ตอนที่ 279 ได้ยินอะไรบ้าง
ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่อยู่ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กว้างมากยิ่งขึ้น เธอเอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “วันพุธหน้าค่ะ วันเกิดของฉัน”
“โอเค ผมจำเอาไว้แล้ว” เผยลี่เชินยกมือบีบไปที่แก้มของหญิงสาวเบาๆ เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “วันพุธหน้า ผมฉลองวันเกิดเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่ทำงานหรอคะ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์กระพริบตาเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้น
เผยลี่เชินตอบกลับอย่างย่อมเป็นเช่นนั้นออกมาว่า “คุณฉลองวันเกิด ยังจะทำงานอะไรกัน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยื่นมือออกไป ตบไปที่บ่าของเขาสองสามทีอย่างไม่แรงไม่เบานัก “ทิ้งงานอย่างเปิดเผย กำเริบเสิบสานนัก!”
ได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆที่ข้างใบหูของเธอว่า “เพื่อคุณแล้ว ทำอะไรก็คุ้มค่า”
เผยลี่เชินพูดคำหวานขึ้นมา ต่างก็ออกมาเป็นชุดๆเหมือนได้เตรียมเอาไว้แล้ว แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงระเรื่ออย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ผลักเขาออกไปด้านข้างเล็กน้อย ไม่ต่อคำอีกต่อไป
มองดูสาวน้อยที่เก้อเขิน มุมริมฝีปากของเผยลี่เชินก็ยกสูงขึ้นอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เธอฉลองวันเกิดในคราวนี้ ในใจของเขาได้มีแผนการเอาไว้แล้ว เขาจะต้องฉลองวันเกิดที่พิเศษที่สุด ยากที่จะลืมที่สุด มีความหมายที่สุดให้กับเธออย่างแน่นอน
งานของหนังสือแผนการเสร็จสิ้น ในมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สะสมงานที่ก่อนหน้านี้ไม่ทันที่จะได้จัดการเอาไว้จำนวนไม่น้อย พอดีกับมาถึงวันสุดท้ายของหนึ่งสัปดาห์ ต้องทำสรุปของทั้งสัปดาห์ เธอจึงจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในความคืบหน้าของงาน
“ปังๆ…”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พอไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเจียงหวั่นหวั่นที่ยืนอยู่ตรงที่หน้าประตู เธอยกมุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากถามขึ้นว่า “ทำไมมีเวลามาหาฉันถึงที่นี่ได้ล่ะ? ภารกิจที่อยู่ในมือเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอ?”
พอเจียงหวั่นหวั่นได้ยินภารกิจสองคำนี้ ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาในทันที เธอเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานช้าๆ ถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาว่า “วันนี้ตอนบ่ายยังต้องออกไปหาลูกค้า ไม่งั้นภารกิจไม่ถึงเป้าที่กำหนด โบนัสในเดือนนี้ก็ต้องเสียไปฟรีๆอีก…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถือโอกาสนำเอกสารที่อยู่ในมือวางลงไปอีกด้าน จากนั้นเอ่ยถามขึ้นว่า “งั้นเธอมาหาฉันที่นี่ทำไม? ฉันทางนี้ก็มีงานไม่น้อยที่ต้องจัดการ ไม่มีเวลาเล่นเป็นเพื่อนกับเธอหรอกนะ”
“ชีวิตแม้ว่าจะลำบาก แต่ต้องรู้จักหาความสุขให้กับตัวเอง” เจียงหวั่นหวั่นนั่งลงหน้าโต๊ะทำงาน เท้าคางขึ้น “เสว่เอ๋อร์ เธอยังติดปิ้งย่างฉันตั้งหลายมื้อนะ เย็นนี้ไปกินกัน? พรุ่งนี้เป็นสุดสัปดาห์พอดี ไม่ต้องทำงาน!”
“กินๆๆ เจียงหวั่นหวั่นในสมองของเธอมีเพียงแค่เรื่องกินใช่ไหม?” ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งโมโหทั้งขำ “อีกอย่างสำหรับฉัน หากงานที่อยู่ในมือจัดการไม่เสร็จแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ยังต้องทำโอที ก็ไม่ถือว่าเป็นสุดสัปดาห์อะไร”
“โอ้โห!ฉันไม่เชื่อคำพูดของเธอหรอก!” เจียงหวั่นหวั่นส่งสายตาหวานให้กับเธอ “ฉันกล้าพนัน ถึงสุดสัปดาห์เธอจะต้องออกไปเดทกับประธานเผยอย่างแน่นอน!”
