สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 329

ตอนที่ 329

ตอนที่ 329 แฟลชไดรฟ์หายไปแล้ว

บรรยากาศรอบตัวของพวกเธอนั้นนิ่งเงียบลงไปครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น และมองสวี่เยว่หรูด้วยสายตาที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง จากนั้น เธอก็เอ่ยปากพูดออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็เงียบปากไว้ได้นะ ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก”

เมื่อถูกไป๋เสว่เอ๋อร์โต้ตอบกลับมาแบบนี้ สีหน้าของสวี่เยว่หรูก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินด้วยความโกรธ เธอคีบตะเกียบเอาไว้แน่น สีหน้าของเธอนั้นฟ้องว่าเธอนั้นโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด

เธอหัวเราะขึ้นจมูก จากนั้นก็ขึ้นเสียงเล็กน้อยว่า “ฉันพูดผิดตรงไหน ที่บ้านเธอเพิ่งมีคนตายไปไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นเธอจะทำหน้าเศร้าแบบนี้ไปให้ใครกัน”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองสวี่เยว่หรู เปลวไฟแห่งความโกรธจัดปะทุขึ้นมาภายในดวงตาของเธอ

การตายของคุณพ่อของเธอนั้นได้กลายเป็นแผลใจที่ฝังอยู่ข้างในตัวเธอ ตอนนี้แผลใจที่ว่านั้นค่อยๆ ฟื้นตัวและดีขึ้นจนสมบูรณ์แล้ว แต่เมื่อถูกใครบางคนพูดแทงใจดำเพื่อซ้ำเติมความเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้งในทันทีแบบนี้ แผลที่เคยตกสะเก็ดและใกล้หายดีของเธอนั้นก็ถูกวาจาที่แหลมคมดั่งมีดกรีดเปิดแผลและแทงซ้ำและย้ำเข้าไปอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์มีสีหน้าเศร้าหมอง สวี่เยว่หรูก็กลอกตาเหลือบบน จากนั้นก็พูดต่อไปอีกว่า “เป็นอะไรไปล่ะ! ทีนี้ไม่พูดแล้วเหรอ ใครๆ เขาก็รู้กันหมดว่าพ่อของใครบางคนต้องเข้าไปนอนในคุกเพราะก่อคดีฉ้อโกงน่ะ แถมดันมาตายก่อนที่จะชดใช้กรรมในคุกสำเร็จด้วย ไหน พวกเธอลองบอกฉันมาสิว่า แม้แต่สวรรค์ก็ยังไม่คิดที่จะเหลียวแล……”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รอให้เธอพูดจนจบ ทันใดนั้น เธอก็ยกถาดอาหารของเธอขึ้นมา และคว่ำลงไปบนศีรษะของเสวี่เยว่หรูในทันที

ข้าวสวย ผัดผัก และน้ำแกง รวมไปถึงถ้วยอาหารอีกใบที่ยังคงกองค้างเติ่งอยู่บนศีรษะของสวี่เยว่หรู ทันใดนั้น เธอก็หยุดพูดไปในทันที เธอยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม พร้อมด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อเพราะความตกใจ

เมื่อถึงเวลาทานอาหารกลางวัน โรงอาหารจะกลายเป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านเป็นอย่างมาก และยิ่งเมื่อตอนนี้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้นด้วยแล้ว พวกเธอทั้ง 4 คนก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที สายตาของทุกคนต่างพุ่งตรงมองมายังพวกเธอแทบทั้งสิ้น

ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบกระดาษเช็ดมือที่วางอยู่ข้างลำตัวขึ้นมา เธอค่อยๆ เช็ดมือของเธอ แล้วเดินจากไป

ในตอนนั้นเองที่สวี่เยว่หรูได้สติขึ้นมาและรีบตอบโต้กลับไปในทันที เธอรีบลุกขึ้นยืนและเขวี้ยงถ้วยชามออกไปในทันที เธอมองดูอาหารที่ติดเต็มไปทั่วทั้งบริเวณศีรษะและหน้าของเธอ มันช่างเป็นภาพที่ดูไม่จืดและชวนให้หัวเราะขำขันเสียจริงๆ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็รีบสาวเท้าวิ่งตามไป๋เสว่เอ๋อร์ไป แต่ใครจะไปคาดคิดว่าน้ำแกงเมื่อครู่นี้นั้นก็หกเลอะไปทั่วพื้นที่ตรงนั้นเช่นกัน ทำให้เธอเกิดลื่นและล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างน่าอับอายมากขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่วทั้งโรงอาหาร

