบอกฉันมานะ คุณกำลัง……”
จินจิงจิงยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ถูกเผยอี้คว้าคอของเธอเอาไว้แน่น “จินจิงจิง คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
เพราะเรื่องราวที่ถูกแฉออกมาของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับบรรดาคำดูถูกเยาะเย้ยสารพัด รวมไปถึงถูกมองด้วยสายตาที่ดูแคลนจากผู้อื่น แล้วตอนนี้เธอยังจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นอีก เธอต้องการอะไรอีกกันแน่!
เผยอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่เขาผลักตัวเธอออกไป จินจิงจิงก็หมดแรงและล้มลงกระแทกเข้ากับตู้ที่ตั้งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็มีเสียง “เพล้ง” จากสิ่งของบางอย่างที่หล่นลงกระแทกพื้นดังขึ้น