มือที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างของไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักลง พอคิดถึงว่าพรุ่งนี้เผยลี่เชินจะต้องออกไปเป็นเพื่อนกับเหอหย่าหานแล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
เผยลี่เชินจะออกไปเดทกับเธอที่ไหนกันล่ะ? เขากำหนดแผนการเดินทางของตัวเองเอาไว้ตั้งนานแล้ว
สังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติไปของไป๋เสว่เอ๋อร์ เจียงหวั่นหวั่นก็รีบเอ่ยปากอย่างรู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรผิดไปในทันที “เธอก็บอกมาสิว่าเย็นนี้จะออกไปกับฉันหรือเปล่า!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “ไป ต้องไปอย่างแน่นอน เธอออกไปเจรจากับลูกค้าเสร็จโทรมาหาฉันทันที ฉันจะออกไปหา”
รอจนกระทั่งเจียงหวั่นหวั่นหมุนตัวออกจากที่นี่ไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง
เธอดูเหมือน จะใส่ใจเผยลี่เชินมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ซะอีก
ชั่วพริบตา ก็ถึงช่วงเวลาทำงานตอนบ่าย เจียงหวั่นหวั่นกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนมาถึงยังห้องรับรองพิเศษที่จองเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อพบปะกับลูกค้า
เจรจาไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการร่วมลงทุนอย่างเป็นทางการเท่าไรนัก เจียงหวั่นหวั่นยังถูกโน้มน้าวให้ดื่มเหล้าไปตั้งหลายแก้ว เห็นว่าเธอใกล้จะเมาแล้ว เพื่อนร่วมงานผู้ชายที่อยู่ด้านข้างก็ตบไปที่ไหล่ของเธอเบาๆ กดเสียงให้ต่ำลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวเจียง คุณอย่าดื่มอีกเลย หาข้ออ้างออกไปสักพัก อีกสักครู่ค่อยกลับมา”
รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาที่ดี เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้าเล็กน้อย มองดูลูกค้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วส่งยิ้มอย่างเกรงใจ “ประธานจ้าว ฉันขอตัวออกไปห้องน้ำก่อนนะคะ อีกสักครู่กลับมาค่อยดื่มเป็นเพื่อนคุณ”
พูดจบ เธอก็รีบหมุนตัวออกจากห้องรับรองพิเศษไปในทันที
พนักงานฝ่ายการตลาดต้องออกมาเจรจากับลูกค้าอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่สถานการณ์แบบนี้ จะไม่ดื่มเหล้าก็ไม่ได้ และก็ไม่สนว่าเป็นกลางวันหรือว่ากลางคืน สรุปแล้วก็คือ อยากร่วมธุรกิจกันก็ต้องใช้การดื่มเหล้ามาแสดงความจริงใจกันก่อน ราวกับกลายเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาของวงการธุรกิจไปแล้ว
เจียงหวั่นตบแก้มเบาๆ ทำให้ตนเองตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย ยังดี เพื่อนร่วมงานชายเมื่อสักครู่นี้ช่วยเธอสกัดลงไปไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงเมาไปตั้งนานแล้ว
เดินมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ เจียงหวั่นหวั่นกำลังคิดที่จะเข้าไปล้างหน้า แต่ใครจะรู้ว่าขายังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ก็ได้ยินเสียงแหลมสูงจากข้างในดังสะท้อนออกมา
“แม่เอ๊ย!ก็ไม่ลองดูสักหน่อยว่าตัวเองเป็นยังไง ยังจะมารับเลี้ยงฉัน? ฉันจำเป็นต้องให้เขามารับเลี้ยงหรอ!หากไม่ใช่เพื่อโครงการงานก่อสร้างนี่ ฉันจะยังดื่มเป็นเพื่อนเขา ดื่มกะผีสิ!”
คนที่อยู่ข้างในดูเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์ โมโหจนด่าไม่หยุด เจียงหวั่นหวั่นเพิ่งจะคิดหมุนตัวออกจากที่นี่ไป อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของคนนั้นขึ้นมาอีก “ลู่ลู่เธอว่า ฉันจินจิงจิงคือตำแหน่งอะไร? หากไม่ใช่เพราะในมือของเขามีอำนาจนิดหน่อย ใครจะยอมเอาเวลาไปเสียกับผู้ชายที่ถ่อยอย่างเขา?”
พอได้ยิน “จินจิงจิง” สามคำนี้ ฝีก้าวของเจียงหวั่นหวั่นก็หยุดชะงักลงในทันที หูตั้งขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ไม่นานเธอเกิดเรื่องถูกคนลักพาตัว ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ใช่บอกว่าเป็นจินจิงจิงที่ทำหรอกหรอ? หรือว่าจะบังเอิญขนาดนี้จริงๆ? เธอพบเข้ากับเธอที่นี่?