แต่สำหรับหนึ่งในคนที่ก่อความวุ่นวายนี้ขึ้นมาอย่างไป๋เสว่เอ๋อร์นั้น เธอกลับเดินออกจากโรงอาหารไปโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับมาเลยแม้แต่น้อย

สวี่เยว่หรูต้องตกเป็นเป้าสายตาของความอับอายที่เกิดขึ้นนี้ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่อาจที่จะมองหน้าใครต่อไปได้อีก เธอทั้งโกรธทั้งโมโห ขณะที่เธอกำลังสบถก่นด่าอย่างไม่หยุดนั้น เสี่ยวหลิวก็เข้ามาช่วยคว้าตัวเธอให้ลุกขึ้นมาจากพื้น “ยังไงซะฉันก็พูดความจริง! คอยดูนะสักวันฉันจะต้องเอาน้ำแกงมาราดบนหัวนังนั่นให้ได้!”

เสี่ยวจางที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นมองดูไปที่พวกเขาสองคนด้วยความอับอาย เธอนิ่งเงียบลงไปครู่หนึ่ง จากนั้น ก็เดินออกจากโรงอาหารแห่งนี้ไป

สวี่เยว่หรูยังคงสบถและก่นด่าต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะใช้กระดาษทิชชู่ที่พกติดตัวในกระเป๋าจนหมดเกลี้ยงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของเธอก็ยังคงไม่สะอาด และเต็มไปด้วยคราบอาหารอยู่ดี

เสี่ยวหลิวรีบเอ่ยปากออกมาว่า “พี่เยว่หรูคะ เดี๋ยวหนูจะไปซื้อทิชชู่เปียกจากตรงร้านขายเครื่องดื่มก่อน แล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยเข้าไปเช็ดที่ห้องน้ำอีกที พี่รอหนูสักครู่นะคะ”

สวี่เยว่หรูนั่งรออยู่ตรงนั้น และสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนรอบข้างที่กำลังมองมาที่เธอ เธอรู้สึกขายหน้าจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เธอทรุดตัวลงนั่งกับที่ กัดฟันด้วยความโกรธจัดเพื่อคิดหาทางแก้แค้นไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนโต๊ะอาหารเข้า

เมื่อกี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งทานข้าวอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ และในตอนนี้ ที่ตรงนั้นก็มีแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งวางอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะทำตกเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น ภายในหัวของเธอก็ปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ สวี่เยว่หรูกวาดสายตามองไปยังรอบข้างของเธอ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกำลังมองเธออยู่นั้น เธอก็รีบคว้าแฟลชไดรฟ์อันนั้นขึ้นมา และกำเอาไว้ในมือของเธออย่างรวดเร็ว

ใครจะไปรู้ว่าในแฟลชไดรฟ์นี้มีข้อมูลอะไรซ่อนอยู่ เธอต้องเอาไปตรวจสอบดูให้รู้ว่ามีข้อมูลอะไรที่จะเอาไปเล่นงานไป๋เสว่เอ๋อร์ได้บ้าง และใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้นสิ่งที่เธอทำลงไปในวันนี้ซะ!

เมื่อเสี่ยวหลิวซื้อทิชชู่เปียกกลับมาให้เธอเรียบร้อยแล้ว สวี่เยว่หรูก็ไปที่ห้องน้ำ และล้างคราบต่างๆ ออกไป เธอล้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรีบหาข้ออ้างเพื่อเสี่ยวหลิวออกไปจากที่นี่ “เสี่ยวหลิว หนูช่วยพี่หน่อยได้ไหม ตอนนี้เสื้อผ้าของพี่มันสกปรกหมดแล้ว หนูช่วยไปที่ห้องทำงานพี่แล้วเอาชุดที่พี่แขวนเตรียมไว้มาให้หน่อยได้ไหม พี่จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนี้ออกน่ะ”

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้นแล้ว เสี่ยวหลิวก็รีบพยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเลในทันที “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้นะคะ”

หลังจากเสี่ยวหลิวเดินออกไปจากห้องน้ำ สวี่เยว่หรูก็รีบเดินตามออกมาจากห้องน้ำแทบจะในทันที เธอรีบเดินไปยังบริเวณพื้นที่พักผ่อนของบริษัท และเมื่อหาคอมพิวเตอร์ได้เครื่องหนึ่งแล้ว เธอก็เสียบแฟลชไดรฟ์เข้าไปในทันที

ภายในแฟลชไดร์ฟนั้นไม่มีข้อมูลอะไรมากมาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานแทบทั้งสิ้น หลังจากลองตรวจสอบดูทั้งหมดแล้ว สวี่เยว่หรูก็ไม่พบข้อมูลที่มีค่าพอที่จะเอาไปใช้เล่นงานไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ เธอสบถคำด่าออกมาอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอกำลังจะดึงแฟลชไดร์ฟออกมานั้น ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นไฟล์เอกสารไฟล์หนึ่ง ซึ่งชื่อไฟล์เอกสารนั้นเขียนไว้ว่าเอกสารความร่วมมือของบริษัทซิ่งหง

เมื่อพูดถึงความร่วมมือระหว่างบริษัทของเธอกับบริษัทซิ่งหงนั้น เร็วๆ นี้ ทั้งสองบริษัทกำลังจะจัดการประชุมเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจสำหรับช่วงสิ้นปีนี้ไม่ใช่เหรอ

เธอไม่เสียเวลาคิดมากอีกต่อไป และคลิกเข้าไปดูรายละเอียดในทันที ใครจะไปคาดคิดว่านี่คือไฟล์ใบเสนอราคาที่ทางบริษัทจะต้องส่งไปให้บริษัทซิ่งหงพิจารณาพอดี

ทันใดนั้น สวี่เยว่หรูก็ปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบใช้เมาส์คลิกคำสั่งบางอย่างในทันที…

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็ดึงแฟลชไดร์ฟออกมา และกลับไปยังที่โรงอาหารอีกครั้ง พร้อมกับนำแฟลชไดร์ฟนั้นกลับไปวางไว้ที่โต๊ะเปล่าตัวหนึ่ง

สิ่งนี้ไม่มีค่าพอที่จะขมโยไปเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินได้ ถึงแม้จะมีคนเห็นเข้า แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะหยิบมันไปแน่นอน และเมื่อรวมกับความจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทต่างมักจะลืมหรือทำสิ่งของหล่นเอาไว้เสมอ ดังนั้น ภายในโรงอาหารจึงมีตู้กระจกสำหรับของหายตั้งเอาไว้อยู่ที่บริเวณข้างๆ ร้านขายเครื่องดื่มนั่นเอง

ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ตัวว่าทำแฟลชไดรฟ์หาย เธอจะต้องกลับมาที่นี่เพื่อตามหามันอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ สวี่เยว่หรูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชอบใจขึ้นมาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น ก้มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ “พี่เยว่หรู ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ หนูอุตส่าห์ไปหาพี่ที่ห้องน้ำตั้งนานแหน่ะ”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิวกำลังถือเสื้อผ้าเดินเข้ามาหาเธอนั้น สวี่เยว่หรูก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า “พี่รู้สึกคอแห้งนิดหน่อยน่ะ ขอบคุณเธอมากนะ เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ เธอก็ดื่มอะไรรออยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน”

ขณะที่เธอกำลังมองสวี่เยว่หรูรับเสื้อผ้า พร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างมีความสุข เสี่ยวหลิวก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

เมื่อกี้สวี่เยว่หรูยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็กลับมีอารมณ์ดีและดูมีความสุขขึ้นมากทีเดียว ราวกับว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น……

อีกด้านหนึ่ง ณ สำนักงานเลขานุการ

ไป๋เสว่เอ๋อร์ปิดประตู ในที่สุด สีหน้าที่เคยเยือกเย็นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นบ้างเล็กน้อย เธอพิงเข้ากับประตู ร่างกายของเธอค่อยๆ ไหลลงไปนั่งยองๆ ที่ด้านล่าง จากนั้นน้ำตาของเธอก็ค่อยๆ เอ่อล้นและไหลรินออกมา