เจียงหวั่นหวั่นอดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ จึงหมุนตัวกลับไป มองลอดไปยังด้านในผ่านตะเข็บประตูตรงหน้าห้องน้ำ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงรัดรูปสีแดงยืนอยู่มุมกำแพงด้านในสุด กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยความโมโหอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
“หากไม่ใช่เพื่อจะสามารถทำให้เผยอี้มีความสุข ช่วยเขาเปิดผ่านความสัมพันธ์เหล่านี้ ฉันต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากขนาดนี้หรอ?โอ๊ย ช่างเถอะๆ ยังไงฉันก็กลับไปก่อนแล้วกัน!ไม่งั้นชายแก่คนนั้นอีกสักพักก็คงจะบ่นออกกมาอีกแล้ว!รับโครงการงานก่อสร้างนี่เอาไว้ให้ได้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันละกัน!”
ในขณะที่จินจิงจิงพูด ก็หันข้างมาอย่างช้าๆ เจียงหวั่นหวั่นยืนอยู่ที่หน้าประตู สามารถมองเห็นใบหน้าด้านข้างของเธอได้อย่างชัดเจนพอดี
ยังคงเป็นจินจิงจิงจริงๆด้วย!
กลัวว่าจะถูกพบเข้า เจียงหวั่นหวั่นรีบหันตัวในทันที แต่ใครจะรู้เพราะว่าตื่นเต้นเท้าเลยอ่อนขึ้นมา เตะไปที่ประตูในทันที ส่งเสียง “ปัง” ออกมาดังลั่น
เจียงหวั่นหวั่นตกใจ นิ่งอึ้งไปสักพัก ยังไม่ทันจะมีการตอบสนองกลับมา เสียงของจินจิงจิงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ใครอยู่ที่หน้าประตู!”
เจียงหวั่นหวั่นเพิ่งคิดจะเดินหนีไป แต่ใครจะรู้ว่าจินจิงจิงได้เดินมาถึงที่หน้าประตูแล้ว จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น “เธอได้ยินอะไรบ้าง!”
พอคิดถึงเรื่องถูกลักพาตัวในช่วงก่อนหน้านี้ เจียงหวั่นหวั่นก็เย็นวูบไปทั่วทั้งตัวอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ จินจิงจิงคนนี้ ไม่ได้สุภาพอ่อนโยนแบบที่ปกติเห็นกันในอินเทอร์เน็ตทั่วไป ตอนนี้กำลังถลึงตา ดูดุร้ายจะแย่อยู่แล้ว
เห็นเจียงหวั่นหวั่นไม่ตอบ สีหน้าของจินจิงจิงก็ยิ่งไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น “รีบพูดมา!เธอได้ยินอะไรบ้าง?”
“ไม่ ไม่มีค่ะ…” เจียงหวั่นหวั่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด ถือโอกาสพูดโกหกออกมา “พี่จิงจิง ที่จริงแล้วฉันเป็นแฟนคลับผู้ซื่อสัตย์ของพี่ค่ะ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพี่ที่นี่ เมื่อครู่นี้ฉันตื่นเต้นมากจนเกินไป ขอโทษด้วยค่ะ…”
พอได้ยินเจียงหวั่นหวั่นพูดมาเช่นนี้ สีหน้าของจินจิงจิงก็ผ่อนคลายลงมาเป็นอย่างมากในทันที “ที่เธอพูด…เป็นความจริงทั้งหมด?”
“แน่นอนสิคะ!” เจียงหวั่นหวั่นรีบพยักหน้าขึ้นมา “ฉันยังเคยตามละครพี่ตั้งหลายเรื่องแหนะ!”
ได้ยินเจียงหวั่นหวั่นพูดเช่นนี้ จินจิงจิงถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลับยังยักคิ้วอย่างค่อนข้างที่จะภาคภูมิใจเสียด้วยซ้ำ จากนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “วันนี้ไม่ได้พกปากกา คราวหน้าเจอเธอ จะเซ็นลายเซ็นให้”
“โอเคค่ะๆๆ งั้นดีมากเลยค่ะ!” เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง
จินจิงจิงยังอยากจะพูดอะไรอีกซักสองสามประโยค แต่ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธออยู่ๆก็สั่นขึ้นมา มองไปที่หน้าจอแวบหนึ่ง เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นเจียงหวั่นหวั่นที่อยู่ด้านข้างกำลังจ้องมองเธอ ก็รีบโบกไม้โบกมือ หัวเราะออกมาเล็กน้อย “กำลังคุยธุระกับฝ่ายผู้จัดของภาพยนตร์เรื่องใหม่ งั้นไม่คุยด้วยละ ไว้เจอกันใหม่”
พูดจบ เธอก็ก้าวขา บิดเอวเดินจากไปในทันที