เมื่อได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณพ่อของเธอ เธอก็ยังคงไม่อาจทำใจได้ ภายในหัวของเธอนั้นยังคงได้ยินเสียงของสวี่เยว่หรูพูดประโยคเหล่านั้นดังก้องซ้ำไปซ้ำมา จนรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว

มีคนจำนวนเท่าไรกันที่ทำเหมือนเธอและครอบครัวนั้นเป็นตัวตลก แล้วยังมีคนอีกเท่าไรที่คิดเหมือนกับที่สวี่เยว่หรูคิดว่าการที่พ่อของเธอต้องเข้าไปรับโทษในเรือนจำ และการที่พ่อของเธอต้องตายนั้น เป็นเรื่องที่สมควรเกิดขึ้น

ยิ่งเธอคิดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์เช็ดน้ำตาของเธอ ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านหลังในทันที

เสียงของเสี่ยวจางดังขึ้นมาจากด้านหลังของประตู “พี่เสว่เอ๋อร์ พี่อยู่ไหมคะ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรีบเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเธอในทันที เธอสงบสติอารมณ์ และค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หันหลังกลับไปเปิดประตูห้อง

เสี่ยวจางยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู พร้อมกับถือข้าวกล่องเอาไว้อยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าบริเวณดวงตาของไป๋เสว่เอ๋อร์มีสีแดงก่ำ เธอก็เอ่ยปากพูดออกไปโดยไม่ถามอะไรต่อในทันทีว่า “พี่เสว่เอ๋อร์ เมื่อกี้หนูเห็นพี่กินข้าวไปนิดเดียวเอง หนูก็เลยวิ่งไปซื้อข้าวกล่องที่ชั้นล่างของบริษัทมาให้พี่ค่ะ พี่ลองชิมดูนะ ขอบอกเลยว่าข้าวหน้าไก่เทอริยากิของร้านนี้อร่อยจนต้องขอกล่องที่สองเลยล่ะค่ะ”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็หยิบข้าวกล่องยัดใส่มือไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที และรีบพูดต่อไปว่า “ต้องกินตอนที่ยังร้อนนะคะ! ตอนบ่ายยังต้องทำงานต่ออีก! หนูขอตัวก่อนนะคะ!”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ไม่รอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบอะไรกลับมา และรีบหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เธอเข้าใจและรู้วิธีที่จะให้เวลาไป๋เสว่เอ๋อร์สักพัก รวมไปถึงไม่คิดแม้แต่จะพูดถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ขึ้นมาอีกเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังไปซื้อข้าวกล่องมาให้เธออีก สิ่งที่เสี่ยวจางทำนั้นทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รับรู้ได้ถึงความรักความอบอุ่นเป็นอย่างมาก

ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เธอถือข้าวกล่องที่ยังคงร้อนอยู่เอาไว้ในมือ และยิ้มขึ้นที่มุมปากทันที

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนกับสวี่เยว่หรู ยังคงมีคนที่อบอุ่นและละเอียดอ่อนหลงเหลืออยู่

ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหลังและปิดประตูห้อง เมื่อเธอเดินไปยังบริเวณหน้าโต๊ะทำงาน เธอก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ในที่สุด เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรออกไปหาหมายเลขหมายเลขหนึ่งที่อยากโทรออกเหลือเกิน แต่กลับอดกลั้นและพยายามไม่กดโทรออกในช่วงนี้

หลังจากที่เธอติดต่อลู่เหยาครั้งสุดท้ายไปก็เป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เธอได้แต่เฝ้ารออย่างมีความหวังให้ชายหนุ่มนั้นโทรมาหาเธอ แต่ทว่าเธอเองก็กลับกลัวที่จะรู้ความจริง และไม่อยากไปกดดันลู่เหยาเข้าด้วย ดังนั้น เธอจึงไม่กล้าที่จะกดโทรออกไปหาเขาเลยแม้แต่สักครั้งเดียว

แต่ในตอนนี้นั้น เธอกลับอดทนไม่ไหวอีกต่อไป และมันก็ถึงเวลาแล้วล่ะ

เมื่อปลายสายกดรับโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก เธอเอ่ยปากถามออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “รุ่นพี่ลู่คะ ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นบ้างไหมคะ”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท